ไปว่ากันต่อว่ายังมีนักเตะคนไหนที่ยังค้าแข้งกันอยู่บ้าง และไปโผล่อยู่ลีกของประเทศไหนกัน (นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาเท่านั้น)

ศูนย์หน้าอาร์ทติส สร้างชื่อหลังย้ายจาก ซีเอสเคเอ โซเฟีย มา เลเวอร์คูเซ่น จากนั้นก็มาระเบิดฟอร์มในพรีเมียร์ลีกกับ สเปอร์ส จนถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มซื้อไปด้วยค่าตัวมหาศาล ภายหลังแยกทางกับ ฟูแล่ม 'เบิร์บ' ก็ออกไปแสวงหาความท้าทายกับ โมนาโก, พีเอโอเค และปัจจุบันในวัย 36 ไปเล่นอยู่กับ เคราล่า บลาสเตอร์ส ในลีกอินตะระเดีย

อีกหนึ่งผลผลิตของ เวสต์แฮม ที่ถูกทีมใหญ่ เชลซี ดึงไปร่วมทัพ และใช้เวลา 7 ปีที่นั่น ก่อนอำลาไป ลิเวอร์พูล หลังจากหมดความท้าทายในลีกอังกฤษกับ เวสต์แฮม, แอสตัน วิลล่า, โคเวนทรี แล้ว โคล ก็ออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ค้าแข้งกับ แทมปา เบย์ โรว์ดี้ส์ ในศึกยูไนเต็ด ซอคเกอร์ลีก (รองจากเมเจอร์ลีก) จนกระทั่งปัจจุบันในวัย 36

อดีตศูนย์หน้าทีมชาติฟินแลนด์ และ เชลซี โลดแล่นอยู่ในเวทีพรีเมียร์ลีกนานร่วมทศวรรษ ระหว่างปี 1998-2008 ก่อนย้ายไป ฮันโนเวอร์ แล้วกลับมา ลีดส์ ถึงกลับบ้านกับ เอชเจเค และปัจจุบันในวัย 36 ปี ย้ายไปร่วมทีม เอชไอเอฟเค ซึ่งอยู่ใน ไวค์เคาส์ลีกา ลีกสูงสุดฟินแลนด์เช่นกัน

เด็กปั้นจากรั้วเยาวชนของ มิลาน ย้ายไปยิงกระจายกับ ปราโต้ และ เอ็มโปลี ก่อนถูก มิดเดิลสโบรช์ ทุ่มคว้าตัวมาร่วมทีมแบบมีความหวัง แต่ก็แจ้งเกิดได้ไม่เต็มตัว จนต้องย้ายกลับอิตาลี และดูเหมือนจะยุติอาชีพที่บ้านเกิดแล้ว แต่ศูนย์หน้าหัวโล้นก็ออกเดินทางสู่ เอลีก ออสเตรเลีย ร่วมทีม บริสเบน โรร์ เป็นซีซั่นแรกในวัย 38

ผู้รักษาประตูเป็นตำแหน่งที่สามารถเล่นจนแก่เฒ่าได้สบายๆ และดูเหมือนเวลานี้ ฮาวเวิร์ด ก็ยังคงแฮปปี้กับการลงเฝ้าเสาให้ โคโลราโด้ ราปิดส์ หลังย้ายกลับ เมเจอร์ลีก ตั้งแต่ปี 2016 ในอดีต 'ที-โฮ' ถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทัพ หวังให้เป็นมือ 1 ต่อจาก ฟาเบียน บาร์กเตซ แต่ยึดตัวหลักระยะยาวไม่ได้ จนต้องปล่อยไปเป็นมือ 1 ที่ เอฟเวอร์ตัน เกือบทศวรรษ

'ดูดู้' ศูนย์หน้าบราซิล ผู้เบิกทางสู่ทีมชาติโครเอเชีย ย้ายจาก ดินาโม ซาเกรบ ร่วมทีม อาร์เซน่อล เมื่อปี 2007 แต่แจ้งเกิดไม่ได้ จนทนกับการเป็นตัวสำรอง 3 ปี ก่อนอำลาไป ชัคตาร์ โดเนตส์ค, ฟลาเมงโก้, อัตเลติโก พาราเนนเซ่ ก่อนบินกลับยุโรปอีกครั้ง เพราะเพิ่งเซ็นกับ ลีเกีย วอร์ซอว์ ทีมในลีกโปแลนด์ สดๆ ร้อนๆ

ตำนานกองหน้าของ เชลซี ที่ถูกยกขึ้นหิ้ง สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังประสบความสำเร็จท่วมท้น แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอคัพ 4 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย และที่สโมสรรอคอยมาตลอด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2012 หลังจากอำลา ลอนดอน ดร็อกบา ก็ไปโผล่ที่จีน กับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว, ตุรกี กับ กาลาตาซาราย จากนั้นถึงมาปักหลักที่อเมริกากับ มอนทรีออล อิมแพกท์ และล่าสุดอยู่กับ ฟีนิกซ์ ไรซิ่ง ในศึกยูไนเต็ด ซอคเกอร์ลีก ที่เล่นไปเล่นมา ซื้อหุ้นสโมสร กลายเป็นเจ้าของทีมมันซะเลย

อดีตกองหลังดาวรุ่งจากรั้วเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ฝีเท้างั้นๆ แต่ได้ใจแฟนบอลตรงเรื่องความทุ่มเทและการเล่นหนักหน่วงถึงลูกถึงคน หลังจาก 19 ปีใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บราวน์ ก็ลดชั้นลงไปเล่นกับ ซันเดอร์แลนด์ และ แบล็คเบิร์น แล้วไม่ยอมเลิกเล่นง่ายๆ ในวัย 38 ยังย้ายไปหาประสบการณ์ต่างแดนครั้งแรกในชีวิตกับ เคราล่า บลาสเตอร์ส ในลีกอินเดีย ทีมเดียวกับ เบอร์บาตอฟ