ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นการชิมลางบทบาทผู้จัดการทีมลูกหนังชายไทย ครั้งแรกของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นางฟ้าลูกหนังแดนสยาม 

แถมยังมีลมหวนคุมทัพ “ช้างศึก-U23” อีกหนของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ อีกด้วย

โดยนับตั้งแต่การเตรียมทีมลุยภารกิจครั้งนี้ มีอุปสรรคและบททดสอบให้ทีมงานได้แก้ไขไม่เว้นแต่ละวัน 

ตั้งแต่การขาดสตาร์ดังทั้ง นพพล ละครพล มือกาวจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, กฤษดา กาแมน กองกลางจอมลุยจาก ชลบุรี เอฟซี, สิทธิโชค ภาโส ดาวยิงจาก เอฟซี ริวกิว

เอกนิษฐ์ ปัญญา จอมทัพจาก ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด,ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หัวหอกวันเดอร์คิดจาก “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 

หรือ อนันต์ ยอดสังวาลย์ แข้งพรสวรรค์สูงที่กำลังฟอร์มฮ็อต จากลำพูน วอริเออร์ ในไทยลีก 2 

เนื่องจากโปรแกรมแข่งขันไทยลีกเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับทัวร์นาเมนต์นี้ แถมโปรแกรมการฟาดแข้งยังไม่ตรงกับปฏิทินฟีฟ่าเดย์ 

ทำให้สโมสรไม่สามารถปล่อยตัวนักเตะในสังกัดมาร่วมทัพ ช้างศึกพลังหนุ่ม ในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะมันเป็นสิทธิ์ของสโมสรที่สามารถกระทำได้ 

ขณะที่ทางสมาคมฯ และ “มาดามแป้ง” ทราบเรื่องนี้ดี จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเรียกบรรดาแข้งไทยแท้และลูกครึ่งที่เล่นอยู่ต่างประเทศมาร่วมทัพ

ทั้ง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชุดนี้ด้วย

หรือจะเป็น เบนจามิน เดวิส จอมทัพเชิงสูงจาก อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ในลีกวัน อังกฤษ และ โจนาธาน เข็มดี กองหลังหน่วยก้านดี จากโอบี โอเดนเซ่ ลีกสูงสุดแดนโคนม ประเทศเดนมาร์ก 

โดยทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชหวังใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายตามแบบฉบับนักเตะยุโรป ความคุ้นเคยกับสภาพอากาศอันหนาวเย็น ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการแข่งขันครั้งนี้ ช่วยทีมอีกแรง 

แต่การฝึกซ้อมร่วมกันก่อนการแข่งขันจริงของชุดดาวกระจายเพียง 6 วัน คงไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์และรูปเกมจะออกมาไฉไลอย่างที่หวังไว้ 

ดังนั้นการเล่นแต่ละนัดต้องอาศัยจังหวะฉาบฉวยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

โดยการนับหนึ่งของ ทีมชาติไทย เสมอกับ มองโกเลีย เจ้าภาพไปด้วยสกอร์ 1-1 ซึ่งถือเป็นผลการแข่งขันที่ไม่ผิดคาดนักตามเหตุผลที่ยกมาข้างต้น

ซึ่ง จักรกริช พาละพล ปีกจาก ขอนแก่น ยูไนเต็ด ยิงประตูให้ทีมออกนำก่อนตั้งแต่ช่วง 10 นาทีแรก ซึ่งถือเป็นการออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมของทีมและเจ้าตัว หลังติดทีมชาติไืทย U-23 เป็นครั้งแรก

แต่การที่นักเตะตัวจริงทั้ง เบนจามิน เดวิส กองกลาง และ วันชาติ ชูสงค์ กองหลัง ที่ได้รับบาดเจ็บ จนถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งแรก ทำให้แผนที่วางไว้มีปัญหาทันที

แถมตัวแทนอย่าง สิทธา บุญหล้า เจ้าหนูวัย 17 ปี ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็เล่นไม่ออก จนถูกถอดออกในช่วงพักครึ่ง

สุดท้ายด้วยความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ และสภาพสนามที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้โดนตีเสมอและจบด้วยการแชร์แต้มในที่สุด 

ทำให้งานนัดต่อไปในการเจอกับ สปป. ลาว และ มาเลเซีย หนักเอาการเหมือนกัน เพราะต้องคว้าชัยชนะให้ได้เท่านั้น เพื่อโอกาสผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอุซเบกิสถาน ต่อไป

ส่วนนักเตะที่ผลงานโดดเด่นในนัดนี้คงหนีไม่พ้น “โจนาธาน เข็มดี” 

ปราการหลังร่างยักษ์เจ้าของความสูง 195 เซนติเมตร มีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดเยาวชนเป็นครั้งแรก แต่สามารถทำผลงานเข้าตาแฟนบอลเลยทีเดียว

ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเกมที่เฉียบขาด มีความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของนักเตะลูกครึ่ง 

ที่สำคัญเลยคือภาวะความเป็นผู้นำสูงลิบ คอยกระตุ้นและสั่งการเพื่อนร่วมทีมตลอด 90 นาที

ซึ่งการเห็นดาวเตะวัย 19 ปี จากสโมสร โอบี โอเดนเซ่ ทำผลงานที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ คงเอาแฟนบอลอุ่นใจไม่เบา

ยิ่งได้เล่นในต่างประเทศกับสโมสรในเดนมาร์ก น่าจะยกระดับฝีเท้าของเขาให้รุดหน้าไปเร็วกว่าเดิม

อย่าลืมว่าในช่วงหลังวงการฟุตบอลของเดนมาร์กดีขึ้นมาก มีนักเตะเก่งๆ หลายคนทยอยขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ และทีมชาติของพวกเขาก็ฟอร์มดีเอามากๆ ด้วย 

ในวันที่ทีมชาติไทย อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านถ่ายเลือดใหม่ เราได้เห็นนักเตะกองกลางและตัวรุกผุดขึ้นมาประดับวงการมากมาย 

แต่นักเตะในตำแหน่ง “กองหลัง” ที่มีแววจะเป็นอนาคตของวงการลูกหนังไทย ต้องบอกว่าหายากมากๆ 

หาก “โจนาธาน เข็มดี” รักษาฟอร์มแบบนี้ไว้เรื่อยๆ และเลือกเล่นให้ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ น่าจะทำให้ความหวังในการทวงยิ่งใหญ่กลับมาในอนาคตสดใสยิ่งขึ้น

และนี่คงเป็นเรื่องดีๆ ในวันที่ไม่สดใสของฟุตบอลไทย อย่างน้อยยังมีเรื่องให้ยิ้มได้บ้าง