6. พบ เวสต์บรอมวิช (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, 2015-16)
ประตูนี้โดนแฟนบอลทีมอื่นล้อเลียน อย่างไรก็ตามมันมีความสำคัญมากในขวบปีต่อๆมา
โอริกี้ ยิงบอลแฉลบเข้าประตูเป็นลูกตีเสมอ เวสต์บรอมวิช แบ่งแต้มต่อหน้าแฟนบอลเกมเหย้าเมื่อปี 2015 -แม้ไม่ได้สลักสำคัญต่อผลการแข่งขัน แต่มันคือจุดรวมใจของผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ กับเหล่าแฟนบอล ‘เดอะ ค็อป’
ก่อนนั้นกุนซือดอยช์บอกว่าตัวเองอ้างว้างเมื่อแฟนบอลผละออกจากสนามในเกมพ่าย คริสตัล พาเลซ แต่พอแมตช์พบ ‘เดอะ แบ็กกี้ส์’ กองเชียร์ไม่รีบเปิดตูดกลับบ้าน จนได้เห็นประตูจากมหาเทพนาทีท้ายๆ แล้วมันช่วยต่อยอดกระบวนการสร้างแอนฟิลด์สู่ป้อมปราการ
ภาพการจูงมือของเหล่านักเตะ, ผจก.ทีม และสตาฟฟ์ไปขอบคุณแฟนบอลที่ไม่ทิ้งกัน ก่อให้เกิดความเชื่อที่ว่าจากนี้รังเหย้าของเราจะเปี่ยมมนต์ขลัง
ซึ่งจากนั้นมาก็ไม่มีคู่อริหน้าไหนขำออก หากต้องมาเยือน ลิเวอร์พูล
5. พบ นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, 2018-19)
หาก ลิเวอร์พูล ไม่พลาดแชมป์ลีกฤดูกาล 2018-19 เชื่อว่าประตูนี้ต้องอยู่ในลำดับต้นๆของการจัดอันดับประตูของท่าานเทพ
ย้อนไปเมื่อ 3 ซีซั่นก่อนว่ากันว่ามันคือปีที่การต่อสู้แย่งแชมป์คู่คี่สูสีสุดในประวัติศาสตร์ลีกรหะว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ เพราะบี้กันยันนัดส่งท้าย
ทุกเกม ทุกแต้ม สำคัญมาก แล้วในเกมออกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล สกอร์บอร์ดแน่นิ่งที่ผลเจ๊า เวลาที่ทดก็ใกล้หมดเต็มแก่ กระทั่ง เซอร์ดาน ชากิรี่ เปิดฟรีคิกให้ โอริกี้ โดดโหม่งได้สูงกว่าใครเช็คลูกเข้าประตูจนเหล่าแฟนบอลที่ตามไปเชียร์ยัง เซนต์. เจมส์ พาร์ค แทบคลั่ง
น่าเสียดายว่าไม่กี่วันจากนั้น แว็งซ็องต์ ก็องปานี ยิงไกลเป็นปีศาจใส่ เลสเตอร์ จนคว้าชัย ทำให้ผลงานของมหาเทพต้องหมองไปโดยปริยาย
พบ ท็อตแน่ม (นัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก, 2019)
อันที่จริงประตูสำคัญๆของ โอริกี้ มีเพียบแต่ที่เลือกลูกปิดกล่องใส่ สเปอร์ส นัดชิงฯที่กรุงมาดริดนั้นมีเหตุผล
แม้ ‘หงส์แดง’ กุมความได้เปรียบตั้งแต่ต้นเกม แต่หากไร้ลูกตอกฝาโลงจากหอกเบลเจี้ยน ช่วงท้ายอาจโดนกดดันมากกว่าภาพรวมที่เกิด ณ ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน่
อีกอย่างคือเทคนิคการจบสกอร์ของ โอริกี้ ที่แม้บอลเข้าท้ายซ้ายข้างไม่ถนัดแต่ยังสามารถกดยัดมุมแคบตุงตาข่าย
เชื่อว่ามันคงเป็นอีกประตูที่ตราตรึงใจเพชฌฆาตวัย 26 ปีตลอดไป ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นจากนี้จนถึงวันที่’เทพกี้’ หมดสัญญาก้าวเท้าออกจากแอนฟิลด์
3. พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน ( พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, 2021-22)
สดๆร้อนๆ เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา แม้ดูตอนนี้อาจเห็นว่าไม่มีผลใด แต่มันอาจมีคำเฉลยเอาเมื่อพ.ค. 2022 ว่าคือสุดยอดประตูชัยปูทางสู่ตำแหน่งแชมป์
โอริกี้ ขยันยิงประตูชัยให้ทีมมาตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 เพียงแต่ว่าปีนั้นภารกิจไม่ลุล่วง
ดังนั้นการรับบอลตบจากขวามาให้จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แล้วแต่งพลิกยิงลอดขาตัวบล็อคจึงเป็นการนับหนึ่งของประตูชัยเกมลีกซีซั่นนี้ ที่เชื่อว่าจะมีลูกต่อๆไปจาก ดิว็อค อีก
ภาพการห้อมล้อมแสดงความดีใจจากทีมเมตบนสนามแข่ง, กลุ่มซุ้มม้านั่งสำรอง และทางโซเชี่ยล มีเดีย แสดงให้เห็นว่าหมอนี่เป็นที่รักแค่ไหน
เพราะแม้แต่ผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังพูดกับเจ้าตัวก่อนเปลี่ยนเป็นซูเปอร์ซับว่า “เล่นให้เป็น ดิว็อค” แล้วมันเหมือนการกดปุ่มเปิดโหมดมหาเทพของหอกวัย 26 ปี
2. พบ เอฟเวอร์ตัน ( พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, 2018-19)
เซนส์ความเป็นกองหน้าจมูกไว อยู่ถูกที่ถูกเวลาคืออีกคุณสมบัติของ โอริกี้ แม้มันผสานด้วยความผิดพลาดของคู่แข่งด้วยก็ตาม
จุดเริ่มต้นจากการที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ วอลเล่ย์เปิดเกมสาดโด่งขึ้นหน้าจนเหมือนจะล้นไปแล้ว แต่นายด่าน จอร์แดน พิคฟอร์ด สงเคราะห์แก่ ‘หงส์แดง’ ด้วยการปัดลูกไปกระดอนคานให้บอลยังอยู่ในสนาม
โอริกี้ ก็ปราดเข้าหาเหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือดโหม่งในกรอบ 6 หลาให้ต้นสังกัดเอาชนะสุดดราม่าช่วงทดเจ็บ
เราเห็น เจอร์เก้น คล็อปป์ เสียอาการวิ่งไปดีใจกับ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ถึงบนสนาม - ผิดกับ โอริกี้ ยังไม่ได้ฉลองอะไรเพียงก้มเก็บบอลเอาไปตั้งที่กลางสนามเพราะคิดว่าคือลูกตีเสมอ
จนเมื่อทีมเมตไปเขย่าตัวนั่นแหละเขาถึงได้สติว่า - เออ...ประตูชัย 1-0 นี่หว่า -
1. พบ บาร์เซโลน่า ( แชมเปี้ยนส์ ลีก, 2018-19)
ยืนหนึ่งแน่นอนกับประตูนี้
ก่อนแข่งรอบรองฯ ชปล.นัดสอง ลิเวอร์พูล ความหวังน้อยนิดกับการผ่านเข้าชิงฯ เมื่อตามหลัง บาร์เซโลน่า 0-3 จากเลกแรก
ไหนจะปัญหาอาการเจ็บของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จนหลายคนเชื่อว่ามันคือภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ในการกรุยทางไปลุ้นเจ้ายุโรปสมัย 6
แต่เมื่อคุณแขวนมหาเทพ โอริกี้ ห้อยคอ ปาฏิหารย์ย่อมเกิดได้
นัดนั้นถือเป็นหนึ่งในเกมที่ดีสุดของค่ำคืนแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ แอนฟิลด์ รวมถึงสำหรับ ดิว็อค ด้วย
หอกเบลเจี้ยนทั้งซัดเบิกร่องจุดประกายความหวัง แล้วยังมีลูก 4-0 ที่ส่งทีมแซงเข้ารอบจากผลรวมสองนัด
เมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เจ้าเล่ห์ เตะมุมเร็วในจังหวะที่ ‘บาร์ซ่า’ ยังจัดระเบียบเกมป้องกันไม่เรียบร้อย ผิดกับ ดิว็อค ที่เตรียมพร้อมเสมอวิ่งไปหวดบอลเน้นๆตุงตาข่าย
ประตูนั้นคือบันไดส่ง ลิเวอร์พูล สู่นัดชิงฯที่กรุงมาดริด แล้วมันคงเป็นลูกที่ถูกพูดถึงไปตลอดกาลในประวัติศาสตร์สโมสร
