:::     :::

ผ่าตัดครั้งใหญ่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตลาดหน้าหนาวครั้งนี้สำคัญต่ออาร์เซน่อลอย่างมากเพราะกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

โฉมหน้าของทีมกำลังเปลี่ยนเนื่องด้วยผู้เล่นที่ใกล้ย้ายเข้าและย้ายออกซึ่งจะส่งผลต่อช่วงที่เหลือของฤดูกาลทันที

ปืนใหญ่ตกให้อยู่สถานการณ์ที่เรียกได้เต็มปากว่า "วิกฤต" อีกครั้งอันเนื่องจากการวางแผนผิดพลาดและปัญหาหมักหมกหลายอย่างที่มีมานาน ทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามที่ย่ำแย่เกินรับได้ 

หากเป็นคนป่วยก็มีเหตุให้ต้องผ่าตัดฉุกเฉินในตอนนี้ ไม่ใช่ยื้ออาการรอไปจนถึงช่วงซัมเมอร์

ปัญหาสำคัญคือ การล้มเหลวในการจัดการสัญญาของนักเตะหลายคน และปล่อยให้เข้าสู่ปีสุดท้ายพร้อมตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ เอาไว้ว่าจะสามารถต่อสัญญาออกไปได้

แม้แต่ตัว อาร์แซน เวนเกอร์ เองยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้จนกระทั่งสัญญาฉบับก่อนนี้หมดลงไปแล้วในช่วงซัมเมอร์จึงได้ตัดสินใจสู้ต่ออีก 2 ปี


ดีลสลับฝั่งระหว่าง เฮนริค มคิทาร์ยาน กับ อเล็กซิส ซานเชซ ใกล้ได้บทสรุป 

ขนาดตัวกุนซือยังปล่อยให้อนาคตัวเองคลุมเครืออยู่นาน จึงเป็นไปได้ยากที่นักเตะในทีมจะยอมฝากชีวิตค้าแข้งระยะยาวเอาไว้ 

อาร์เซน่อลจัดการเรื่องสัญญา "ช้า" เกินไป และเมื่อรู้ว่าช้าแล้ว แต่หากมีอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 ปัจจัยสำคัญนี้ก็ยังพอหาทางผูกมัดนักเตะแกนหลักให้อยู่กับทีมต่อไปได้

2 ปัจจัยที่ว่าคือ "เงิน" และ "โอกาสในการประสบความสำเร็จ" ซึ่งอาร์เซน่อลไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้แม้แต่อย่างเดียว 

นโยบายทางการเงินทำให้อาร์เซน่อลไม่สามารถโปรยค่าเหนื่อยเพื่อหลอกล่อนักเตะใหม่ให้อยากย้ายมาร่วมทีม เช่นเดียวกับรั้งนักเตะที่มีอยู่แล้วให้ยอมฝากอนาคตระยะยาวต่อไป 

เมื่อจำกัดการใช้เงินทั้งที่หารายได้ได้มหาศาลและเป็นทีมที่ค่าตั๋วชมเกมแพงสุดในโลก อีกปัจจัยคือจะทำอย่างไรให้นักเตะเชื่อว่าทีมชุดนี้ดีพร้อมสำหรับการประสบความสำเร็จ ทำอย่างไรให้นักเตะเชื่อมั่นในตัวโค้ชว่ามีฝีมือมากพอ

อาร์เซน่อลไม่สามารถให้ตรงนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน และทีมที่มีศักยภาพแข็งแกร่งพร้อมโขยกไล่ล่าแชมป์รายการสำคัญ อีกทั้งความเชื่อมั่นในตัว เวนเกอร์ ก็ถูกตั้งคำถามต่อเนื่อง 

นั่นทำให้นักเตะหลายคนไม่ว่าจะเป็น อเล็กซิส ซานเชซ, เมซุต โอซิล และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ฯลฯ ตัดสินใจได้ว่า "พอแล้ว" กับการร่วมงานอาร์เซน่อล 

เมื่อนักเตะมีจุดยืนใหม่ในเส้นทางค้าแข้ง สุดท้ายคำถามจึงเหลือแค่ว่า จะแยกทางกันเมื่อไหร่ และด้วยวิธีการใด

อาร์แซน เวนเกอร์ เลือกปล่อย แชมเบอร์เลน ออกไปก่อนเพราะข้อเสนอ 35 ล้านปอนด์จากลิเวอร์พูลถือว่ามากพอแล้วกับนักเตะที่เหลือสัญญาเพียงปีเดียว 


ธีโอ วัลค็อตต์ ปิดฉาก 12 ปีไปเริ่มต้นใหม่กับเอฟเวอร์ตันของ "บิ๊กแซม" 

แต่ในสถานการณ์เดียวกัน กลับใจแข็งไม่ยอมขาย อเล็กซิส ซานเชซ ทั้งที่น่าจะได้ค่าตัวราว 50-60 จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และว่ากันว่า อดีตแข้งบาร์เซโลน่าผิดหวังอย่างมากที่การย้ายทีมถูกขัดขวาง 

เวนเกอร์ เสี่ยงเก็บ อเล็กซิส เอาไว้เพียงเพราะหวังให้เป็นแกนหลักช่วยทีมเฮือกสุดท้ายโดยมีเป้าหมายสำคัญคือกลับไปติดท็อปโฟร์อีกครั้ง รวมถึงได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยอย่างน้อยหนึ่งรายการ

แต่การอยู่ต่อในปีสัญญาปีสุดท้ายของ อเล็กซิส กลับส่ง "ผลเสีย" มากกว่า "ผลดี" 

อเล็กซิส ลงสนามและยิงประตูได้เหมือนเดิม บางครั้งก็วิ่งหน้าตั้งไล่กวดบอลอย่างที่เห็นกันบ่อย แต่มีใครรู้บ้างว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว หรือพกใจลงไปด้วยหรือไม่ 

มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหาก "ใจ" ของเจ้าตัวลอยไปถึงไหนต่อไหนต่อให้ เวนเกอร์ ดักคอเอาไว้ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลแล้วว่านักเตะระดับนี้มีความเป็นมืออาชีพสูงก็ตาม

วัดกันที่ผลงานในสนามอย่างเดียว อเล็กซิส ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็ยังได้รับการปกป้องและห่อหุ้มสถานะ "แตะต้องไม่ได้" จากกุนซือชาวฝรั่งเศส 

สื่อในอังกฤษวิเคราะห์ไว้น่าสนใจว่า ตอนนี้ในห้องแต่งตัวเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

แข้งระดับซีเนียร์หลายคนตั้งคำถามกับท่าทีของสโมสรซึ่งไร้ความทะเยอทะยานในการหาตัวแทน อเล็กซิส เพื่อจบปัญหายืดเยื้อนี้ พวกเขาไม่พอใจที่นักเตะคนนึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเหนือคนอื่น

ส่วนอีกกลุ่มยังมองดาวเตะทีมชาติชิลีเป็นคนสำคัญ จำเป็นต้องมีในทีมต่อไป 

ซานเชซ เป็นผู้เล่นชั้นยอด มีพรสวรรค์ระดับโลก แต่การที่ไม่สามารถควมคุมได้ก็มีแต่บั่นทอนความสามัคคีในทีมให้ย่ำแย่ไปกันใหญ่ 

ดาวเตะทีมชาติชิลี กระสันย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา แต่อาร์เซน่อลยื้อเอาไว้สุดแรงเพราะไม่สามารถไปดึง โตมาส์ เลอมาร์ ของโมนาโกมาแทนได้ทันเวลา 

อีกเหตุผลคือ เวนเกอร์ และบอร์ดบริหารยังหวังจะสร้างภาพลักษ์ใหม่ ไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าว่าเป็น "Selling Club" อีกแล้ว 

นี่คือข้อผิดพลาดเพราะแต่ละเคส แต่ละดีลมีความต่างกัน หากจำเป็นต้องขายก็ต้องขาย ไม่ต้องมาห่วงเรื่องภาพลักษณ์อะไรอีกแล้วเพราะมีเรื่องอื่นที่เละเทะน่าห่วงยิ่งกว่าอีก 


ดิ๊ก ลอว์ ถูกร้องขอให้ทำงานต่อทั้งที่ตั้งใจรีไทร์

ตอนนี้อาร์เซน่อลเริ่มรู้ตัวมากขึ้นแล้วว่าท่าทีแข็งขืนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนทำให้พวกเขาดิ่งเหวจนต้องตัดสินใจแล้วว่า อเล็กซิส ต้องไป 

ตัวนักเตะสมาธิกระเจิดกระเจิงยิ่งกว่าเดิมจนไม่พร้อมสำหรับการลงเล่นนัดล่าสุด ทางออกเดียวที่ทำได้คือพยายามเรียกค่าตัวให้ได้มากที่สุด

แมนฯ ซิตี้ ไม่ยอมโดนโก่งราคาเพราะประเมินเอาไว้แล้วว่านักเตะที่เหลือสัญญาไม่กี่เดือนแบบนี้จ่าย 20 ล้านปอนด์ก็มากพอแล้ว ขณะที่เอเยนต์ดีดลูกคิดคำนวนแล้วว่าไม่คุ้มจึงเลี้ยวออกไปเคาะประตูเปิดห้องเจรจากับแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยดีกว่า

ถึงตรงนี้ผีแดงมีโอกาสสูงที่จะได้ตัว อเล็กซิส ซานเชซ ทั้งค่าเหนื่อยที่ให้นักเตะได้มากกว่า รวมไปถึงข้อเสนอที่อาจดีกว่า (ตอนนี้ขั้นตอนการพูดคุยยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะออกรูปแบบใดโดยที่ เฮนริค มคิทาร์ยาน เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของการเจรจา)

ขณะที่สถานการณ์ของ เมซุต โอซิล ดูไม่วุ่นวายเท่า อเล็กซิส ทั้งที่สัญญาฉบับปัจจุบันหมดลงพร้อมกัน และ เวนเกอร์ เพิ่งออกมายืนยันว่าเจ้าตัวจะอยู่กับทีมไปจนจบฤดูกาลแน่นอน 

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เวนเกอร์ ผองถ่ายนักเตะที่ไม่ใช้งานออกไป 2 คน ซึ่งเป็น 2 คนที่อยู่กับทีมมานานที่สุดของทีมชุดปัจจุบันคือ ธีโอ วัลค็อตต์ กับ ฟร็องซิส โกเกอแล็ง

วัลค็อตต์ อยู่มา 12 ปีเต็ม ตอนนี้ตัดสินใจลุกออกจากโซฟานุ่มๆ ด้วยเหตุผลเรื่องฟุตบอลที่อยากลงสนามมากขึ้น อีกทั้งเอฟเวอร์ตันยังสามารถให้ค่าเหนื่อยที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับที่ได้รับจากอาร์เซน่อล  

โกเกอแล็ง ปักหลักยาวนานไม่ยิ่งหย่อนกันเพราะย้ายจากฝรั่งเศสมาร่วมทีมตั้งแต่ซัมเมอร์ 2008 หรือเกือบสิบปีเข้าให้แล้ว แต่ด้วยการที่ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งเมื่อราว 3 ปีก่อนออกมาได้ทำให้ เวนเกอร์ ต้องยอมปล่อยให้ บาเลนเซีย ที่ยังพอมองเห็นประโยชน์

การจากไปของทั้ง วัลค็อตต์, โกเกอแล็ง รวมถึง แชมเบอร์เลน และ คีแรน กิ๊บบ์ส ในช่วงซัมเมอร์เป็นบทสรุปอีกอย่างว่า เวนเกอร์ เองก็หมดแล้วกับความพยายามในการปลุกปั้นนักเตะกลุ่มนี้ เขาถอดใจในที่สุดหลังให้โอกาสมาหลายปี 

แจ็ค วิลเชียร์ คืออีกคนที่ เวนเกอร์ ตั้งใจโลกทิ้งในช่วงซัมเมอร์ แต่ไอ้แจ็คขอสู้ต่อ และกลายเป็นว่าจากนักเตะส่วนเกินที่หมดอนาคตไปแล้ว กลับมาปักหลักได้อย่างมั่นคงด้วยฟอร์มการเล่นดีวันดีขึ้น แถมสวมปลอกแขนกัปตันทีมใน 2 นัดหลัง

ตรงนี้ต้องให้เครดิตเจ้าตัวที่สู้และพิสูจน์ตัวเอง อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ส่วนในระยะยาวต้องตามลุ้นกันต่อเพราะสิ่งที่หวาดหวั่นใจกันอยู่ตลอดคือ สภาพร่างกายที่ไม่รู้ว่าจะล้มหมอนนอนเสื่ออีกเมื่อไหร่


เวนเกอร์ หมดไอเดียในการปลุกปั้นแก๊งบริติชคอร์

การกลับมาเล่นได้ดีของ วิลเชียร์ เป็นข้อดีที่น้อยคนคาดคิด แต่อีกมุมก็สะท้อนถึงแผนงานอาร์เซน่อลที่สะเปะสะปะ ขาดความแน่นอนในการบริหารจัดการ 

วิลเชียร์ ควรต้องไปตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์เช่นเดียวกับ อเล็กซิส ซานเชซ หรืออาจรวมถึง เมซุต โอซิล เพื่อ เวนเกอร์ และบอร์ดบริหารจะได้ผ่าตัดทีมจริงจังและเลือกนักเตะที่พร้อมใช้งานทั้งสภาพร่างกายและหัวใจเพื่อกอดคอลุยไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเดินและมีเป้าหมายใหม่ในหัวรออยู่ 

เคสของ อเล็กซิส เป็นบทเรียนสำคัญของ เวนเกอร์ เพราะแทนที่จะได้ค่าตัวอย่างต่ำ 50 ล้านปอนด์ กลายเป็นตอนนี้ต้องลุ้นตัวโก่งว่าจะได้ถึง 30 ล้านปอนด์หรือไม่ ดีไม่ดีอาจเป็นดีลที่สลับฝั่งกับ มคิทาร์ยาน แบบที่ไม่เงินมาเกี่ยวข้อง อีกทั้งดาวเตะทีมชาติชิลีก็ไม่ได้รีดฟอร์มเก่งออกมาเลยในครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา 

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัญหาสัญญาของนักเตะหลายคนหาทางออกไม่ได้จนล่วงเข้าสู่ปีท้ายๆ คือ ดิ๊ก ลอว์ ที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องโยกย้ายผู้เล่น ตั้งใจรีไทร์ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์แล้ว เพียงแต่บอร์ดคนอื่นร้องขอให้อยู่ช่วยทีม

ฮัสส์ ฟาห์มี่ ที่ต้องคอยช่วยเหลือจัดการเรื่องสัญญานักเตะยังขาดประสบการณ์อยู่มาก ขณะที่ ราอูล ซานเยฮี อดีตผู้อำนวยการกีฬาของบาร์เซโลน่าซึ่งจะเข้ามาแทนตำแหน่งของ ลอว์ โดยตรงจะรับงานอย่างเป็นทางการในเดือนหน้าซึ่งพ้นตลาดหน้าหนาวไปแล้ว

โครงสร้างในบอร์ดบริหารของอาร์เซน่อลยังไม่นิ่งเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนแปลงหลายตำแหน่ง ช่วงที่ผ่านมาก็เพิ่งไปดึง สเวน มิลลินทัต อดีตแมวมองโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมงานซึ่งก็ต้องรอดูผลงานกันต่อไปเพราะต่อให้ได้รับการยกย่องว่ามีสายตาแหลมคมดุจเหยี่ยวในการดึงผู้เล่นมาร่วมทีม แต่หากนโยบายของสโมสรไม่ชัดเจน การทำงานก็ลำบากแน่นอน

เวนเกอร์ ในวัย 68 ปียังมีปัญหาน่าห่วงในการควบคุมอารมณ์เพราะแทนที่จะนิ่งและใจเย็นมากขึ้นกลับกลายเป็นหงุดหงิดบ่อยครั้งสิ่งรอบตัวโดยเฉพาะกับผู้ตัดสิน และเพิ่งโดนแบนไป 3 นัดพร้อมถูกเอฟเอเตือนอีกรอบให้ระมัดระวังคำพูด

นอกจากนี้ยังขาดความเด็ดขาดในการปกครองลูกทีม กรณีล่าสุดของ อเล็กซ์ อีโวบี้ ก็ควรต้องดร็อปและลงโทษทางวินัยไปแล้วหลังปาร์ตี้หนักหน่วงก่อนหน้าเกมเอฟเอ คัพ ที่ปืนใหญ่พลิกพ่ายฟอเรสต์ตกรอบอย่างน่าอับอาย
ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง บิ๊กเนมที่ปืนต้องการดึงมาทดแทนคนที่จากไป 

แต่ เวนเกอร์ กลับส่งลงตัวจริงในนัดต่อมาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

สุดท้ายสิ่งที่ เวนเกอร์ และบอร์ดบริหารจำต้องทำเพื่อไม่ให้ฤดูกาลนี้ดำดิ่งลงไปยิ่งกว่าเดิมคือ ต้องยอมทุ่มอีกครั้งเพื่ออุดช่องว่างขนาดใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นจากการย้ายออกของนักเตะหลายคน 

เวนเกอร์ จึงเหมือนคนหน้ามืดที่จำใจกระโจนลงตลาดซื้อขายเพื่อวิ่งวุ่นติดต่อทีมนั้นทีมนี้ในการดึงนักเตะมาร่วมทีม ไม่ต่างจากวันที่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด ถลุงยับ 8-2 ในเดือนสิงหาคม ปี 2011 

กับการซื้อนักเตะช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็น ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง, มัลคอม, โตมาส์ เลอมาร์, จอนนี่ อีแวนส์ หรือ มคิทาร์ยาน ที่อาจเป็นส่วนหนึ่งในดีลของ อเล็กซิส ก็ล้วนแต่ต้องจ่ายเงินก้อนโตเพราะไม่มีทีมใดอยากปล่อยนักเตะกลางฤดูกาล 

อาร์เซน่อล ปล่อยโอกาสทองช่วงซัมเมอร์ที่ควรเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับปรับเปลี่ยนทีมผ่านไปโดยใช้ประโยชน์น้อยมาก และประเมินสถานการณ์แง่บวกเกินไป 

หลายดีลจึงคาราคาซังจนต้องมาแก้ไขกันกลางฤดูกาล และต้องเสียค่าโง่ของตัวเองด้วยเงินมหาศาล ตรงกันข้ามกับรายรับในการขายนักเตะที่คงเรียกค่าตัวได้ไม่มาก

เป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดด่วนที่แพงเอาเรื่อง และโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเอง   

 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด