"ปืนใหญ่" เก็บชัยชนะต่อหน้าแฟนบอลที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เอาไว้ได้หลังฮึดยิง 2 ประตูในครึ่งหลังจาก คาลั่ม แชมเบอร์ส และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ 

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมไปต่อในถ้วยลีก คัพ หลังเปลี่ยนทีมถึง 9 ตำแหน่งจากเกมลีกล่าสุดที่ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 โดยมีเพียง เบน ไวท์ และ เอมิล สมิธ โรว์ ที่ลงตัวจริงต่อเนื่อง

ความตั้งใจจริงของ อาร์เตต้า คือการเปลี่ยนทีมทั้ง 11 คนเพื่อเซฟตัวหลักเอาไว้สำหรับเกมลีกที่ต้องไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ในสุดสัปดาห์นี้ ทว่า ปาโบล มารี มีอาการป่วยเลยต้องให้ ไวท์ ลงต่อ เช่นเดียวกับ สมิธ โรว์ ที่รับหน้าที่้ปั้นเกมอีกนัดเพราะ มาร์ติน โอเดการ์ด ฟิตไม่ทัน 

ขณะที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ มาร์เซโล่ บีเอลซ่า เปลี่ยนทีมเพียง 4 ตำแหน่งจากเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ ถือว่าเน้นมากกับการมาเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 

ทัพยูงทองที่ยังมีแกนหลักอย่าง  แจ็ค แฮร์ริสัน, ปาสกาล สเตราค์, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, สจ๊วร์ต ดัลลาส, ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์, แดเนียล เจมส์, อิลลัน เมส์ลิเย่ร์ และ แคลวิน ฟิลลิปส์ ที่หายเจ็บกลับมา จึงเล่นได้ไม่เป็นรองและเหนือกว่านิดๆ ในจังหวะเข้าทำตลอดครึ่งแรก

เกมรุกของ ลีดส์ ใน 45 นาทีต่อบอลกันได้ไหลลื่นมากกว่าและมีโอกาสยิงถึง 8 ครั้ง โอกาสจะแจ้งที่น่าจะได้ประตูสุดๆ คือช่วงกลางครึ่งแรกที่ แจ็ค แฮร์ริสัน ได้วอลเลย์เต็มข้อด้วยซ้าย ทว่า แบรน์ เลโน่ ซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้ 

ส่วนเกมรุกของ อาร์เซน่อล ยังสะเปะสะปะ แทบไม่มีจังหวะประสานงานกันสวยๆ มากนัก 

อาร์เตต้า เลือกให้ สมิธ โรว์ ลงทำเกมรุกร่วมกับ นิโกล่าส์ เปเป้ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โดยมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เป็นหน้าเป้า 

สมิธ โรว์ ยังรักษามาตรการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ แต่ก็ไม่ได้ต่อบอลร่วมกับ มาร์ติเนลลี่ และ เอ็นเคเทียห์ เท่าที่ควร หลายจังหวะต่างคนต่างเล่นเพราะไม่วิ่งทำทางเพื่อเปิดพื้นที่ให้กันและกัน 

แชมเบอร์ส ทำประตูได้หลังลงสำรองไป 23 วินาที

น่าผิดหวังสุดคือ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่ประสบการณ์มากกว่าทุกคนในเกมรุกและน่าจะเป็นความหวังได้ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนเดิม ครึ่งแรกเสียบอลหลายครั้ง เกมรุกที่กำลังจะขึ้นมาได้เป็นต้องสะดุดมาตายที่ปีกไอวอวรี่โคสต์ 

อาร์เตต้า ก็เห็นถึงปัญหาของทีมในครึ่งแรก ทำให้ต้องแก้เกมระหว่างพักครึ่ง "พวกเขาสร้างปัญหาให้กับเราเหมือนที่เคยทำได้ แต่เราสร้างโอกาสได้หลายครั้ง ทว่าไม่เฉียบขาดพอ ช่วงพักครึ่งเราเลยมีการปรับสองสามจุดก่อนทำได้ดีขึ้นและแกร่งขึ้นมาก"

ในช่วงเริ่มต้นครึ่งหลัง เกมของ อาร์เซน่อล ยังไม่ถึงกับดีขึ้นทันตา แต่ประตูที่ออกนำก่อนสร้างความแตกต่างได้และทำให้ทีมเยือนชะงักไปพอสมควร 

คาลั่ม แชมเบอร์ส โผล่มาเป็นฮีโร่แบบที่ไม่คาดคิดเพราะเพิ่งลงสำรองได้เพียง 23 วินาทีแทน เบน ไวท์ ที่ถูกเปลี่ยนออกไปเพราะร่างกายไม่เต็มร้อย 

สัมผัสแรกที่โดนบอล แชมเบอร์ส ทำประตูได้ทันทีหลังทีมได้ลูกเตะมุมที่มี เปเป้ โหม่งย้อนกลับมาให้กองหลังชาวอังกฤษโขกจ่อๆ อิลลัน เมส์ลิเย่ร์ ควักบอลออกมาได้ ทว่าสุดท้าย อังเดร มาร์ริเนอร์ ก็เป่าให้เป็นประตูหลังใช้เวลาเล็กน้อยในการเช็กว่าบอลข้ามเส้นไปแล้วหรือยัง

ประตูนี้ทำให้ ลีดส์ ต้องพยายามเร่งเกมเพื่อตีเสมอคืนให้ได้ ตลอดครึ่งหลังลูกทีมของ บีเอลซ่า ครองบอลได้มากถึง 61 เปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสลุ้นประตูเป็น อาร์เซน่อล ที่มีมากกว่าที่ 8 ต่อ 6 ครั้ง

ปืนใหญ่ เล่นได้ง่ายขึ้นหลังได้ประตูนำ แต่ด้วยผู้เล่นที่ไม่ใช่ชุดใหญ่เต็มสูบ ทีมจึงไม่สามารถขึงเกมได้ตามโมเมนตัมที่ควรจะเป็น ดังนั้นเล่นเอาชัวร์และรอโอกาสจนกระทั่ง ลีดส์ มาพลาดเองจนเสียประตูที่สอง

ประตูปิดท้ายต้องชมความขยันของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่ไล่บอลจนกระทั่งฉกบอลโหม่งคืนหลังไม่ดีของกองหลัง ลีดส์ ได้ก่อน อิลลัน เมส์ลิเย่ร์ ก่อนยิงมุมแคบเข้าไปแบบใจหายใจคว่ำเพราะจังหวะยิงโดนไม่เต็มเท้า ยังดีที่บอลค่อยๆ ไหลซุกก้นตาข่าย

เอ็นเคเทียห์ (ขวา) มีสกอร์ปิดท้ายจากความขยัน

ทุกอย่างจึงอยู่ในการคอนโทรลของ อาร์เซน่อล มากขึ้น มิเกล อาร์เตต้า จึงทยอยเปลี่ยนตัวให้ผู้เล่นที่ช่วงหลังไม่ได้ลงสนามมากนักในชุดใหญ่ได้ลงเล่นทั้ง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์, อัลเบิร์ต แซมบี้ โลคองก้า และ นูโน่ ตาวาเรส

ลากาแซ็ตต์ และ ตาวาเรส เพิ่งจะเป็นตัวจริงเกมลีกนัดแรกในฤดูกาลในเกมกับ วิลล่า ส่วน โลคองก้า ก็เพิ่งกลับมาลงตัวจริงต่อเนื่องอีกครั้งหลัง กรานิต ชาคา เจ็บหนักพักยาวไป

อาร์เซน่อล ทำภารกิจได้ตามเป้ากับการผ่านเข้ารอบซึ่งถือว่าสำคัญไม่น้อยและมีข้อดีมากมายที่ยังไม่ตกรอบ

ฤดูกาลนี้ ไม่มีถ้วยยุโรปให้ลงเล่น ส่วนเอฟเอ คัพ ก็ต้องรอจนถึงต้นปีหน้าที่จะลงสนามนัดแรก ดังนั้นการมีฟุตบอลถ้วยคาราบาว คัพ ให้ลงเล่นอีกอย่างน้อยหนึ่งนัดจะเป็นเวทีให้ดาวรุ่งและสำรองได้ลงสนาม

ในทีมชุดใหญ่ตอนนี้ มิเกล อาร์เตต้า เริ่มได้ทีมชุดตัวจริงที่ลงตัวมากขึ้นโดยเฉพาะแผงหลัง ดังนั้นโอกาสของคนอื่นๆ อีกไม่ตำกว่าสิบคนในทีมจึงเป็นลีกคัพรายการนี้ 

ผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง เอ็นเคเทียห์, เมทแลนด์ ไนลส์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ฯลฯ ควรมีเกมให้ลงเล่น ไม่งั้นจะขาดการพัฒนาที่ดี ขณะที่ แบรนด์ เลโน่ ที่เสียตำแหน่งมือหนึ่งในทีมให้ อารอน แรมส์เดล ก็จำเป็นได้เล่นเช่นกันเพราะมีฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมันรออยู่ในปีหน้า

ที่สำคัญสุดในชัยชนะนัดล่าสุดคือการที่ทีมสามารถรักษาโมเมนตัมที่ดีช่วงนี้เอาไว้ได้ 

นับตั้งแต่เบรกทีมชาติกลับมาเล่นในเดือนกันยายน อาร์เซน่อล ไม่แพ้ใครเลยตลอด 8 นัดจากทุกรายการ แบ่งเป็นเกมลีก 6 นัดและบอลถ้วคาราบาว คัพ 2 นัด

หาก อาร์เตต้า พาทีมทำได้ดีอีก 2 นัดทั้งเกมเยือน เลสเตอร์ และกลับมาเล่นในบ้านพบ วัตฟอร์ด ก่อนเบรกทีมชาติ จะเป็นการกลับสู่เส้นทางที่ดีเยี่ยมได้แบบเต็มตัว หลังออกสตาร์ท 3 นัดแรกสุดย่ำแย่แพ้รวด เสียรวม 9 ประตู และยิงไม่ได้เลย 

"ไม่แพ้ 10 นัดติดต่อกัน" คือเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ก่อนกลับมาเจอบทสอบของจริง

ไปเยือนแอนฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล