การย้ายสนามเหย้าจากไฮบิวรี่มามาเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เป็นเหตุผลสำคัญที่บีบให้อาร์เซน่อลจำต้องปล่อยนักเตะตัวหลักออกจากทีมเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนในการชำระหนี้
พวกเขาไม่สามารถให้ค่าเหนื่อยได้อย่างที่นักเตะหลายคนเรียกร้อง ขณะเดียวกันคู่แข่งอีกหลายทีมล้วนเพิ่มศักยภาพตัวเองขึ้นมา และไม่ได้มาเพียงแมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนยุคแรก
หลายคนเลือกหันหลังจากไปเพราะรู้แจ้งเห็นชัดด้วยตัวเองว่าคงไม่สามารถประสบความสำเร็จกับทีมที่ห่วงแต่เรื่องตัวเลขในบัญชีมากกว่าความทะเยอทะยานในการประสบความสำเร็จ
นอกจากบาร์เซโลน่าที่ดูดไปหลายคนแล้ว มีอีกไม่น้อยเช่นกันที่เลือกมุ่งหน้าสู่แมนเชสเตอร์ก่อนแยกซ้าย-ขวาไปสี "แดง" และ" ฟ้า"
นี่คือทั้งหมดที่เดินบนถนนเส้นเดียวกัน
ปี 2009 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และ โคโล่ ตูเร่ (แมนฯ ซิตี้)
เรือใบยุคแรกที่เริ่มมีเงิน จัดการดึงทั้ง อเดบายอร์ และ ตูเร่ ไปแบบแพ็กคู่พร้อมจ่ายค่าเสียหาย 39 ล้านปอนด์
อเดบายอร์ ยิงไป 14 ประตูในฤดูกาลแรกกับเรือใบซึ่งหนึ่งในนั้นที่ทุกคนไม่เคยลืมคือยิงทีมเก่าอาร์เซน่อลก่อนสับตีนร้อยเมตรชายวิ่งมาดีใจเย้ยแฟนบอลปืนโตอีกต่างหาก
แฟนผีไม่เคยลืมวันที่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ วิ่งหน้าตั้งดีใจเย้ยทีมเก่า
แต่ชีวิตในเรือใหญ่ของบายอร์ก็ไม่ได้ราบรื่น ฤดูกาลต่อมาเขาแทบไม่ได้ลงสนจามก่อนถูกปล่อยให้ เรอัล มาดริด ยืมใช้งานและขายขาดให้สเปอร์สในปี 2011 และทุกวันนี้ยังค้าแข้งอยู่กับ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ ในตุรกี
ส่วน ตูเร่ สมาชิกชุดแชมป์ไร้พ่ายของอาร์เซน่อลปักหลักในแมนฯ ซิตี้ นาน 4 ฤดูกาลจนกระทั่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2012 และกลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ได้แชมป์ลีกกับ 2 ทีม และเกือบจะเป็น 3 ทีมด้วยซ้ำหากลิเวอร์พูลไม่พลาดช่วยท้ายฤดูกาล 2013-14
ปี 2011 : ซามีร์ นาสรี่ และ กาแอล กลิชี่ (แมนฯ ซิตี้)
ซัมเมอร์นั้นคืออีกซัมเมอร์ที่อาร์เซน่อลเสียตัวหลักไปหลายคน เยนส์ เลห์มันน์ เลิกเล่น, เชส ฟาเบรกาส ย้ายไปบาร์เซโลน่า, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ถูกโละให้กาลาตาซารายหลังฟอร์มตก ขณะที่ 2 นักเตะฝรั่งเศสอย่าง ซามีร์ นาสรี่ กับ กาแอล กลิชี่ ย้ายซบแมฯ ซิตี้
ซามีร์ นาสรี่ ไปได้สวยช่วงแรก
3 ปีแรกของทั้งคู่เริ่มต้นได้ดีด้วยการซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และลีก คัพ อีก 1 สมัย แต่จากนั้น นาสรี่ เริ่มกลายเป็นส่วนเกินและถูกปล่อยให้ เซบีย่า ยืมใช้งานฤดูกาลที่แล้วก่อนย้ายขายให้ อันตัลยาสปอร์ในฤดูกาลนี้
กลิชี่ อยู่จนถึงฤดูกาลที่แล้วก่อนถูกปล่อยตัวหลังหมดสัญญา ตอนนี้ไปรียูเนียนกับ อเดบายอร์ในลีกแดนไก่งวง
กาแอล กลิชี่ เพิ่งโดนปล่อยออกจากทีมเมื่อปีที่แล้ว
ปี 2012 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด)
นี่คือดีลที่สั่นสะเทือนที่สุดอีกดีลของวงการฟุตบอลอังกฤษ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กำลังอยู่ในช่วงพีคที่สุดของอาชีพหลังกดไป 37 ประตูจากทุกถ้วยในฤดูกาลสุดท้ายกับอาร์เซน่อล
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลแรกกับผีแดง
ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ที่ล่าสุดเพิ่งย้ายกลับ เฟเยนูร์ด ร็อตเทอร์ดัม สานต่อฟอร์มอันร้ายกาจยิงไป 26 ประตูในลีกพร้อมกับพาทีมผีแดงคว้าแชมป์ในฤดูกาลแรกของตัวเอง และเป็นฤดูกาลส่งท้ายการวางมือของยอดกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
หลังจากป๋าวางมือ อนาคตของ ฟาน เพอร์ซี่ ก็สั่นคลอนไปตามการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือผีแดงไม่ว่าจะเป็น เดวิด มอยส์ ที่คุมทีมไม่ถึงฤดูกาล และ หลุยส์ ฟาน กัล ที่แม้รู้จักมักคุ้นกันดีก็ร่วมงานได้เพียงฤดูกาลเดียวก่อนโดนปล่อยให้ เฟเนร์บาห์เช่ ในปี 2015
ปี 2014 : บาการี่ ซาญ่า (แมนฯ ซิตี้)
ซาญ่า คือคนที่จากไปในแบบแฟนบอลเข้าอกเข้าใจมากที่สุดแม้จะเป็นการย้ายฟรีหลังหมดสัญญา และไม่ได้ทำให้อาร์เซน่อลได้เงินแม้แต่ปอนด์เดียวก็ตาม
บาการี่ ซาญ่า ย้ายจากอาร์เซน่อลไปร่วมทีมแมนฯ ซิตี้ แบบไม่มีค่าตัว
ซาญ่า ทุ่มเทให้กับทีมจนหยดสุดท้ายที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2014 ได้สำเร็จซึ่งนี่ก็เป็นความสำเร็จเดียวกับทีมหลังอยู่มานาน 7 ปี
แบ็กชาวฝรั่งเศสได้แชมป์ลีก คัพ อีกรายการกับแมนฯ ซิตี้ ในปี 2015-16 และอำลาเรือใบในซัมเมอร์ 2017 พร้อมกับ กลิชี่ ในช่วงที่ เป๊ป รื้อแนวรับของทีม
ปี 2018 : อเล็กซิส ซานเชซ (แมนฯ ยูไนเต็ด)
อเล็กซิส ซานเชซ คือรายล่าสุดที่หันหลังให้ชีวิตในเมืองหลวงเพื่อมุ่งหน้าสู่แมนเชสเตอร์ แต่ไม่ได้ลงเอยที่แมนฯ ซิตี้ ที่เคยเป็นเต็งจ๋าได้ตัวตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์
ตัวรุกทีมชาติชิลีตัดสินใจเลือก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามที่เจ้าตัวบอกว่านี่คือความฝันตั้งแต่เด็ก
แต่ที่ได้มากกว่าความฝันที่เป็นจริงคือ ค่าเหนื่อยก้อนโตที่ว่ากันว่ามากกว่า 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
ภารกิจของ อเล็กซิส คือคว้าแชมป์ให้ได้เหมือนหลายคนที่มีเส้นทางเดียวกัน
