แม้ว่าพรีเมียร์ลีก จะกำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนในปัจจุบัน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป นั่นก็คือ แมนฯ ซิตี้ ยังเดินหน้าเก็บชัยได้อย่างต่อเนื่อง

ด้วยการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่สร้างความกระทบต่อหลายสโมสร และทำให้หลายเกมต้องถูกเลื่อนออกไป ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับสามารถหลบหลีกปัญหาเหล่านั้นได้แบบไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้พวกเขาวิ่งหน้าตั้งเข้าวินในการลุ้นแชมป์เหนือคู่แข่งรอบตัว

ชัยชนะเหนือ นิวคาสเซิ่ล 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นชัยชนะนัดที่ 8 ในลีกติดต่อกัน และเพียงแค่ 5 นาที ของเกมนั้น เรือใบ ก็ได้รับของขวัญกับลูกโหม่งของ รูเบน ดิอาส จากระยะเพียง 6 หลา

นี่ไม่ใช่ ซิตี้ ที่ดีที่สุดหรือใกล้เคียงกับคำนั้นด้วยซ้ำ พวกเขามีจังหวะการเล่นที่ผิดพลาดอยู่บ้าง จ่ายบอลเสียอยู่บ้าง และก็เกือบที่จะเสียจุดโทษด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ได้รับชัยชนะอยู่ดี

เรือใบ เหมือนได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีจนพวกเขารู้ว่าต้องทำอะไรเวลาอยู่ตรงไหนของสนาม และบางทีอาจไม่มีผู้เล่นคนไหนที่เป็นแบบอย่างของความฉลาดมากไปกว่า ชูเอา กานเซโล่ อีกแล้ว

ฟูลแบ็กชาวโปรตุเกสใช้เวลาส่วนใหญ่ของซีซั่นลงเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่กับเกมที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค เขาต้องสลับฝั่งมาเล่นด้านขวา เนื่องจากการขาดหายไปของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ซึ่ง กานเซโล่ ก็ยังโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม

เขาเหมือนเป็นกองหลังแค่ในนามเท่านั้น แต่ กานเซโล่ เล่นได้อย่างสบายใจในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเกมรุกในฐานะปีก หรือเกมรับในฐานะแบ็กซ้าย

ช่วงเวลาที่โดดเด่นของเขามาจากการหุบเข้ามาเล่นตรงกลาง แหวกการสกัดอันอ่อนปวกเปียกของแนวรับ สาลิกาดง ก่อนจะตะบันเต็มตีนเตี่ยจากระยะ 25 หลาตุงตาข่าย

มันถือเป็นประตูที่ 3 ของเขาในฤดูกาลนี้จากทุกรายการ โดยเกิดขึ้นในเกมเดียวกับแอสซิสต์ที่ 7 ของเขาที่รับบอลจาก เควิน เดอ บรอยน์ ไปกระดกจากสุดเส้นหลังฝั่งขวาให้ ดิอาส โหม่งง่ายๆ เข้าไปตุงตาข่าย

ตำแหน่งฟูลแบ็กได้กลายเป็นส่วนสำคัญของทีมที่จะประสบความสำเร็จในฟุตบอลสมัยใหม่ไปแล้ว ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นในทีมของ กวาร์ดิโอล่า มาตั้งแต่ที่เขาทำงานกับ บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และก็ปัจจุบันกับ ซิตี้

อย่างไรก็ตาม กานเซโล่ ถือเป็นกองหลังคนแรกที่มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงทะลุหลัก 10 ลูกในฤดูกาลเดียวภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป นับตั้งแต่ที่ ดาวิด อลาบา ทำไว้ในสมัยอยู่กับ เสือใต้ ในซีซั่น 2013-14

ด้วยฟอร์มดังกล่าวทำให้เขารั้งตำแหน่งฟูลแบ็กตัวรุกที่อันตรายที่สุดในโลกเคียงข้างกับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ของ ลิเวอร์พูล และ รีซ เจมส์ จาก เชลซี

ตามสถิติในปี 2021-22 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังนำหน้าเขาด้วยจำนวน 2 ประตู และ 10 แอสซิสต์ ขณะที่ เจมส์ ทำไป 5 ประตู และ 6 แอสซิสต์ ทว่า กานเซโล่ นั้นมีความสามารถบางอย่างที่แยกเขาออกมาจากคู่แข่งทั้งสอง

อย่างลูกปิดกล่องในเกมกับ สาลิกาดง กานเซโล่ ดึงแนวรับหลายคนให้ตามเขาไป ก่อนที่ กาเบรียล เชซุส จะจ่ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แท็บอินง่ายๆ

สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ถูกบันทึกในแง่ของสถิติ แต่แน่นอนว่าเขาได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนร่วมทีม และผู้จัดการทีมของเขา

ลูกครอสของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถือว่าอันตรายมากที่สุดในลีก ขณะที่ เจมส์ ก็มีพลังงานในเกมของเขา แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่าทั้งสองจะยังทำได้ดีเหมือนเดิมไหมถ้าต้องถูกร้องขอให้ไปเล่นเป็นปีก เนื่องจาก กานเซโล่ ต่างทำหน้าที่ทั้งสองได้อย่างยอดเยี่ยมมาตลอดในฤดูกาลนี้ และซีซั่นที่แล้ว

อดีตดาวเตะ ยูเวนตุส สามารถผ่านบอลได้เสียที่อันตรายไม่แพ้กัน ขณะที่เขาสามารถขยับมาเล่นตรงกลางสนาม รวมถึงยืนสูงในพื้นที่ด้านกว้างช่วงที่ ซิตี้ ต้องการเล่นเกมรุก

แม้ด้วยสถิติตัวเลขของ กานเซโล่ อาจจะยังเป็นรองคนอื่นอยู่ แต่หากมองไปยังรายละเอียดในเกมการเล่นแล้ว คงไม่มีใครเถียงได้เลยว่าเขาคือหนึ่งในฟูลแบ็กที่เจ๋งที่สุดในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว