:::     :::

เหตุผลว่าทำไม "เขี้ยวสมุทร" ยังสุดอยู่!!

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,419
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การไหลออกของแข้งตัวหลัก สมุทรปราการซิตี้ ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถทำเป้าหมายไล่ล่าโทรฟี่แรกในเมืองไทย มาประดับสโมสรได้ หรือกระทั่งจะอยู่ในระดับท็อปเท็นของลีก แม้ยอดทีมจากบางพลี จะสามารถรั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ ในการต่อสัญญากับทีมไปอีก 1 ฤดูกาล

แต่กลายเป็นว่าในเกมแรกที่พวกเขาออกไปเยือน สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการกระชาก 1 คะแนนกลับออกมา จากผลงานเสมอ 2-2 ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองว่าแค่เรื่องบังเอิญหรือไม่

 พอมานัดที่สองขุนพล "เขี้ยวสมุทร" จัดการบุกไปหยิบ 3 แต้มจาก หนองบัว พิชญ เอฟซี โดยเอาชนะไปได้ 1-0 เท่ากับว่า ผ่านมา 2 เกม 4 คะแนน เท่ากับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

 การเกาะอยู่ในกลุ่มบนของตารางไทยลีก 1 เกิดมาจากสาเหตุอะไร ทั้งที่ตัวหลักของพวกเขาหายไปค่อนทีมขนาดนี้ วันนี้เราจะมาไขคำตอบถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของ สมุทรปราการซิตี้ กันเลย


1. การเลือกใช้แท็กติกที่เหมาะสม

 การไม่ต่อสัญญากับ บาร์รอส ทาร์เดลี ที่ระเบิดฟอร์มสุดยอดยิงไปถึง 25 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวประจำซีซั่นมาครอง ตลาดจนขาย พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ไปให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยราคา 10 ล้านบาท 

 ตามด้วยแนวรุกสุดอินดี้อย่าง ธีระพล เยาะเย้ย ที่ปิดดีลกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยราคา 3 ล้านบาท และกองหลังจอมเตะลูกนิ่งทีมชาติไทย นามว่า จักพัน ไพรสุรรณ ที่ขายให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 5 ล้านบาท

 ก่อนดึง เอลิอันโดร กอนซากา กองหน้าเลือดแซมบ้ามาจาก ชลบุรี เอฟซี , ไดสึเกะ ซากาอิ ปีกซ้ายดีกรีอดีตเยาวชนทีมชาติญี่ปุ่น จาก โออิตะ ตรินิตะ, ศรายุทธ สมพิมพ์ ปราการหลังดาวรุ่งของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, พุทธะไซ โคเจริญ กองกลางทีมชาติลาวจาก นครปฐม ยูไนเต็ด และ ชัยวัฒน์ บุราณ กราบซ้ายจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

 แต่คนที่ยังอยู่ ทั้ง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, นพพล พลคำ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, ปฏิวัติ คำไหม, ชญาวัต ศรีนาวงษ์, อาริส ซาฟิโรวิช ต่างคุ้นเคยระบบการเล่นของทีมอยู่แล้ว ซึ่งการได้แข้งมาใหม่ก็ต้องเรียกว่าพวกเขาใช้เวลาปรับตัวให้เข้าแท็กติกไม่นานนัก

 มาซาทาดะ อิชิอิ จะมีโดรนที่ปล่อยให้บินขึ้นไปในท้องฟ้าของทุกๆการซ้อม และจะมีการเปิดให้นักเตะชมข้อผิดพลาดในการวิ่งของตัวเอง และนี่แหละทำให้ผู้เล่นทุกคนต่างเข้าใจในระบบ รวมทั้งวิธีการวิ่งตามช่องต่างๆ เพื่อเปิดทางการในสร้างเกมรุกที่หลากหลาย รวมไปถึงการฝึกซ้อมที่ถอดรูปแบบมาจากระบบของเจลีกทั้งกระบิ


2. ใช้เวลาคลุกเคล้าผู้เล่นไม่นาน

 ในช่วงกลับมาซ้อมแบบเต็มๆ ยอดโค้ชอย่าง อิชิอิ ต้องพบกับหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่ ไม่สามารถจับนักเตะมาเทรนนิ่งแบบครบทีมได้ เนื่องจากมาตรการของ ศบค. ไม่ให้พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสีแดงเข้มเปิดใช้สนาม

 แม้จะเริ่มผ่อนปรนแต่การไม่มี 3 ดาวเตะทั้ง จักพัน ไพรสุวรรณ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ ธีระพล เยาะเย้ย ที่ไม่อยู่กับทีมแล้ว นั่นทำให้เกิดช่องว่างในเรื่องการวางหมากผู้เล่น เพราะทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นจิ๊กซอว์ในตำแหน่ง กองหลัง, กองกลาง และกองหน้า

 อย่างไรก็ตามด้วยการละเมียดตามแบบฉบับญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นประเทศส่งออกนักเตะไปเล่นยุโรปเบอร์ต้นๆของเอเชีย และเขาเองก็เคยผ่านการปล่อยผู้เล่นตัวหลักไปหาความท้าทายใหม่ บนลีกใหญ่ๆมาหมดแล้ว

 เขาเริ่มจากการวางโครงสร้างนักเตะที่ยังอยู่กับทีม ค่อยปรับให้เล่นในแบบฉบับของเขา เสริมกับการดึงผู้เล่นจากทีม ยู 21 หรือที่ตั้งไว้เป็น ทีม บี เพื่อให้มาเล่น ไทย ยูธ ลีก 2021 ที่เขาเองตากแดดเปรี้ยงๆคัดมาเองกับมือ

 ค่อยๆ ทำให้ทุกคนเข้าใจในแท็กติก จนนักเตะทุกคนเกิดการยอมรับ และเชื่อมั่นว่าจะทำได้กับระบบวิธีการเล่น ของ อิชิอิ จนเป็นสาเหตุให้กับทีมสามารถเก็บ 4 คะแนนใน 2 เกมแรก แบบที่หักปากกาเซียนหลายสำนัก


3. ทีมสปิริตยังดีเยี่ยม

 การปล่อยผู้เล่นไปเยอะขนาดนั้น มันย่อมส่งผลต่อระบบทีม และความไว้เนื้อเชื้อใจของนักเตะที่เข้ามาใหม่ แต่กลับไม่เกิดขึ้นในรัง "เขี้ยวสมุทร" ที่แม้จะมีคำว่า "ซีเนียร์" และ จูเนียร์" อยู่เหมือนกับทุกๆสโมสร

 นักเตะที่ยังอยู่กับทีมส่วนใหญ่จะให้ความเป็นกันเอง จะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับน้องๆ ทั้ง การชวนกันไปกินกาแฟก่อนซ้อม, หยอกล้อหรืออำกัน รวมทั้ง หลังเลิกซ้อมก็มีการจับกลุ่มซ้อมเพิ่มสกิลอยู่ตลอด

 นี่แหละเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างสปิริตทีม เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางโดยเร็วที่สุด ซึ่งเราจะเห็นได้จากเวลาที่นักเตะอัพสตอรี่ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว ก็มักจะมีการสร้างความสนุกสนานทั้งก่อน หรือหลังซ้อมเป็นประจำ

 ตลอดจนความเชื่อมั่นที่  อิชิอิ ให้กับผู้เล่นทุกคน ว่า จะสามารถสร้างผลงานให้ออกมาดีได้ และพร้อมที่จะต่อกรกับคู่แข่งทุกๆทีม นั่นทำให้สิ่งที่นักเตะลงไปในสนามแสดงออกมาอย่างชัดเจน

 การเล่นที่ทุ่มเท, กัดไม่ปล่อยตลอด 90 นาที, ตัวสำรองพร้อมทดแทนแข้งตัวจริง เรียกได้ว่าเป็นสปิริตที่ช่วยให้ทีมที่หลายคนมองว่า น่าจะประสบปัญหาในการปล่อยผู้เล่น กลับทำได้แบบที่ทุกคนต้องขอชื่นชมจริงๆ


4. อายุห่างกันไม่มาก

 เอาเข้าจริงเรื่องของอายุก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะแต่ละคนใน สมุทรปราการซิตี้ ล้วนแตะหลักไมล์ที่ไม่มากนัก หากไม่นับ 2 ผู้เล่นต่างชาติ ทั้ง อาริส ซาฟิโรวิช (33 ปี) และ เอลิอันโดร กอนซากา (31 ปี) ที่เหลือยังไม่ถึง 30 ขวบด้วยซ้ำ

 ไล่มาตั้งแต่ ชญาวัต ศรีนาวงษ์, ชัยวัฒน์ บุราญ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, นพพล พลคำ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, ปฏิวัติ คำไหม หรือแม้กระทั่ง ศรายุทธ สมพิมพ์ ต่างก็อยู่ในวัย 20 ขวบเศษ ที่ล้วนกระหายในการสร้างผลงานด้วยกันทั้งนั้น

 ประกอบกับ ชื่อที่เราเขียนมาด้านบน ทุกคนล้วนแต่ผ่านการติดธงไตรรงค์กันมาทั้งหมด ทั้ง ชุดเยาวชน และชุดใหญ่ รวมทั้งการมีประสบการณ์ที่ผ่านเวทีไทยลีกมาหมดแล้ว แทบจะบอกได้ว่านี่เป็นอีกข้อได้เปรียบของทีม

 จริงอยู่ที่การเสียแกนหลักไป อาจจะมีช่วงที่ทีมแกว่งบ้าง แต่ถ้ามานั่งดูรายชื่อประกอบกับจำนวนนัดที่ลงเล่น คนที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ พัทยา ยูไนเต็ด เมื่อปี 2018 กระทั่งมาเป็น สมุทรปราการซิตี้ ในปัจจุบัน ผ่านร้อนหนาวมากันหมดแล้ว

 แต่ก็น่าเป็นห่วงในช่วงที่เหลือจากนี้ หากมีนักเตะแกนหลักคนใดบาดเจ็บยาว มอิชิอิ จะมีการรับมือกับปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร ถ้าทุกคนสามารถทดแทนกันได้

รับรองได้ว่า "เขี้ยวสมุทร" จะเป็นทีมที่สร้างความยากลำบากให้ทุกทีมที่มาเจอ เหมือนกับทุกๆฤดูกาลแน่นอน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด