:::     :::

แชมป์กลุ่มในกำมือ

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
2,802
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โธมัส ทูเคิ่ล จบเกมที่ 50 เกมในการคุมทีม เชลซี อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะทีมใหญ่อย่าง ยูเวนตุส ขาดลอย 4-0

         ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ "สิงห์บลูส์" ขึ้นไปเป็นทีมนำของตารางของกลุ่มในขณะที่เหลือสุดท้าย เท่ากับว่าตอนนี้จะได้แชมป์กลุ่มรึเปล่าอยู่ในมือของตัวเองแล้ว

         เทรเวอห์ ชาโลบาห์, รีซ เจมส์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และ ทิโม แวร์เนอร์ ช่วยกันทำคนละประตูพาทีมเก็บชัยชนะอย่างสวยงามในค่ำคืนที่น่าจดจำนี้

         นี่คือการคว้าชัยชนะในบ้าน 5 เกมติดต่อกันแบบไม่เสียประตูในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ทีมไม่เสียประตูในการเจอกับทีมจากอิตาลีหลังจากที่ก่อนหน้านี้เสียประตูมาตลอด 10 เกมติด ตั้งแต่เกมเจอ "ม้าลาย" นี่แหละเมื่อปี 2009 โดยชนะ 1-0

         ถือเป็นการเพิ่มความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก่อนทำศกกัย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้ด้วย


การจัดทีม

         เกมนี้ทางนายใหญ่ชาวเยอรมันเปลี่นทีม 2 จุดจากการที่เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทั้งตำแหน่งนั้นเป็นผู้เล่นในแนวรุก

         ฮาคิม ซิเย็ค และ คริสเตียน พูลิซิช ที่ได้ลงสนามแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เมสัน เมาท์ โดยประสานงานกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

          ตำแหน่งอื่นๆยังคงเดิม เอดูอาร์ เมนดี้ เฝ้าเสา กองหลัง เทรเวอห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เป็นกองหลัง แดนกลาง รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ และ เบน ชิลเวลล์ ทำหน้าที่


เดินหน้ากดดัน

         เช่นเดียวกับในนัดล่าสุดกับ เลสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงเกมแรกที่ทั้งคู่เจอกันเมื่อปลายเดือนกันยายน เชลซี เริ่มต้นเกมด้วยพลังอันเปี่ยมล้นและความมุางมั่น สามประสานในแนวรุกบวกกันการสอดแทรกขึ้นมาของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เดินหน้าลุยอยู่ในแดนของคู่แข่งในทันที

         ไม่ถึงสองนาทีดี เชลซี เกือบได้ประตูขึ้นนำ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลุยทะลุเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนตวัดเข้ากลาง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ตวัดยิงแต่มียั้งเพราะ เวสตัน แม็คเคนนี่ แหย่ขาเข้ามาบอลเข้าทาง เบน ชิลเวลล์ ยิงจ่อๆ 8 หลาแต่บอลแป้กชวดโอกาสไป

         จากนั้นลูกเตะมุมทางขวาของ เบน ชิลเวลล์ เป็น เทรเวอห์ ชาโลบาห์ ได้โหม่งเช็ดบอลหลุดเสาสองออกไป


ปลดล็อคประตูแรก

         เป็นอีกครั้งที่ลูกตั้งเตะของ เชลซี เล่นงานคู่แข่งจากลูกเตะมุมทางขวาที่ ฮาคิม ซิเย็ค เปิดเข้ากลาง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งตั้งมาที่ เทรเวอรห์ ชาโลบาห์ ยืนคนเดียวหวดด้วยขวา สอยเชี๊ยส เชสนี่ พยายามปัดแต่บอลแรงพุ่งเสียบตาข่ายเป็น 1-0 

         จังหวะนี้มีการเช็กวีเออาร์จากการทำแฮนด์บอลของ รือดิเกอร์ แต่สุดท้ายถูกมองว่าไม่เจตนาใช้มือและลูกนี้ก็เป็นประตู ซึ่งเป็นการลงเล่นตัวจริงในแชมเปี้ยนส์ ลีกครั้งแรกของ ชาโลบาห์ และก็ทำประตูได้ในทันทีเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเกมแรกก็ทำประตูได้ทันทีเช่นกัน


ซิลวา ช่วยชีวิต!

         ยูเวนตุส ตอบโต้กลับมาอย่างรวดเร็วและก็น่าจะได้ประตูตีเสมอเพียง 3 นาทีให้หลัง มานูเอล โลคาเตลลี่ ยกบอลให้ อัลบาโร่ โมราต้า สอดมายิงบอลข้าม เอดูอาร์ เมนดี้ ที่พยายามออกมาปิดมุมกำลังเข้าประตูแต่ ติอาโก้ ซิลวา ก็โชว์การอ่านเกมดว้ยการวิ่งออกมาสกัดได้ก่อนบอลจะข้ามเส้นไป

         หลังจากนั้นทาง เชลซี ก็เกือบหนีออกไปเช่นกันจังหวะ รีซ เจมส์ ได้บอลในเขตโทษด้านขวาแล้วอัดเต็มข้อบอลพุ่งตกพื้น วอยเชี๊ยค เชสนี่ ต้องออกแรงล้มตัวปัดเอาไว้ได้หวุดหวิด

         ทีมจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวคนแรกเมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง รูเบน ลอฟตัส-ชีค ลงเล่นแทน โดยครึ่งแรกทีมนำอยู่หนึ่งประตู


ประตูปิดเกม

         เชลซี ต้องการประตูที่สองเพื่อที่จะหายใจได้คล่องมากขึ้น และทีมก็เปิดเกมบุกทันทีทั้งโอกาสของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่ได้หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายแต่ไปมากจังหวะเกินไปจนสุดท้ายโดนสกัด รวมถึงลูกโหม่งของ ติอาโก้ ซิลงา ที่บอลไปเข้ามือ วอยเชี๊ยค เชสนี่

         กระทั่งนาทีที่ 55 ทีมก็มาพังประตูเพิ่มจนได้ เบน ชิลเวลล์ เปิดบอลจากทางซ้าย มัทไธส์ เดอ ลิกต์ โหม่งสกัดบอลเลยมาเสาสอง รีซ เจมส์ พักอกก่อนซัดเต็มข้อคราวนี้ วอยเชี๊ยค เชสนี่ ไม่ทันบอลเข้าประตูไปเป็น 2-0

         และแค่อีก 3 นาทีสกอร์ไหลเป็น 3-0 เลย ฮาคิม ซิเย็ค เบิ้ลบอลจังหวะเดียวให้ รูเบน ลอฟตัส-ชีค เลี้ยงแหวกทีมเยือนในเขตโทษก่อนไหลให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่อยู๋คนเดียวแปง่ายๆเข้าไป


เพิ่มความมั่นใจให้ แวร์เนอร์ 

         หลังครองเกมเอาไว้เกือบทั้งหมด โธมัส ทูเคิ่ล ก็ทยอยเปลี่ยนตัวจนครบโควต้า ไล่ตั้งแต่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แทน เบน ชิลเวลล์ (ที่เจ็บอีกคน), ทิโม แวร์เนอร์ แทน คริสเตียน พูลิซิช, ซาอูล ญีเกซ แทน จอร์จินโญ่ และ เมสัน เมาท์ แทน คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

         งานเดียวของ เอดูอาร์ เมนดี้ เกิดขึ้นในนาทีที่ 83 ของเกม เวสตัน แม็คเคนนี่ ได้ยิงแต่มือกาวทีมชาติเซเนกัลไม่พลาด

         กระทั่งช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย ฮาคิม ซิเย็ค เปิดบอลจากทางซ้ายมาหน้าประตู ทิโม แวร์เนอร์ ตั้งขาแปบอลเข้าประตูเป็นการปิดท้ายให้ทีมเอาชนะไปสบาย 4-0


เกมถัดไป

         เชลซี จะยังลงเล่นในสแตมฟอร์ด บริดจ์ต่อโดยจะเปิดบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลง โดยจะลงสนามในวันอาทิตย์เวลา 23.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด