สงครามอาจยังไม่จบ แต่ผู้ชนะศึกนี้คงเป็นทัพอาซูลกราน่าจากแคว้นกาตาลุนย่าหลังโกยคะแนนทิ้งอันดับ 2 ถึง 11 แต้ม แม้ว่าจะเหลือโปรแกรมลงสนามอีก 18 เกมก็ตาม
   
    บาร์เซโลน่า เริ่มต้นด้วยปัญหาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่่นจากกรณีของ เนย์มาร์ แต่การสูญเสียกองหน้าชาวบราซิเลียนไม่ส่งผลกระทบต่อทีมเลือดหมู-น้ำเงินแม้แต่น้อย
   
    แข้งบาร์ซ่าหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทัพอาซูลกราน่าเล่นกันเป็นทีมมากขึ้นเมื่อปราศจากกองหน้าคนนั้น
   
    เกมรุกของทีมอาซูลกราน่ายังทรงพลังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพแทบจะไม่ต่างจากตอนที่มีเนย์มาร์ พิสูจน์ได้จากตัวเลขบนตารางคะแนนจำนวน 57 ประตูจากการลงเล่น 20 เกม มีค่าเฉลี่ยยิงนัดละ 2.85 ประตู

   
    แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นเสียประตูยากขึ้นจนถูกคู่แข่งยิงรวมกัน 9 ประตูเท่า แอตเลติโก มาดริด มีค่าเฉลี่ยเสียนัดละ 0.45 ประตูเท่านั้น
   
    ส่วนหนึ่งมาจากการวางแท็กติกของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทีมอาซูลกราน่ามีตัวไล่บอลคอยเพรสซิ่งคู่แข่งในแดนกลางมากขึ้นด้วย
   
    ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ ยังคงเป็นกลจักรสำคัญในแนวรุกของทีมอาซูลกราน่าไม่ต่างไปจากเดิม สองแนวรุกบาร์เซโลน่านำเป็นดาวซัลโวอันดับ 1 กับ 2 ของลีกเมืองกระทิงจากผลงาน 19 กับ 15 ประตูตามลำดับ ทีมอาซูลกราน่ายังมีตัวละครลับอย่าง เปาลินโญ่ ที่ติดชาร์จดาวยิงหลังกด 8 ประตูอีกคนด้วย
   
    ขณะที่ดาวซัลโวสูงสุดของ เรอัล มาดริด ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ แกเร็ธ เบล เพิ่งยิงได้คนละ 6 ประตูเท่านั้น
   
    อันดับดาวซัลโวลา ลีกาล่าสุด
   
    19 ประตู : ลิโอเนล เมสซี่ (2 จุดโทษ) (บาร์เซโลน่า)
   
    15 ประตู : หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า)
   
    12 ประตู : ยาโก้ อัสปาส (1 จุดโทษ) (เซลต้า บีโก้)

    10 ประตู : คริสเตียน สตูอานี (1 จุดโทษ) (คีโรน่า), ซิโมเน่ ซาซ่า (บาเลนเซีย)
   
    9 ประตู : มักซี่ โกเมซ (เซลต้า บีโก้), วิลเลียน โชเซ่ (2 จุดโทษ) (เรอัล โซเซียดาด), โรดริโก้ โมเรโน่ (1 จุดโทษ) (บาเลนเซีย)
   
    8 ประตู : เปาลินโญ่ (บาร์เซโลน่า), เคราร์ด โมเรโน่ (1 จุดโทษ) (เอสปันญ่อล), คริสเตียน ปอร์ตูเกส ปอร์ตู (คีโรน่า)
   
    7 ประตู : อาริตซ์ อาดูริซ (3 จุดโทษ) (บิลเบา), อันโตนิโอ ซานาเบรีย (เรอัล เบติส), อังเคล โรดริเกซ (เคตาเฟ่), ซานติอาโก้ มีน่า (1 จุดโทษ) (บาเลนเซีย)   

    6 ประตู : อองตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก มาดริด), เซร์คิโอ เลออน (เรอัล เบติส), ชาร์ลส์ ดีอาส (เออิบาร์), แกเร็ธ เบล (เรอัล มาดริด), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (1 จุดโทษ) (เรอัล มาดริด), มีเกล โอยาร์ซาบาล (เรอัล โซเซียดาด)
   
    5 ประตู : อินญากี้ วิลเลียมส์ (บิลเบา), ราอูล การ์เซีย เอสกูเดโร่ (2 จุดโทษ) (บิลเบา), อังเคล กอร์เรอา (แอตเลติโก มาดริด), ฆอร์เค่ โมลีน่า (3 จุดโทษ) (เคตาเฟ่), ฟลอริน อันโดเน่ (เดปอร์ติโบ), โจน จอร์ดาน (1 จุดโทษ) (เออิบาร์), โจนาธาน กาเยรี่ (1 จุดโทษ) (ลาส ปัลมาส), โรอิก เรมี่ (ลาส ปัลมาส), กาเบรียล ปีเรส (1 จุดโทษ) (เลกาเนส), วิสซาม เบน เยแดร์ (เซบีย่า), การ์ลอส บักก้า (บียาร์เรอัล)

   
    เมสซี่ กดคนเดียวสองประตูนำทีมอาซูลกราน่าขย่ม เรอัล เบติส ถึงสังเวียน'เบนีโต้ บียามาริน'5-0 พร้อมเสียงสรรเสริญเยินยอฟอร์มการเล่นระดับเทพของซุปตาร์อาร์เจนไตน์จากทั่วสารทิศ
   
    'คุณต้องสนุกไปกับเขา เราโชคดีที่ได้อยู่ในยุคของเขา'
   
    'ผมเคยเจ็บปวดเพราะเขามาแล้วและผมรู้ดีว่ามันเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมสามารถสนุกกับมันได้แล้ว'บัลเบร์เด้ กล่าวถึงการเล่นของเมสซี่
   
    ขณะที่ รูเบน กาสโตร กองหน้าตัวเก๋าของทีมเบตีโก้กล่าวชื่นชมเมสซี่ทำนองเดียวกันว่า'มันเป็นสิ่งพิเศษที่ได้ดูเขาเล่นทุกวัน เขาเป็นผู้เล่นดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา'
   
    ไม่ต่างจาก ฆัวกิน ซานเชซ ปีกลายครามของ เรอัล เบติส กล่าวเสริมแบบติดตลกว่า'เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับเมสซี่ ใครเหรอ? ใคร? (หัวเราะ) เราไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว'

   
    ส่วนผู้ที่ใกล้ชิดและมีส่วนร่วมกับการเล่นฟุตบอลกับ เมสซี่ มากที่สุดคนหนึ่งคงไม่ใครไปไม่ได้นอกจาก หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าเพื่อนร่วมค่ายของซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์นั่นเอง
   
    ซัวเรซกล่าวยกย่องเพื่อนร่วมสังกัดว่า'ในทุกเกมที่เมสซี่ลงเล่นจะมีสัมผัสพิเศษ นี่เป็นอีกเกมที่เลโอสร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชม'
   
    'คนที่มาที่สนามสามารถสนุกไปกับมัน พวกเรามีโอกาสเห็นผู้เล่นดีที่สุดในประวัติศาสตร์'   
   
    'เขาเล่นแต่ละครั้งพร้อมด้วยรายละเอียด เขาเป็นคนที่สร้างความตื่นเต้นอย่างแท้จริง'
   
    แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษซึ่งเคยค้าแข้งกับบาร์เซโลน่าไม่ตกขบวนกล่าวยกย่องเมสซี่เช่นเดียวกัน 'ไม่มีคำพูดใดๆจะอธิบายความยอดเยี่ยมของเมสซี่ เอาเป็นว่ามีความสุขแค่ไหนที่ได้ดูเขาเล่น'

   
    สำหรับ อันโตนิโอ อาดาน นายด่าน เรอัล เบติส ที่ตกเป็นเหยื่อคนล่าสุดของ เมสซี่ กล่าวชื่นชมกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ว่า 'เมสซี่แสดงให้เห็นในแต่ละเกมว่ามันไม่ใช่สิ่งดีที่สุด แต่เป็นประวัติศาสตร์ดีที่สุด'
   
    'มันเป็นความงดงาม แม้ในช่วงครึ่งเวลาแรกจะดูเหมือนว่าเขาหายไปจากเกม มันดูเหมือนว่าเขาจะเดินเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากนั้นเขารับบอลมา 4 ครั้งและทำ 2 แอสซิสต์กับ 2 ประตู'
       
    'มันเป็นเมสซี่และเราต้องแสดงความยินดีกับเขาเพราะเขาทำให้กีฬานี้ดีขึ้น'อาดานยอมรับความยอดเยี่ยมของคู่แข่งด้วยความจริงใจ
   
    เกมรุกของทีมอาซูลกราน่ายังทรงพลังเพราะมีนักเตะชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ ในขณะเดียวกัน บาร์เซโลน่า ยังขันเกมรับแน่นหนาผิดวิสัยจนกลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยสุดของลีกาอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับทีมยักษ์กาตาลัน
   
    นอกเหนือจากสองเหตุผลข้างต้น อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือความเหนียวหนึบของ มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น ด้วยเช่นกัน

   
    นายทวารทีมชาติเยอรมันช่วยป้องกันชอตสำคัญหลายครั้งหลายหนตลอดช่วง 20 เกมที่ผ่านมาจนเสียเพียง 9 ประตูเท่า ยาน โอบลัค นายทวารชาวสโลวีเนียนของ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งทั้งสองคนต่างมีลุ้นแย่งรางวัล'ซาโมร่า'หรือ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของลีกาซีซั่นนี้
   
    จากผลงาน 20 นัดแรกของ บาร์เซโลน่า ยุคบัลเบร์เด้ทำให้สื่อแคว้นกาตาลุนย่ามั่นใจว่าแชมป์ลีกเมืองกระทิงซีซั่นนี้คงไม่หลุดไปจากมือทีมอาซูลกราน่าและทีมของเทรนเนอร์ชาวบาสโก้จะน่ากลัวมากยิ่งขึ้นหลังการหวนคืนสู่สนามของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

   
    ข่าวดีสำหรับสาวกบาร์เซโลนิต้าคือการกลับมาลงซ้อมเต็มรูปแบบของ คูตินโญ่ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาและตามรายงานจากสื่อกาตาลุนย่าระบุว่าอดีตมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลมีโอกาสลงประเดิมสนามในศึกดาร์บี้แมตช์กับ เอสปันญ่อล บนเวทีโกปา เดล เรย์ รอบ 8 ทีม นัดสอง คืนวันพฤหัสฯนี้
   
    'ผมหวังว่าในช่วงเวลาสั้นๆเขาจะอยู่กับเรา ผมไม่รู้ว่าจะเป็นวันพฤหัสฯหรือไม่ มันมีโอกาสเป็นไปได้'บัลเบร์เด้กล่าวถึงลูกทีมคนใหม่ที่มีโอกาสลงประเดิมสังเวียนในเกมล้างตาทีมนกแก้ว