:::     :::

ขวบปีที่น่าตื่นเต้นของ "ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์"

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,361
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในวัย 18 ปี ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ พิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าเขาเก่งเกินกว่าที่จะเล่นในลีกรองอย่าง แชมเปี้ยนชิพ แต่กับพรีเมียร์ลีก ยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป


 

โดยปกติแล้วการต่อสัญญากับดาวรุ่งวัยเพียง 18 ปีเศษๆ มันคงไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรมากมายนัก


แต่ทว่าการที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ จรดปากกาต่อสัญญากับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ออกไปนั้น เป็นอะไรที่สร้างกระแสให้กับทีม ในช่วงที่ต้องบอกว่าข่าวการซื้อขายมีแต่ข่าวโคมลอย หาอะไรจับต้องเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย


เจ้าหนูเอลเลียตต์ จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานพยายามฟูมฟักอย่างดี นับตั้งแต่ที่คว้าตัวมาจาก “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ด้วยตอนนั้นอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น หลังจากที่ทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นให้พรีเมียร์ลีกมา


ด้วยกฎของฟีฟ่าที่ว่านักเตะอายุไม่ถึง 18 ปี ไม่สามารถเซ็นสัญญาระยะยาวกับทีมใดทีมหนึ่งได้เกิน 3 ปี ทำให้ก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลได้เพียงแต่เซ็นสัญญาระยะสั้นๆ เอาไว้เท่านั้น แต่พอเอลเลียตต์อายุครบ 18 ปี สิ่งแรกที่ลิเวอร์พูลทำก็คือจับต่อสัญญาระยะยาวออกไปทันที (คาดว่าอยู่ที่ 5 ปี)


แค่นี้ก็คงเป็นการบ่งบอกแล้วว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นความหวังขนาดไหนในทีม


โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นคล็อปป์นั้นเก็บดาวรุ่งที่มีอนาคตกับทีมเอาไว้ใกล้ๆ มือ เพื่อให้โอกาสลงเล่น แต่ฤดูกาลที่แล้ว เราได้เห็นเอลเลียตต์ ได้ออกไปเก็บประสบการณ์ในการลงเล่นกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งผลงานเจ้าตัวออกมาได้อย่างน่าประทับใจเสียด้วย


เด็กหนุ่มที่อายุเพียง 17 ปี แต่กดไป 11 แอสซิสต์ มากสุดเป็นอันดับ 3 ของลีก และยังทำประตูได้อีก 7 ประตูด้วยกัน


นอกจากนี้ ในจำนวน 86 มิดฟิลด์หรือแนวรุก ในเดอะแชมเปี้ยนชิพ ที่อายุ 23 หรือน้อยกว่านั้น และได้ลงเล่นเกิน 1,000 นาที ขึ้นไปในฤดูกาลที่ผ่านมา เอลเลียตต์ นั้นครองอันดับ 1 ในเรื่องของความคาดหวังแอสซิสต์ (xA) ต่อ 90 นาที มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.23 ครั้ง และยังเป็นอันดับ 2 ในเรืองของการจ่ายบอลสำคัญสำเร็จ (Key Passes Complete) ต่อ 90 นาที อยู่ที่ 0.79 ครั้ง


ค่าสถิติดังกล่าวนั้นในพรีเมียร์ลีกเอง มีเพียงแค่เปโดร เนโต้ จากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส และเมสัน เมาท์ กับ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย คู่หูจากเชลซี ที่ทำได้เทียบเท่า




แต่บางคนอาจจะบอกว่าเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จะเอามาเทียบกับพรีเมียร์ลีกไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าเจ้าหนูเอลเลียตต์ เพิ่งจะอายุ 17 ปี เท่านั้น และเพิ่งครบ 18 ปี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเอง


เอลเลียตต์ พูดถึงการต่อสัญญาของตัวเองว่า ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมหรือลงเล่น ทุกครั้งที่ได้มีส่วนร่วมกับสโมสรนั้นมันทำให้รู้สึกตื่นเต้นเสมอ โดยเฉพาะเมื่อครอบครัวเป็นแฟนตัวยงของทีมแล้ว มันยอดเยี่ยมมากที่ได้ทำให้ทุกคนภูมิใจ


แต่มันก็ต้องทำงานหนักต่อไป มันรู้สึกดีเสมอเวลาได้เซ็นสัญญาใหม่โดยเฉพาะกับทีมที่เชียร์มาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว และต้องโฟกัสไปที่ช่วงปรีซีซั่น ทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่นี้”


อย่างที่เรารู้กันว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นแฟนบอลตัวยงของทีม ถึงขั้นปฏิเสธการเจอกับ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังระดับโลก ตอนไปเยี่ยมชมสโมสรราชันชุดขาว เพียงเหตุผลเพราะรามอสนั้นทำให้​ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ต้องบาดเจ็บในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ


แต่แค่นี้ยังบ่งบอกไม่พอถึงความใจของเด็กคนนี้ที่มีต่อทีม


เพราะสิ่งที่เขาพูดออกมาอีกเรื่องหนึ่งและทำให้รู้สึกดีกับเจ้าหนูคนนี้มากๆ นั่นคือการที่เอลเลียตต์ บอกว่า ตั้งแต่ย้ายมานั้นทุกคนแสดงความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก ทุ่มใส่ให้แบบเต็มร้อยทั้งในและนอกสนาม เพื่อจะให้เราเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้รู้สึกเลยว่าทีมเชื่อมั่นในตัวเอง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเขาบ้างที่จะทำให้เห็นว่าทุกคนคิดถูกต้อง


การได้ลงเล่นในทีมคือเป้าหมายทุกคน อย่างน้อยขอเข้าไปใกล้อีกนิดก็ยังดี แต่รู้ว่ามันไม่ง่าย เพราะยังมีนักเตะที่มีความสามารถมากมายอยู่ในทีม แต่ก็อยู่ที่ตัวเองต้องทำงานหนักด้วย และผมเชื่ิอว่าตัวเองทำได้ อยากอยู่ในทีมต่อเพื่อคอยสนับสนุนทีมยามที่ต้องการ"


ทั่วไปแล้ว เวลาเราเห็นลิเวอร์พูล ต่อสัญญากับนักเตะดาวรุ่งแบบระยะยาว สิ่งที่มักจะตามมาโดยทันที ก็คือการปล่อยให้ไปยืมตัว อย่างเช่นที่ผ่านมา เคยต่อสัญญากับแฮร์รี่ วิลสัน ก่อนจะปล่อยย้ายทีมในทันที หรือล่าสุดเองกับ ยาคุบ ออร์ซินสกี้ นายทวารดาวรุ่งชาวโปแลนด์ ที่ต่อสัญญาแล้วปล่อยไปให้ทีมในเวลส์ยืมตัว


แต่กับเอลเลียตต์ มันไม่ออกมาแนวนั้น นั่นทำให้มองภาพว่าเจ้าตัวอาจจะได้รับโอกาสให้อยู่ในทีม เป็นแบ๊กอัพของทีมในฤดูกาลที่จะมาถึงนี้


โดยเฉพาะเมื่อทีมกำลังพยายามปล่อยตัวทั้ง เชอร์ดาน ชากิรี่ และดิว็อค โอริกี ออกจากทีมไป ยิ่งทำให้พื้นที่ของเอลเลียตต์มีมากขึ้นในทีมชุดใหญ่ อย่างน้อยเป็นตัวสำรองในลีกบางเกม อย่างเช่นที่ได้รับโอกาสลงมาเล่นในเกมนัดเปิดสนามกับนอริช ซิตี้ และได้ลงตัวจริงในฟุตบอลถ้วย ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของเอลเลียตต์ที่จะได้พิสูจน์ตัวเอง


นอกจากนี้อย่าลืมว่าในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ลิเวอร์พูลจะต้องเสียทั้ง ซาดิโอ มาเน่ กับ โม ซาลาห์ ไปให้ศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ซึ่งถ้าหากไม่ได้เซ็นแนวรุกเข้ามาใหม่ โอกาสที่เอลเลียตต์จะได้ลงสนาม ก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก


ด้วยตัวเอลเลียตต์เองก็มั่นใจว่าในฤดูกาลนี้เขาจะได้มีส่วนสำคัญในทีมชุดใหญ่ รวมถึงทั้งผู้จัดการทีมเองก็เชื่อมั่นในตัวเอลเลียตต์และพร้อมจะมอบโอกาสให้กับเจ้าหนูวัย 18 ปีรายนี้


ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นขวบปีที่น่าตื่นเต้นของเจ้าหนูจากลอนดอนรายนี้ก็เป็นได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด