:::     :::

"วรชิต"กับการก้าวข้ามดาวรุ่งตลอดกาลในชุด"ช้างศึก"

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,909
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากจะมีนักเตะไทยที่มักได้รับคำชม พร้อมทั้งแรงกระแทกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของแฟนบอลตามโลกโซเชียลอยู่เสมอ คงต้องมีชื่อ "ยิม" วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ติดอยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน

นับตั้งแต่ประเดิมสนามนัดแรกให้กับ ชลบุรี เอฟซี ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2014 หลังถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นตัวสำรองในเกมเอาชนะ สมุทรสงคราม 4-0 ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี 11 เดือน กับอีก  9 วัน 

ทำให้ “เจ้ายิม” กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในลีกนัมเบอร์วันของเมืองไทย

ก่อนจะโดน เอกนิษฐ์ ปัญญา กองกลาง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หัวหอก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำลายสถิติลงในเวลาต่อมาตามลำดับ


ด้วยความมหัศจรรย์ ฝีเท้าอันเอกอุ ความฉลาดเป็นกรดทำให้เพลย์เมกเกอร์หน้าตี๋ ถูกคาดหวังจากคอลูกหนังไทยและหมู่สาวกฉลามเลือดข้น ว่าจะเป็นผู้นำความสำเร็จมาสู่ทีมได้

แต่เมื่อทำไม่ได้อย่างที่หวัง เขาจึงได้รับพายุน้ำลาย และคำสบประมาทแรงๆ จากนักเลงคีย์บอร์ดอยู่เป็นประจำ

แต่ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคพยายามออกมากางปีกปกป้องด้วยความเชื่อมั่นในการเป็นอัจฉริยะลูกหนังของศิษย์คนโปรด จน “เจ้ายิม” ถูกถากถางว่าเป็นลูกรักอยู่เสมอ 

ทั้งที่การทำแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติของกุนซือระดับโลกหลายๆ คน ที่ต้องประคบประหงมแข้งดาวรุ่งในทีมไม่ให้ธาตุไฟแตกกระเจิง ปรัชญาในการสร้างวันเดอร์คิดของ "โค้ชเฮง" คือ 1.ค้นพบ 2.ให้ลงเล่นตามศักยภาพ 3.ปกป้องประคับประคอง และ 4.ใช้งานอย่างสม่ำเสมอเมื่อพร้อม 


ที่สำคัญตอนนั้นหลายคนคงจนลืมไปว่า “เจ้ายิม” เป็นยังเป็นแข้งวัยทีนอยู่เลย จะให้แบกทีมพุ่งชนความสำเร็จคงเป็นไปได้ยาก

ประกอบกับสโมสรไม่ได้มีนโยบายทุ่มซื้อนักเตะมาใช้งาน เพราะต้องการสร้างทีมให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน ไม่ได้ต้องการความยิ่งใหญ่แค่เพียงชั่วครู่ชั่วคราว ทำให้ไม่มีการคว้านักเตะต่างชาติระดับเกรดเอ มายกระดับทีมให้สูงขึ้น

ซึ่งฟอร์มเทพที่สุดของ “เจ้ายิม” คงต้องย้อนไปเมื่อปี 2018 เมื่อยิงไป 12 ประตูในลีก ในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ

ทว่าในฤดูกาลนี้บอร์ดบริหารนอกจากสวมบท “ป๋าดัน” ใช้เด็กในอคาเดมี่ของตัวเองลงสนามเพื่อวางรากฐานสู่อนาคต 

พวกเขายังจัดหนักด้วยการอัดเม็ดเงินซื้อแข้งระดับเกรดเอเข้ามาร่วมทีม เพราะมองว่าถึงเวลาแล้วที่สูตรผสมระหว่างแข้งต่างชาติที่มีคุณภาพกับนักเตะจากอคาเดมี่ที่เติบโตพอที่จะท้าทายบัลลังก์แชมป์

ไม่ว่าจะเป็น “เรนาโต้ เคลิช” กองหลังที่ยืมตัวมาจาก “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” 


พร้อมอาวุธครบมือทั้ง กีดี้ คานยุค, เดนนิส มูริลโล่ และ ยู บยอง ซู เข้ามาประจัญบานในแนวรุก

ส่งผลให้ภาระอันหนักอึ้งกับการเป็นคีย์แมนในแนวรุกไม่ต้องตกอยู่บนสองบ่าของ “เจ้ายิม” พร้อมถูกกระจายไปให้ไว้กับรุ่นพี่คนอื่นๆ ด้วย

ยิ่งการถูก “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ถอยลงมาเล่นเป็นกองกลางร่วมกับเพื่อนสนิทอย่าง “และห์” กฤษดา กาแมน ที่สวมบทลูกหาบให้ ทำให้ทุกอย่างในสนามลงตัวมากขึ้น

ไม่แปลกที่ฤดูกาลนี้เขาจะโชว์ฟอร์มเทพ แถมยิงไปถึง 7 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ หลังผ่านไปแค่ 14 เกมในลีก ก้าวขึ้นไปรั้งดาวซัลโวไทยร่วมกับ  “ศุภชัย ใจเด็ด” จากค่าย “ปราสาทสายฟ้า”


เรียกว่า 26 ประตูที่ ชลบุรี เอฟซี ทำได้ในศึกรีโว่ ไทยลีก ฤดูกาลนี้ “เจ้ายิม” มีส่วนร่วมถึง 12 ประตู เลยทีเดียว 

นอกจากนี้ยังพา “ฉลามชล” กลายมาเป็นม้ามืดลุ้นแชมป์รีโว่ ไทยลีก แบบเงียบๆ ชนิดประมาทไม่ได้

แถมล่าสุด “เจ้ายิม” ถูก “มาโน่ โพลกิ้ง” กวักมือเรียกไปเป็น 1 ใน 30 ขุนพลของทัพ “ช้างศึก” ชุดลุยศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่จะเริ่มฟาดแข้งในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ บนดินแดนลอดช่อง สิงคโปร์ เรียบร้อยแล้ว 

ตลอด 8 ฤดูกาลที่ลงเล่นให้ “ฉลามชล” “เจ้ายิม” เจอบททดสอบทั้งร่างกายและจิตใจ มาทุกรูปแบบ ซึ่งทุกครั้งเขาก็ผ่านมันมาได้


แต่ครั้งนี้หากเขาสามารถชนะใจ “มาโน่” ก้าวไปเป็น 1 ใน 23 ขุนพลชุดสุดท้ายในการทวงแชมป์อาเซียนและทำผลงานเทพ อาจทำให้แฟนบอลลบคำว่า “ดาวรุ่งตลอดกาล” ออกไปจากใจได้เสียที 

จงสู้และพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองมีดีและพร้อมสำหรับการก้าวมาเป็นกำลังหลักของทัพ “ช้างศึก” ต่อไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด