เพราะด้วยโอกาสในการทำประตูในเกมนี้ต้องบอกว่าทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนเพียบ หากเด็ดขาดกว่านี้สกอร์อาจจะไม่ได้ออกมาอย่างที่เห็น

         ต้องขอบคุณ เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ช่วยเอาไว้หลายต่อหลายหนจนทีมสามารถเก็บคลีนชีตได้ในเกมนี้

         โอกาสยิง 18 หน เข้ากรอบ 8 ครั้งของ "สิงห์ผงาด" น่าจะเป็นการบ้านให้นายใหญ่ชาวเยอรมันกลับไปแก้ไข เพราะหากเจอกับคู่แข่งที่มีทีเด็ดทีขาดมากกว่านี้ทีมคงน้ำตาตกไปแล้ว

การจัดทีม

         การมีเกมทีมชาติช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้การจัดทีมในเกมนี้ไม่ง่ายเหมือนกัน โดยทาง โธมัส ทูเคิ่ล เลือกผู้เล่นถึง 6 คนที่ไม่มีส่วนรับใช้ชาติลงสนาม ไม่อย่างนั้นนักเตะจะกรอบกันเกินไปเพราะยังมีโปรแกรมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรออยู่อีกด้วย

         ซาอูล ญีเกซ ได้ประเดิมสนามเป็นครั้งแรกในเกมนี้โดยคุมตรงกลางกับ มาเตโอ โควาซิช ด้าน ติอาโก้ ซิลวา ก็ได้ลงยืนเซนเตอร์เช่นเดียวกับ เทรเวอห์ ชาโลบาห์ ร่วมกับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์

         คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ลงเล่นเกมที่ 100 ให้กับ เชลซี โดยยืนในตำแหน่งวิง-แบ็กขวา ส่วนฝั่งซ้ายเป็น มาร์กอส อลอนโซ่ แนวรุก ฮาคิม ซิเย็ค ประสานงานกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ โดยมี โรเมลู ลูกากู ยืนหน้าเป้า

         วันนี้เรายังได้เห็น รอสส์ บาร์คลี่ย์ กับ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ที่โดนปล่อยยืมเมื่อฤดูกาลที่แล้วอยู่บนม้านั่งสำรองด้วย

เปิดฉากลุย

         เริ่มเกมทั้งคู่ลุยเข้าใส่กันทันทีแต่โอกาสที่ได้ลุ้นจังๆเป็นของ เชลซี จากลูกเตะมุมในนาทีที่ 9 คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เปิดเข้ากลาง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งเช็ดบอลกำลังจะเข้าประตูแต่ เอซรี่ คอนซ่า แหย่ขาสกัดบอลชนคานเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

         มาถึงนาทีที่ 15 เป็น เชลซี ที่ได้ประตูขึ้นนำ มาเตโอ โควาซิช ไหลบอลให้ โรเมลู ลูกากู หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าเขตโทษก่อนล็อคหลบ อักเซล ตวนเซเบ้ หลักหักแล้วซัดด้วยขวาเสียบตาข่ายเป็น 1-0 ถือเป็นการยิงประตูในสแตมฟอร์ด บริดจ์ของดาวยิงทีมชาติเบลเยี่ยมเลยด้วย

การตอบโต้ของวิลล่า

         แม้เสียประตูก่อนแต่ แอสตัน วิลล่า ไม่เสียขวัญและน่าจะตีเสมอได้สามนาทีหลังเสียประตูจังหวะที่ จาค็อบ แรมซี่ย์ พาบอลขึ้นมาก่อนจ่ายต่อมาให้ โอลลี่ย์ วัตกิ้นส์ จับหนึ่งจังหวะก่อนจะล็อคเข้าขวาหนี เทรเวอห์ ชาโลบาห์ แล้วกดเต็มข้อแต่ทาง เอดูอาร์ เมนดี้ ล้มตัวปัดได้เยี่ยม

         หลังจากนั้นกลายเป็นว่าผู้มาเยือนบุกได้ดีกว่าและน่าตีเสมอได้อีกครั้ง ไทโรน มิงส์ ได้กดเต็มข้อในเขตโทษ เอดูอาร์ เมนดี้ทุบออกมาบอลไม่พ้นอันตราย เอซรี่ คอนซ่า ซ้ำดาบสองแต่ เมนดี้ ก็ยังปัดเอาไว้ได้อีก

         นาทีที่ 41 โอกาสอีกครั้งของ วิลล่า จาค็อบ แรมซี่ย์ รับบอลจาก จอห์น แม็คกิ้นน์ ก่อนสับไกจากหน้าเขตโทษ เอดูอาร์ เมนดี้ ยังล้มตัวรับไว้ได้ จบครึ่งแรก เชลซี ยังตรึงสกอร์ไว้ได้ที่ 1-0

ประตูที่สอง!

         โธมัส ทูเคิ่ล แก้เกมทันทีในช่วงพักครึ่งด้วยการส่ง จอร์จินโญ่ ลงมาแทนที่ของ ซาอูล ญีเกซ ที่เล่นผิดพลาดหลายครั้ง และการได้แข้งทีมชาติอิตาลีลงมาก็ส่งผลต่อเกมในทันที

         นั่นทำให้ มาเตโอ โควาซิช กล้าที่จะเติมเกมสูงมากขึ้นและก็นำมาซึ่งประตูที่สองของเกมในจังหวะที่ขึ้นไปบีบเกมทำให้ ไทโรน มิงส์ จ่ายบอลคืนผู้รักษาประตูแต่สั้นไป โควาซิช ถึงก่อนและยิงผ่าน เจ๊ด สเตียร์ เข้าไปเป็น 2-0

         ประตูนี้ดูจะทำให้ เชลซี กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจอีกครั้ง ส่วนฝั่งของ แอสตัน วิลล่า ก็ชะงักไปในทันที

         ในนาทีที่ 58 ของเกมแฟนบอลลุกขึ้นปรบมือเพื่อเป็นการระลึกถึง ฌอน ล็อค นักแสดงตลกชื่อดังที่เป็นแฟนบอล เชลซี และเข้ามาชมเกมที่สนามเป็นประจำหลังเพิ่งเสียชีวิตไปในวัย 58 ปี โดยทาง จอห์นนี่ วอห์น ที่เข้ามาชมเกมเคียงข้างอยู่เสมอได้เขียนรำลึกถึงในหนังสือแม็ตช์เดย์ในเกมนี้ด้วย

เพิ่มความสด-ประตูปิดท้าย

         นาทีที่ 64 เชลซี ขยับเปลี่ยนตัวคนที่สองเอา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ลงมาเล่นแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ โดยขยับไปยืนวิง-แบ็กขวาแล้วให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ขึ้นไปเล่นเกมรุกตามถนัด

         เกมขอทั้งสองทีมเปิดเกมบุกและกันแต่แทบไม่มีโอกาสใกล้เคียง นาทีที่ 74 จากลูกเตะมุมของ แอสตัน วิลล่า ทาง เอซรี่ คอนซ่า เทคตัวขึ้นโหม่งตรงกรอบแต่บอลก็ไปตรง เอดูอาร์ เมนดี้ อีก

         วิลล่า มาได้โอกาสอีกสองหา ครั้งแรกนาทีที่ 80 โอลลี่ย์ วัตกิ้นส์ หาช่องแตะหลบ เทรเวอห์ ชาโลบาห์ แล้วยิงในเขตโทษด้านซ้ายแต่ไม่ผ่าน เอดูอาร์ เมนดี้ และอีกครั้งนาทีที่ 84 จอห์น แม็คกิ้นส์ เก็บตกแถวสองก่อนสับไกบอลพุ่งหลุดกรอบออกไป

         กระทั่งช่วงทดเจ็บ "สิงห์บลูส์" มาได้ประตูปิดท้าย เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ลุยขึ้นมาทางขวาก่อนไหลเข้ากลางให้ โรเมลู ลูกากู จับหนึ่งทีก่อนกดด้วยซ้ายตรงเส้น 18 หลาบอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงามปิดท้าย ซึ่งลูกนี้ก็ต้องชมการทำทางของ ติโม แวร์เนอร์ ทำให้ดาวยิงเบลเยี่ยมมีเวลาในการจับบอลและสักให้ให้ทีมชนะ 3-0 แม้ว่ารูปเกมจะไม่ได้เหนือกว่าขนาดนั้นก็ตาม

เกมถัดไป

         เชลซี จะเฝ้ารังสแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยรับการมาเยือนของ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์ส เบิร์ก ตามด้วยการทำศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" กับ สเปอร์ส ในเกมลีกสุดสัปดาห์หน้า