แม้ใน 90 นาทีจะมีหวาดเสียวเสี่ยงต่อการร่วงตกรอบเหมือนกัน แต่ช่วงดวลเป้าเมื่อผู้มาเยือนพลาดก่อนถึง 2 จาก 3 คนแรกมันก็เลยดูผ่อนคลายมากขึ้นหน่อย

ไม่ว่าจะยังไงสุดท้ายพลพรรค "สิงห์บลูส์" ก็สามารถตีตั๋วผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ โดยมี เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นคู๋แข่งในรอบต่อไป

ถ้วยเล็กถ้วยน้อยอะไรก็เอาไว้ก่อนเถอะ อย่างน้อยการมีแชมป์ไม่ว่าจะรายการไหนก็ยังดีกว่าจบซีซั่นด้วยมือเปล่าแหละน่า

การจัดทีม

ไม่มีอะไรน่าแปลกสำหรับการจัด 11 คนแรกของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ต้องมีการหวุนเวียนผู้เล่นให้แข้งตัวสำรองได้ลงสนามในรายการนี้ซึ่งปกติใครก็ทำกันอยู่แล้ว

คริสเตียน พูลิซิช ยังมีอาการบาดเจ็บไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้ โดยเกมนี้ทีมจะเล่นในระบบ 4-3-3 เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ยังได้เฝ้าเสาต่อหลังจากเป็นตัวจริงในเกมกับ สเปอร์ส 

รีซ เจมส์ ที่ติดโทษแบนจากเกม "ลอนดอน ดาร์บี้" ลงยืนแบ็กขวา เทรเวอห์ ชาโลบาห์ กับ มาล็อง ซาร์ คุมเซนเตอร์ แบ็กซ้าย เบน ชิลเวลล์ ลงทำหน้าที่

แดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ฟิตพอลงเล่นเป็นตัวจริงประสานงานกับ รูเบน ลอฟตัว ชีค และ ซาอู ญีเกซ ที่ประเดิมสนามน่าผิดหวังในเกมกับ แอสตัน วิลล่า ก่อนหน้านี้ในพรีเมียร์ลีก ส่วนแนวรุก คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, ฮาคิม ซิเย็ค และ ติโม แวร์เนอร์ เป็นสามประสาน

ออกสตาร์ทอย่างจืดชืด

เริ่มเกมมาทั้งโอกาสลุ้นประตูแทบไม่มีให้เห็น ทั้ง เชลซี และ แอสตัน วิลล่า ต่างอาศัยการบีบเกมสูงตั้งแต่หน้าเขตโทษของคู่แข่ง ทำให้การตั้งเกมเป็นไปได้อย่างยากลำยาก

แน่นอนว่าประสบการณ์จากความพ่ายแพ้ที่นี่ในเกมที่แล้วในพรีเมียร์ลีกของผู้มาเยือนทำให้พวกเขารู้ว่าควรจะเล่นยังไงในการป้องกันการเสียประตู

วิลล่าน่าจะได้ประตูจากจังหวะสวนกลับในนาทีที่ 8 ที่ทาง มอร์กกาน ซ็องซง ไหลบอลให้ คาเมรอน อาเชอร์ ได้ยิงคนเดีรยวในเขตโทษด้านขวาแต่กลับซัดข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้นเลย

โอกาสของ เชลซี ต้องรอถึงนาทีที่ 23 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เปิดบอลจากทางขวามากลางประตู ซาอูล ญีเกซ เบียดโหม่งแต่บอลก็หลุดกรอบออกไป

ทั้งสองทีมมีโอกาสลุ้นประตูเหมือนกัย นาทีที่ 37 ฮาคิม ซอเย็ค ลากบอลทางขวาหาช่องก่อนกดด้วยซ้าย เจด สเตียร์ ล้มตัวเซฟได้ และก่อนหมดเวลาหนึ่งนาที่วิลล่าน่าออกนำ เบอร์ทรานด์ ตราโอเร่ แทงให้ คาเมรอน อาเชอร์ ได้ยิงคนเดียวติดเซฟ กาเป อาร์รีซาบาลาก้า บอลกลับมาเข้าทาง คาร์นีย์ ชุควูเอเมเก้า ยิงซ้ำในขณะที่ เกปา หมดสิทธิ์ไปแล้วแต่ รีซ เจมส์ ลงไปคุมเส้นสกัดออกมาได้หวุดหวิด

จุดประกายเกม

หลังสกอร์ยังไม่ขยับในครึ่งแรก โธมัส ทูเคิ่ล ขยับเปลี่ยนตัวคนแรกในช่วงพักครึ่งด้วยการเอา เมสัน เมาท์ ลงมาเล่นแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในทันที

เชลซี ยังคงเล่นเกมบุกด้วยการเจาะทางริมเส้นและในช่วง 5 นาทีแรกก็น่าได้ประตู คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ลุยเข้าเขตโทษด้านวาก่อนสับไกแต่ เจด สเตียร์ ล้มตัวรับไว้ได้

แต่นาทีที่ 54 เจ้าบ้านก็ออกนำสำเร็จ รีซ เจมส์ ตักบอลจากทางขวามากลางประตู ติโม แวร์เนอร์ ขึ้นโหม่งเน้นๆบอลเสียบเสาเข้าไปเป็น 1-0 ของเจ้าบ้าน

เมื่อมีประตูเกิดขึ้นและเป็นเกมบอลถ้วยก็ยิ่งทำให้เกมเปิดมากยิ่งขึ้น แอสตัน วิลล่า เองก็ต้องบุกแบบไม่มีอะไรจะเสียเพราะไม่อยากนั้นก็ตกรอบ

สองนาทีหลังได้ประตู "สิงห์บลูส์" น่าขยับหนี ฮาคิม ซิเบ็ค จ่ายบอลทะลุช่องให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดไปยิงเล่นทางแต่เน้นมากไปหน่อยบอลเลยหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

จบแบบตึงเครียด

แม้ เชลซี จะเดินหน้าบุกต่อแต่เมื่อทำประตูไม่ได้สุดท้ายกลายเป็นโดนลงโทษนาทีที่ 64 แมทตี้ แคช เปิดบอลจากทางขวาเข้ากลาง คาเมรอน อาเชอร์ สปีดเข้าหาบอลก่อนโหม่งเต็มหัวบอลเช็ดใต้คานตุงตาข่าย สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 แล้ว

"สิงห์ผงาด" ได้ใจบุกต่อและมาได้ลุ้นสองจังหวะซ้อนหลังจากตีเสมอ 2 นาทีจังหวะแรก จาเดน ฟิโลเกน-บิดาเซ่ แทงทะลุช่องเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ อันวาร์ เอล กาซี่ ได้ยิงบอลไปตรงตัว เกปา อาร์รีซาบาลาก้า และอีกครั้ง คาเมรอน อาร์เชอร์ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนตวัดเข้ากลาง จาเดน ฟิโลเกน-บิดาเซ่ ตวัดยิงแต่เบาไปก่อน เกปา ล้มตัวรับไว้ได้

เชลซี เองก็น่าได้ประตูเหมือนกันนาทีที่ 69 จังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมที่ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ตอกส้นให้ เมสัน เมาท์ เกี่ยวหลบ อันวาร์ เอล กาซี่ อย่างสวยแต่ยิงบอลผ่านหน้าประตูออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

โธมัส ทูเคิ่ล แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการแพ้ในเกมนี้ด้วยการส่งอาวุธหนักอย่าง โรเมลู ลูกากู ลงเล่นแทน ซาอูล ญีเกซ พร้อมกับเอา รอสส์ บาร์คลี่ย์ ลงแทน ฮาคิม ซิเย็ค ในนาทีที่ 76 ของเกม

ตัดสินด้วยจุดโทษ

แม้ว่าจะเอาดาวยิงทีมชาติเบลเยี่ยมลงมาแต่ด้วยเวลาที่ใกล้หมดทั้งสองทีมก็ไม่เล่นกันแบบเสีย่งมากจนเกินไป สุดท้ายจบ 90 นาทีและต้องดวลด้วยการยิงจุดโทษกันในทันที

แอสตัน วิลล่า เป็นฝ่ายยิงก่อนจาก อันวาร์ เอล กาซี่ ซึ่งก็ไม่พลาดเช่นเดียวกับ โรเมลู ลูกากู แต่มาคนที่สอง แอชลี่ย์ ยัง ที่ซัดบอลไปชนคานเต็มๆก่อนที่ เมสัน เมาท์ จะยิงไม่พลาดให้ทีมได้เปรียบด้วยการนำ 2-1

คนที่สามของของผู้มาเยือน มาร์เวลัส นากัมบา ยิงติดเซฟ เกปา อาร์รีซาบาลสก้า ขณะที่ เชลซี เป็น รอสส์ บาร์คลี่ย์ ซึ่งไม่พลาดให้สกอร์ขยับห่าง 3-1 แม้จะมีเสียงหลัง เอซรี่ คอนซ่า ยิงเข้าให้ทีมไล่เป็น 2-3 ในขณะที่ เบน ชิลเวลล์ ยิงไปชนคาน และ เอมิเลียโน่ บวนเดีย ตีเสมอ 3-3 แต่คนสุดท้ายอย่าง รีซ เจมส์ ก็ไม่พลาดยิงเข้าไปให้ทีมชนะ 4-3 เข้ารอบต่อไป

เกมถัดไป

ผ่านพ้นเกมนี้ถือว่า เชลซี ต้องเจอกับโปรแกรมใหญ่สองนัดซ้อนเริ่มจากวันเสาร์จะเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งลุ้นแชมป์โดยตรงซึ่งหากทีมหวังไปถึงจุดสูงสุดก็ต้องได้ 3 คะแนน

หลังจากนั้นในเกมยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกทีมต้องไปเยือน ยูเวนตุส ที่ตูริน แม้ว่าทีม "ม้าลาย" จะไม่ได้อยู่ในช่วงที่ยอดเยี่ยมในเวลานี้แต่ชื่อชั้นแถมเล่นในบ้านก็ประมาทไม่ได้เลย