:::     :::

นักฟุตบอลในแบบ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส"

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
5,496
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลายเป็นนักเตะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะขาดไม่ได้แล้ว

สำหรับ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส ที่รักษาฟอร์มการเล่นอย่างสม่ำเสมอกับพลพรรคปีศาจแดงโดยล่าสุด เจ้าตัวสามารถทำแฮตทริค ในเกมนัดเปิดสนามพรีเมียร์ลีก 2021-22 ช่วยต้นสังกัดเปิดบ้านเอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด อย่างขาดลอย 5-1 


นอกจากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม หนึ่งสิ่งที่ทำให้บรูโน่ ก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์ และเข้าไปครองใจแฟนบอลหลายต่อหลายคน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าทัศนคติช่วงนี้ เราไปดูบางส่วนของมุมมองของเขากันว่า การจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพในแบบฉบับของเขานั้น ต้องอาศัยปัจจัยอะไรบ้าง ? 

อย่าคิดว่าตัวเองแย่ที่สุด และอย่าคิดว่าตัวเองดีที่สุดดาวเตะวัย 26 ปี เริ่มเล่าถึงมุมมองการเล่นฟุตบอลของตัวเอง แน่นอนว่า เขามีรุ่นพี่ในนามทีมชาติโปรตุเกส และเป็นอดีตแข้งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้เป็นบุคคลต้นแบบ ในการอยากเดินรอยตาม


บรูโน่ กล่าวต่อว่าสำหรับผมแล้ว ทุกเรื่องของชีวิต เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตัวเอง เป็นไปไม่ได้หรอก ที่คุณจะเป็นคนที่แย่ที่สุด และดีที่สุดไปตลอด ดังนั้น คุณมีเวลาปรับปรุงอยู่เสมอ


ลองมองไปที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับลิโอเนล เมสซี่ พวกเขาพยายามปรับปรุงตัวเองทุกฤดูกาล เป็นไปได้ยังไงกัน ? ทุกคนต่างบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกซีซั่นที่ผ่านไป พวกเขามีแต่ดีขึ้น, ดีขึ้น และดีขึ้น ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา พวกเขาต่อสู้เพื่อคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ในโลกลูกหนังนั้น เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว


ผมมีโอกาสเล่นทีมชาติโปรตุเกส ร่วมกับโรนัลโด้ ผมเห็นเขาอยากพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งลูกฟรีคิก, ลูกยิง, ลูกโหม่ง และลูกโทษ เขาต้องการปรับปรุงทุกอย่างตลอดเวลา เมื่อพบกับความพ่ายแพ้ โรนัลโด้ รู้ว่าเขาต้องพัฒนาขึ้น และเมื่อพบกับชัยชนะ เขารู้ว่าต้องปรับปรุงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆให้ดีขึ้นไปอีก


ช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นกับการมาของผม เพราะช่วงเริ่มแรก เป็นอะไรที่สวยงาม ผมรู้ดีว่า ก้าวแรกที่ผมผิดพลาด ทุกคนจะพุ่งเข้ามา พร้อมกับพูดว่า -หมอนี่ไม่ดีพอที่จะเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรอก-"


"หรือไม่ก็พูดกับผมด้วยประโยคที่ว่า -สโมสรควรซื้อนักเตะใหม่ เพื่อมาเล่นแทนตำแหน่งของหมอนี่ได้แล้ว- มันคงเป็นไปในรูปแบบนั้น ดังนั้น ผมต้องเฝ้าพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง

บรูโน่ กล่าวถึงหนึ่งปัจจัยสำคัญ ในการเป็นนักฟุตบอลของเขา นั่นคือการรักษาความฝันเอาไว้ เพราะนี่เป็นเชื้อไฟชั้นดี ในการผลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับเป็นการลงมือทำทุกอย่าง โดยมีความสุขคอยนำทาง โดยบอกว่าจงทำตามความฝันของคุณเอง"


"ไม่สำคัญหรอกว่า ใครจะพยายามดูถูก หรือใครจะบอกว่าคุณไม่ดีพอ ที่จะเป็นนักฟุตบอลได้ คุณต้องทำตามความฝันของตัวเอง หากมันเป็นความฝันของคุณจริงๆ คุณแค่มุ่งสมาธิ และทำงานหนัก ไม่สำคัญหรอกว่า จะมีคนหนุนหลังคุณหรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้ว แรงสนับสนุนเดียวที่คุณต้องการ คือมาจากตัวของคุณเอง"


ผมอยากย้ำว่า มันไม่เกี่ยวด้วยว่า ใครจะเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณลงมือทำหรือไม่ ? ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน ออกไปไล่ตามความฝันซะ เก็บรักษามันไว้ให้ดี"

บรูโน่ ออกมาทิ้งท้ายถึงแนวทางการใช้ชีวิต ที่นักฟุตบอลอาชีพทุกคนต้องประสบพบเจอ นั่นคือคำวิจารณ์นั่นเอง โดยเขามองว่า คำวิจารณ์ก็มีประโยชน์เหมือนกัน เพราะมันทำให้เขารู้ถึงจุดบกพร่อง ที่สามารถนำไปใช้ปรับปรุง และพัฒนาตัวเองได้ เขาย้เตือนำเสมอว่า คำวิจารณ์ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป 


โดยบอกว่า “ผมชอบคำวิจารณ์ เพราะมันช่วยให้คุณปรับปรุงตัวเอง พร้อมกับคอยย้ำเตือนว่า คุณไม่สามารถผ่อนคันเร่งได้เลย สำหรับผม การถูกวิจารณ์เหมือนเป็นแรงขับเคลื่อนอย่างหนึ่ง คุณรู้อะไรมั้ย ? บางคนใช้ชีวิตแบบขอไปที แต่นั่นไม่ใช่ผม


ผมต้องการเรียนรู้ และพัฒนา เพื่อเป็นตัวเองที่ดีขึ้นในทุกวัน ผมเติบโตมากับคำสั่งสอนของพ่อ ท่านไม่เคยสนว่าผมยิงไปกี่ประตู หรือผ่านบอลไปกี่ครั้ง ? ท่านสนเพียงว่า ผมทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง และจะเพิ่มประสิทธิภาพอย่างไร


ย้อนกลับไปวัยเด็ก ผมเล่นกับเบาวิสต้า รุ่นยู-15 เราเผชิญหน้ากับเอฟซี ปอร์โต้ พวกเขาคือหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งสุดของโปรตุเกส วันนั้นผมเล่นได้ดีมาก แม้ว่าเราจะพ่ายไป 0-1 แต่ผมโดดเด่นสุดๆ จนทุกคนเข้ามาแสดงความยินดี แม้แต่โค้ชของเอฟซี ปอร์โต้ ยังบอกว่า -นายจะก้าวมาเป็นนักฟุตบอลในอนาคต-”


คำชื่นชมเหล่านั้น ถือว่าน่าทึ่งมาก ผมนี่ตัวลอยเลยล่ะ ... แต่ไม่ใช่พ่อของผม ท่านเดินมาบอกกับผมว่า -ลูกเห็นหรือเปล่า ประตูที่เอฟซี ปอร์โต้ ยิงได้ ? หากว่าลูกยืนตำแหน่งดีกว่านี้ การเปิดบอลก็คงไม่ง่ายสำหรับคู่แข่ง-”


หลังจากนั้น ผมเริ่มคิดถึงประตูของเอฟซี ปอร์โต้ บอกตามตรงว่า ผมแทบไม่มีส่วนร่วม ผมอยู่อีกฟากของสนาม แต่พ่อไม่ได้มองแบบนั้น ผมเริ่มเป็นกังวล และวิเคราะห์ทุกอย่าง"


"เมื่อพบกับความพ่ายแพ้ ผมจะหมกมุ่นอยู่กับมัน และแทบไม่หลับไม่นอน ผมเฝ้าคิดถึงแต่การแข่งขัน นั่นเป็นจุดกำเนิดความคิดของผม บางคนอาจจะบอกว่า มันรุนแรงไปหน่อย แต่สำหรับผมมันออกมาได้ผล


ไม่กี่ปีต่อมา ผมออกเดินทางไปเล่นที่อิตาลี ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น ผมได้รับบททดสอบ ในการใช้ชีวิตที่ประเทศใหม่ ผมพูดภาษาอิตาเลี่ยนไม่ได้ แถมไม่รู้จักใครด้วย มันเป็นเรื่องที่ยากมากเหมือนกัน ความรู้สึกโดดเดี่ยวถาโถมเข้ามา มีหลายครั้งที่ผมอยากเลิกเล่นฟุตบอล !!! มันเป็นแบบนั้นจริงๆ


สุดท้ายแล้ว หากพ่อไม่ได้ปลูกฝังแนวความคิดให้ สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ผมคิดว่าตัวเองคงไม่เข้มแข็งพอที่จะเล่นในอิตาลี หากพ่อเป็นคนประเภทที่คอยชื่นชมผมทุกครั้งหลังจบเกมว่า -ลูกเล่นได้มหัศจรรย์มากเลย- ผมคงไม่สามารถผ่านอะไรที่หนักหนาได้ เพราะโลกแห่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้น มันสอนคุณว่า คุณไม่อาจเล่นได้ดีตลอดทุกเกม


หลายครั้ง ผู้คนคอยวิจารณ์คุณ และบอกว่าคุณยังดีไม่พอ นั่นคือฟุตบอล คุณต้องยิ้มกับมันให้ได้ วิเคราะห์สถานการณ์ตามความเป็นจริง พร้อมกับใช้มันเป็นแรงจูงใจ ครอบครัวบอกความจริงกับผมเสมอ เมื่อไหร่ที่ผมคิดจะยอมแพ้ พวกเขาจะบอกว่า -นี่คือความฝันของลูก ลูกต้องก้าวต่อไป-” บรูโน่ ปิดท้าย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด