:::     :::

เดวิด เบ็คแฮม ผ่านบทเรียนฟุตบอลโลก 98

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,645
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตลอดเส้นทางลูกหนังของ "เดวิด เบ็คแฮม"

เขาผ่านประสบการณ์ และเรื่องราวมาอย่างมากมาย โดยหนึ่งในความทรงจำที่เป็นบทเรียนให้กับเจ้าตัวมากที่สุด นั่นคือฟุตบอลโลก 1998 รอบสุดท้าย ที่ว่ากันว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ซูเปอร์สตาร์รายนี้ เติบโตกลายมาเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ผ่านแบบทดสอบชีวิตที่หนักหนาเป็นอย่างมาก 

ย้อนกลับไปเวิลด์ คัพ 1998 รอบสุดท้าย เดวิด เบ็คแฮม ตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในเกมระหว่างทีมชาติอังกฤษ กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ผ่านการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามสต๊าด เจฟฟรัว กิชาร์เมืองแซงต์ เอเตียน ประเทศฝรั่งเศส โดยผลสุดท้าย ทั้งสองทีมเสมอกันในเวลา 2-2 ก่อนที่พลพรรคฟ้าขาวจะสามารถเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยการเอาชนะในการดวลจุดโทษ


นอกจากการตกรอบที่แสนเจ็บปวดของพลพรรคสิงโตคำรามแล้ว ประเด็นใหญ่ที่กลายเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก คือการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามของเบ็คแฮม ที่มีจังหวะนอกเกมใส่กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า อย่างดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ในช่วงนาทีที่ 47 ส่งผลให้เบ็คแฮม กลายเป็นแพะรับบาปของสื่อมวลชน และแฟนบอลทีมชาติอังกฤษ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ เกิดอะไรขึ้นกับเบ็คแฮม จากการโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม โดยเฉพาะบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวของทีมชาติอังกฤษ ในวันนั้น แน่นอนว่า ไม่มีใครจะมาไขความลับได้ดีเท่ากับเบ็คแฮม ซึ่งเป็นเจ้าของประสบการณ์ตรง นอกจากบรรยากาศในห้องแต่งตัวแล้ว เบ็คแฮม ยังออกมาเล่าถึงปฏิกริยาของบรรดาเพื่อนร่วมทีม และชีวิตหลังจากที่เดินทางกลับมายังประเทศอังกฤษ อีกด้วย


เบ็คแฮม ย้อนความทรงจำในวันที่พ่ายทีมชาติอาร์เจนติน่า โดยที่เขาเป็นส่วนหนึ่ง จากการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามว่า ภายหลังจากจบเกม เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษ เดินกลับมาสู่ห้องแต่งตัว อย่างไรก็ตาม บรรยากาศมันช่างวังเวงเอามากๆ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรกับเขาเลย มันถือว่าเป็นความเงียบอย่างแท้จริง 


เบ็คแฮม บรรยายความรู้สึกต่อไปว่า ท่ามกลางผู้คนมากมายในห้องแต่งตัว แต่เขาไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเท่านี้มาก่อนในชีวิต แต่ยังโชคดีเหมือนกันที่ แกรี่ เนวิลล์ และพอล สโคลส์ สองเพื่อนร่วมทีมจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเป็นฝ่ายเดินเข้ามาปลอบใจ ด้วยข้อความให้กำลังใจประมาณ 1-2 ประโยค


จากการโดนไล่ออกในวันนั้น เบ็คแฮม บอกว่าเขาอยากตะโกนดังๆออกมาว่าขอโทษ ทั้งต่อเพื่อนร่วมทีม และผู้จัดการทีม พร้อมกับอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดที่เพิ่งเกิดขึ้นไป อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่ามันสายเกินไปแล้ว เขาทำได้เพียงแค่ขังตัวเองอยู่กับความผิด และความวิตกกังวลเพียงเท่านั้น 


เบ็คแฮม ทิ้งท้ายถึงเหตุการณ์ในห้องแต่งตัวในวันนั้นว่า โทนี่ อดัมส์ เป็นอีกคนที่เดินเข้ามาวางมือลงบนตัวเขา พร้อมกับเข้าสวมกอดอย่างหนักแน่น อดัมส์ บอกกับเขาว่า อยากให้เขาเปิดใจรับฟัง ทุกคนล้วนเคยทำในสิ่งที่ผิดพลาด อย่าจมปลักกับความผิดพลาดนั้น จงกลับมาอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับเป็นคนที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม


นอกจากเพื่อนร่วมทีมส่วนน้อยที่ให้กำลังใจแล้ว เบ็คแฮม เฉลยอีกหนึ่งเรื่องราวว่า คนแรกที่โทรหาเขา หลังจากเหตุการณ์การโดนใบแดงในเกมนั้น ก็คือเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่บอกกับเขาว่า อยากให้เบ็คแฮม กลับมาที่แมนเชสเตอร์ ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านที่แสนอบอุ่น


พร้อมกับรับประกันด้วยว่า เขาจะไม่เป็นไร คำพูดดังกล่าว ช่วยเติมเต็มพลังให้กับเบ็คแฮม ในการฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของตัวเองไปได้

กระนั้น ชีวิตหลังจากกลับมาเล่นฟุตบอลลีกอังกฤษ หลังจากจบฟุตบอลโลก 1998 รอบสุดท้าย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกการเล่นเป็นทีมเยือน เบ็คแฮม บอกว่า ถือเป็นช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายเลยทีเดียว นอกจากการโดนเหล่าแฟนบอลเจ้าถิ่นด่าทออย่างดุเดือดแล้ว ยังมีการคุกคามตัวเขา และครอบครัว ซึ่งเป็นอะไรที่รุนแรงมาก 

ผู้คนส่วนมากคอยพูดถึงเบ็คแฮม ในแง่มุมที่น่าผิดหวัง โดยลากเอาบุคคลสำคัญของเบ็คแฮม อย่างคุณแม่, คุณพ่อ, คุณยาย และคุณตา เข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเบ็คแฮม บอกว่า ครอบครัวผ่านเรื่องราวเหล่านี้ยากกว่าเขาเสียอีก


เบ็คแฮม ทิ้งท้ายว่า ตอนนั้นเขามีแต่ความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม เมื่อมองย้อนกลับไป ก็จะเห็นสิ่งที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มอบให้แก่เขา หลังจากเหตุการณ์นั้น ทุกครั้งที่เขาเดินไปเตะมุม ตลอดระยะเวลา 2 ปีเต็ม แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คอยปรบมือ, สนับสนุน และร้องเพลงเรียกชื่อเขา มันเป็นเช่นนั้นเสมอที่มุมธงของสนาม ซึ่งทำให้การเล่นในสนามของเขาเป็นเรื่องง่ายขึ้น 


นั่นคือเรื่องราวบางเสี้ยวบางตอน และเบื้องหลังการโดนใบแดงในฟุตบอลโลก 1998 รอบสุดท้ายของเบ็คแฮม ซึ่งผลสุดท้าย เขาอาศัยความมุ่งมั่น จนเปลี่ยนความผิดหวังกลายเป็นพลัง จนช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 แชมป์รายการสำคัญในปีเดียวอย่างพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเวลาต่อมา 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด