:::     :::

การแจ้งเกิดเต็มตัวของ "กฤษดา กาแมน" ในชุด "ช้างศึก"

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,090
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โลกของฟุตบอลไทยกลับเข้าสู่โหมดสีชมพูอีกครั้ง หลังทำผลงานได้ตามเป้าหมายแรกสำเร็จด้วยการเผด็จศึก ติมอร์ เลสเต้ ไป 2-0 ต่อด้วยทิ้งบอมบ์ เมียนมาร์ กระจุย 4-0 และเฉือนเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ไปหวุดหวิด 2-1 พร้อมกับเก็บ 9 แต้มจากการลงสนาม 3 นัด พร้อมตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 เรียบร้อยแล้ว

โดยนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ไทย ต้องไปวัดกับ สิงคโปร์ เจ้าภาพว่าใครจะคว้าแชมป์กลุ่มไปครอง 

ซึ่งเบื้องหลังฟอร์มสวยหรูของทีม “ช้างศึก” มีแข้งหลายคนทำผลงานเทพ ไล่ตั้งแต่ฟอร์มการยิงประตูอันร้อนแรงของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเก๋าที่ยิง 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้

พร้อมทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ “นอห์ อลัม ชาห์” ไปเป็นผู้นำแบบเดี่ยวๆ ด้วยจำนวน 19 ประตู 

หาก “มุ้ย” ยังเล่นได้อย่างมั่นใจแบบนี้ เชื่อว่ายอดการลั่นตาข่ายไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน

รวมไปถึงคลาสลูกหนังระดับเจลีกของ ธีราทร บุญมาทัน และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่เล่นได้อย่างเนียนกริบและทรงอิทธิพลกับเกมรุกของทีมชาติไทยทุกมิติ 

หรือจะเป็นเซนส์ลูกหนังอันสูงส่งของ “กัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางดาวโรจน์ของ “เลสเตอร์ ซิตี้” ที่เล่นร่วมกับรุ่นพี่ได้อย่างกลมกลืน 


อีกหนึ่งคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ “และห์” กฤษดา กาแมน แนวรับวัย 22 ปี ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับบทบาท “เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ”

ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น “มาโน่ โพลกิ้ง” เจอปัญหาใหญ่เมื่อ “พรรษา เหมวิบูลย์” กองหลังจาก “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ถอนตัวออกไป เนื่องจากสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์

ทำให้ตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเหลือเพียง มานูเอล ทอม เบียห์ร, เอเลียส ดอเลาะ, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ และ โจนาธาน เข็มดี เท่านั้น 

ส่วน “กฤษดา” ถูกมองว่าน่าจะเป็นตัวเลือกในแผงห้องเครื่องมากกว่า 


แถมตำแหน่งของดาวเตะหนวดงามไปทับซ้อนกับบรรดาขาใหญ่ในทีม “ช้างศึก” ไม่ว่าจะเป็น “สารัช อยู่เย็น” หรือ “พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล” ทำให้การร่วมสังคายนาศึกชิงเจ้าอาเซียนครั้งแรกของ “กฤษดา” ถูกมองว่าเป็นการเข้ามาซึมซับบรรยากาศเพื่อต่อยอดสู่การก้าวไปเป็นคีย์แมนในอนาคตมากกว่า

ทว่าพอออกสตาร์ทนัดแรก “มาโน่ โพลกิ้ง” สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการส่ง “กฤษดา” ลงสนามเป็นตัวจริงในฐานะ “เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ” คู่กับ “มานูเอล ทอม เบียห์ร” ทันที 

ทั้งที่มีตัวเลือกอย่าง เอเลียส ดอเลาะ, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ และ โจนาธาน เข็มดี ที่เป็นกองหลังอาชีพยืนจังก้าพร้อมเป็นตัวเลือกอยู่แล้ว 

แม้จะเป็นกองหลังที่ไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่เขาถูกทดแทนด้วยการจ่ายบอลที่ชาญฉลาดและแม่นยำตามแบบฉบับของ “กองหลัง” สมัยใหม่ ที่เป็นสารตั้งต้นในการเซ็ตเกมรุก


เมื่อยามที่ต้องใช้ความดุดันและความแข็งแกร่งสู้กับแนวรุกคู่ต่อสู้ DNA กองหลังที่อัดแน่นอยู่ในตัวสั่งให้เขาต่อกรกับกับกองหน้าคู่แข่งได้แบบถึงพริกถึงขิง 

รวมไปถึงคอยตามซ้อนคู่พาร์ทเนอร์อย่าง “มานูเอล ทอม เบียห์ร” ที่มีอาการหลุดให้เห็น

หรือ “ฉัตรชัย บุตรพรม” ผู้รักษาประตูที่ออกลูกประมาทจนทีมหวิดเสียประตูไปรอบหนึ่งแล้ว

ถ้าจังหวะพลาดของ “ฉัตรชัย” ในเกมกับ “เมียนมาร์” ไม่ได้ “กฤษดา”  ตามมาเก็บกวาดในจังหวะสุดท้าย รับรองเกิดดราม่ากับมือกาวจาก “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” อย่างแน่นอน 


จากแข้งที่ถูกมองว่าเป็นเพียงแค่อะไหล่ สามารถก้าวมาเป็น “เดอะ แบก” ในแนวรับของทีม “ช้างศึก” อย่างเต็มตัว 

ด้วยความสามารถและเลือดนักสู้ของ “กฤษดา” ยังได้รับความเชื่อมั่นจากรุ่นพี่ในทีมและแฟนบอลมากขึ้นด้วย 

หากรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะยึดตำแหน่ง “กองหลัง” ตัวจริงของทีม “ช้างศึก” ไปยาวๆ มีสูงทีเดียว เนื่องจาก“กฤษดา” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขามีดีแค่ไหน และยังเก่งได้กว่านี้อีกแน่นอน 

แบบนี้แอบเสียวแทน “ชลบุรี เอฟซี” จริงๆ ว่าจะรักษาแข้งรายนี้ไว้ในถิ่นชลบุรี สเตเดียม นานแค่ไหน

เพราะเด็ก “ฉลามชล” ตอนนี้ เนื้อหอม จริงๆ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด