แมน : สวัสดีครับตอง เป็นไปบ้างไปอยู่เบลเยียมช่วงนี้อากาศหนาวมั้ย

ตอง : หนาวมากครับพี่ น่าจะประมาณ 2 องศาครับ

แมน : นี่คือหนาวที่สุดในชีวิตที่เคยเจอในการเล่นฟุตบอลแล้วหรือเปล่า ตอนไปเล่นทีมชาติก็มีไปตะวันออกกลางบ้าง ไปญี่ปุ่นบ้าง เคยเจอโหดขนาดนี้มั้ย

ตอง : ยังไม่เคยเจอขนาดนี้นะพี่ อันนี้คือเรามาใช้ชีวิตอยู่เลยด้วย ไม่ใช่ไปแค่ไม่กี่วันเหมือนตอนเล่นทีมชาติหรือกับเมืองทอง นี่ก็หนาวสุดเท่าที่เคยเจอแล้วครับ

แมน : นี่ถ้าเป็นช่วงปลายปีคงยิ่งโหดกว่านี้เลยมั้ง น่าจะติดลบเลยหรือเปล่า  

ตอง : ก็น่าจะติดลบหรือมีหิมะเลยครับ แต่เรามาอยู่ตรงนี้แล้วยังไงก็ต้องพยายามปรับตัวให้ได้แหละ

แมน : แล้วการปรับตัวเป็นไงบ้าง วัฒนธรรม, ความเป็นอยู่, ภาษา, อาหารการกิน 

ตอง : ไม่มีปัญหาเลยครับ สบายมาก คือผมก็พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับนึง ที่นี่เขาพูดกันได้หลายภาษาทั้งเยอรมัน, ดัตช์, ฝรั่งเศส, อังกฤษก็พูดกันได้ ผมเป็นคนชอบกินอาหารฝรั่งอยู่แล้ว พวกสปาเก็ตตี้, สเต็ก อะไรพวกนี้ แล้วที่นี่ก็มีร้านอาหารไทยอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าของร้านเขาก็คอยดูแลผมดีมากๆ เลย 

โพสต์ภาพกับ นายสมบัติ ทองบุญรอด ซีอีโอไทยเฮาส์เรสทัวรองต์

แมน : กับเพื่อนร่วมทีมล่ะ เริ่มจะมีใครที่สนิทๆ บ้างหรือยัง แบบพอซ้อมเสร็จแล้วชวนกันไปไหนต่อ

ตอง : มีหลายคนนะครับ อย่างโคป้า (บูบาคาร์ แบร์รี่) คนนี้่นิสัยดีมากๆ เขามักจะชวนผมไปทานกาแฟหลังซ้อมเช้าตลอด แล้วนักเตะที่นี่เขาชอบไปรวมตัวกันที่ร้านกาแฟอยู่แล้ว ก็เลยมีโอกาสสนิทกับคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ 

แมน : ที่ตองว่าหลายๆ คนเป็นมิตรกับเรา นี่เราเข้าหาเขาก่อน หรือเขาเป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับเรา เพราะพี่เคยคุยกับพี่ธร (ธร สอระภูมิ โค้ชทีมรร.อัสสัมชัญ ธนบุรี) เขาบอกตองเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ไม่ค่อยเข้าหาใครก่อนเท่าไหร่

ตอง : ผมเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนครับ คือเราจะทำเหมือนตอนอยู่ไทยไม่ได้ เพราะตอนอยู่ไทยทุกคนเขารู้จักเราอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมดเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง เราไม่ต้องพยายามสนิทกับใครเราก็แค่อยู่ของเรา แต่มาที่นี่ไม่มีใครรู้จักเรา ผมก็ต้องเข้าไปทำความรู้จักก่อน ซึ่งหลายๆ คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี บางคนที่ยังไม่ค่อยเป็นมิตรอะไรมากมายหรือไม่ยิ้มกลับให้เรา ผมก็ไม่ซีเรียสนะ ค่อยๆ ปรับเข้าหากันไป เพราะทุกคนก็เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว

แมน : ก๊วนที่ไปจิบกาแฟกันที่สนิทๆ เนี่ยมีใครบ้างครับ

ตอง : หลายคนเลยครับ นอกจากโคป้าแล้วก็มี เคนเน็ธ (ชิมานก้า), ยานนิค (อเกมง) คนนี้เป็นดาวซัลโวของทีม, เอลเลียต (มัวร์), ฟลาเวียน (เลอ ปอสตัลแล็ก), โธมัส (อเซเวโด้), จูเลียน (กอเรียส), ไซม่อน (ไดดิอู), โทนี่ (วัตต์) อีกเยอะเลยครับ เอสเตบัน (กาซาโคลด้า) คนนี้ก็อัธยาศัยดี เขามีพ่อแม่เป็นคนสเปนกับอุรุกวัย แต่มาเกิดที่เบลเยียม ก็พูดได้หลายภา่ษาเลยครับ

แมน : มีผู้รักษาประตูด้วยกันบ้างมั้ยเนี่ย นอกจากโคป้า 

ตอง : ก็มีโคป้าครับ ปีทีผ่านมาเขาไม่ได้เล่นเลย เพราะเขาก็อายุ 38-39 แล้ว แต่เขาก็ซ้อมอยู่กับทีมชุดใหญ่ตลอดนะ น่าจะเป็นมือ2หรือมือ3ของทีมอยู่

แมน : โคป้าเขาแนะนำอะไรเราบ้างมั้ย แต่ก่อนเขาดังมากเลยนะเคยติดทีมชาติไอวอรี่ โคสต์เล่นฟุตบอลโลกปี 2002 พี่เคยใช้เขาในเกมฟุตบอลเมเนเจอร์ด้วย สมัยก่อนตัวเทพเลยคนนี้

ตอง : อ๋อใช่ครับ ได้ยินมาว่าเขาดังมากๆ ก็ยังไม่ได้แนะนำอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลนะพี่ ส่วนใหญ่ก็พูดคุยเรื่องทั่วไปมากกว่า ผมเองก็เพิ่งได้เวิร์คเพอร์มิต เพิ่งได้ซ้อมสัปดาห์นี้เอง ก่อนหน้านี้ก็เข้าห้องฟิตเนสอย่างเดียวก็เลยไม่ได้เห็นว่าเขาซ้อมอะไรกันยังไง 

บูบาคาร์ แบร์รี่ เพื่อนสนิทของตองในเบลเยียม

แมน : เอาจริงๆ นะ แล้วประตูคนอื่นๆ ล่ะ เขาเป็นมิตรกับเรามั้ย มีอารมณ์แบบว่าเราเป็นคู่แข่งที่จะไปแย่งตำแหน่งกับเขาแล้วออกอาการตึงๆ กับเราบ้างรึเปล่า

ตอง : ไม่เลยนะพี่ ทุกคนก็พยายามทำผลงานให้เต็มที่ในตอนซ้อมแหละ แต่ละคนก็ไม่ได้มาสนใจคนอื่น เพราะโค้ชเขาดูอยู่แล้วว่าใครที่สมควรจะได้ลงเล่น ตำแหน่งประตูมันเปลี่ยนแปลงยาก ผมเองก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายหรือกดดันตัวเองว่าจะต้องได้ลงเล่นเมื่อไหร่ เรามาในฐานะที่เป็นรองทุกคน ก็ต้องพยายามทำให้โค้ชเห็นว่าเราทำได้

แมน : เห็นตองเข้าไปดูเกมชุดใหญ่ของลูเวนมาแล้ว มีจังหวะที่ นิค (ชิลเลเกนส์ ประตูมือ1) เขาเสียประตูเพราะปิดเสาแรกไม่ดี ในฐานะที่เป็นตำแหน่งเดียวกับเรา ตองมีคิดบ้างมั้ยว่าจังหวะนั้นจังหวะนี้ถ้าเป็นตองจะทำยังไง

ตอง : ก็มีคิดตามตลอดครับ แต่อย่างจังหวะเสียประตูก็โทษนิคไม่ได้มากหรอกพี่ เราดูข้างนอกเหมือนน่าจะป้องกันได้ แต่เวลาอยู่ในสนามจริงเกมมันเร็วมาก และต้องตัดสินใจแค่เสี้ยววินาที ลูกที่เสียประตูนิคเขาก็คงไม่คาดคิดว่าจะถูกยิงยัดเสาแรก แล้วคนยิงก็ยิงได้แรงมากด้วยทั้งที่มุมเหลือนิดเดียว นิคเขาคงวัดใจว่าน่าจะเปิดเข้าข้างในมากกว่า ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องมีโอกาสผิดพลาดบ้างอยู่แล้ว จังหวะอื่นเขาก็ทำได้ดีทั้งเกมนะ

แมน : พี่เห็นมีคนแชร์คลิปรวมจังหวะผิดพลาดของนิคในเน็ทเยอะเลย แล้วก็เอามาเทียบกับตองที่เป็นคลิปโชว์เซฟสวยๆ ตองคิดยังไงกับเรื่องนี้ คิดว่านิคเขาจะได้ดูมั้ย

ตอง : คลิปใครก็ทำได้พี่ ต่อให้ไม่ต้องเก่งอะไรมากมาย แต่ถ้าตัดเฉพาะจังหวะดีๆ มาก็กลายเป็นเทพได้เหมือนกัน ส่วนตัวผมถ้ามีคนทำกับผมอย่างที่ทำกับนิค ผมเองก็คงไม่ชอบหรอก แต่ผมไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะยังไงโค้ชเขาเห็นในการซ้อมและลงสนามจริงอยู่แล้วว่าใครเป็นยังไง

อย่าเอาไปเทียบกับใครเลย เพราะโค้ชคือคนตัดสินใจว่าจะใช้ใคร

แมน : แล้วที่มีแฟนบอลไทยไปเปิดศึกกับแฟนเบลเยียมที่เพจของสโมสรเพราะแฟนฝรั่งเขาวิจารณ์แบบไม่เชื่อฝีมือตอง ออกแนวเหยียดๆ ตองคิดว่าไง จะมีผลอะไรมั้ย พี่เคยคุยกับพี่เฮง (วิทยา เลาหกุล) ตอนที่เจไป คอนซาโดเล ซัปโปโร แล้วแฟนบอลไทยไปด่าเพื่อนร่วมทีมเจที่ไม่ส่งบอลให้ พี่เฮงเขาบอกว่าอย่าไปด่า เดี๋ยวเพื่อนๆ จะหมั่นไส้จนพาลเกลียดเจ ซึ่งพี่เฮงยืนยันนะว่ามันมีผลแน่ๆ แต่ตัวนักบอลเขาอาจไม่แสดงออกมาตรงๆ 

ตอง : แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ ให้ไปห้ามหรอ ถึงผมขอร้องว่าไม่ให้ทำ จะมีสักกี่คนที่เชื่อผมล่ะ ผมคงห้ามทุกคนไม่ได้หรอกพี่ ผมว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่ความคิดแต่ละคน แต่สำคัญที่สุดก็คือต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องนี้อะแต่ละคนก็มีความคิดไม่เหมือนกัน ผมคงไปบอกให้ใครหยุดทำไม่ได้

แมน : เอออันนี้ตองพูดถูก สุดท้ายแล้วผลงานของเรามันก็จะเป็นคำตอบเองแหละเนอะว่าคำวิจารณ์มันถูกหรือผิด

ตอง : ใช่ครับ ผมว่าเสียงวิจารณ์ทุกคนต้องโดนอยู่แล้วพี่ ถ้าเราไปใส่ใจมากตัวเองก็ไม่สบายใจ มาสนใจกับการซ้อมและการลงเล่น ทำให้เต็มที่ดีกว่าครับ ผมไม่ได้ซีเรียสเลย

แมน : ที่นู่นมีคนแสดงอาการเหยียดบ้างมั้ยว่าเราเป็นคนเอเชีย มาจากประเทศไทย ซึ่งบางคนเขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประเทศไทยเล่นฟุตบอลเป็นยังไง

ตอง : อันนี้ผมไม่รู้หรอกพี่ บางคนเขาอาจจะคิดอยู่ในใจแต่ก็ไม่มีใครแสดงออกมา ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องเจออยู่แล้ว เหมือนกับที่เราอาจจะมองว่านักเตะจากประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศเราไม่น่าจะเตะบอลเก่งกว่าเรา แต่จะรู้จริงๆ ก็ต่อเมื่อเขาได้พิสูจน์ตัวเองก่อนแหละ ถ้าพิสูจน์ได้ก็คงไม่มีใครสนแล้วว่ามาจากที่ไหน

แมน : อืมพูดอีกก็ถูกอีก แล้วได้คุยกับไนเจล เพียร์สัน (เฮดโค้ช) หรือโค้ชประตูบ้างหรือเปล่า ว่าเขาคิดยังไงกับเรา น่าจะมีโอกาสได้ลงเล่นเมื่อไหร่

ตอง : ผมไม่ได้ถามเลยครับ เพราะไม่อยากกดดันตัวเองด้วย เราทำตัวให้พร้อมตลอดเวลาดีกว่า ถ้าเขาเลือกใช้เราเมื่อไหร่ก็ลงไปทำให้เต็มที่ก็พอแล้วครับ อาจจะเริ่มจากลงทีมสำรองก่อนก็ได้

แมน : น้องๆ คนไทยที่เป็นเด็กโครงการฟ็อกซ์ฮันท์เป็นไงบ้าง ไปอยู่นั่นได้น้องๆ ช่วยให้คำแนะนำอะไรบ้างมั้ย ในฐานะที่น้องเขาอยู่มาก่อน เห็นว่ามีรุ่นน้องที่รร.อัสสัมชัญ ธนบุรีด้วย

ตอง : อ๋อ ที่เป็นเด็กอัสสัมธนฯก็มีอยู่คนนึงครับ ไอโบ้ท (อนนต์ สมากร) พวกน้องๆ เขาก็แค่แนะนำผมแหละว่าที่เมืองนี้มีอะไรน่าไปบ้าง ร้านอาหารอยู่ตรงไหน พาไปแนะนำร้านอาหารไทย พาไปกินร้านที่ว่าอร่อยๆ เป็นทีเด็ดของเมืองนี้ 

แมน : แล้วเราไปอยู่นั่นพักอยู่กับน้องๆ หรือเปล่า หรือมีรูมเมทเป็นใคร 

ตอง : ตอนนี้อยู่คนเดียวเลยครับ ผมไม่มีรูมเมท

แมน : โหแล้วไม่เหงาหรอ ห่วงมั้ยว่าจะโฮมซิก เพราะหลายๆ คนที่เคยไปต่างประเทศก็เจอปัญหาโฮมซิกกันทั้งนั้น

ตอง : ก็ไม่เหงานะพี่ เดี๋ยวนี้มันมีอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ก็เปิดกล้องคุยกันได้ แชทกันได้ตลอดเวลา ผมก็คุยกับทางบ้านอยู่ทุกวัน ถึงไม่ได้เจอกันก็เห็นหน้ากันตลอด ช่วยได้เยอะพี่ ผมว่าตัวผมเป็นคนที่ค่อนข้างสบายๆ นะ 

แมน : พี่เคยคุยกับเจ ชนาธิปนะ ว่าการไปเล่นเจลีกคนเอเชียด้วยกันค่อนข้างปรับตัวเข้าหากันง่าย แต่พี่คิดว่าคงเพราะเจเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายด้วยล่ะมั้ง ไปไหนก็เข้ากับคนอื่นได้ตลอด อย่าง มุ้ย, อุ้ม หรือ ตอง ก็ไม่รู้ว่าจะปรับตัวง่ายเหมือนเจหรือเปล่า

ตอง : ผมว่าทุกคนน่าจะปรับตัวได้แหละครับ ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดอยู่แล้ว พอไปอยู่จริงๆ เดี๋ยวก็ต้องหาทางปรับตัวจนอยู่ได้เองแหละ มันก็อาจจะมีหลายปัจจัย ถ้าอยู่ไปนานๆ แล้วได้ลงเล่นก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ได้เล่นเลยก็อาจจะส่งผลกระทบบ้าง เป็นทุกคนแหละครับ

แมน : ได้เจอคนไทยบ้างมั้ยเนี่ย นอกจากน้องๆ ฟ็อกซ์ฮันท์ เจอคุณต๊อบ (อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร) บ้างหรือเปล่า เขาอยู่ดูแลตองที่นั่นมั้ย

ตอง : พี่ต๊อบผมเจอแค่ตอนแถลงข่าวเปิดตัวที่เมืองไทย แล้วก็ไม่ได้เจออีกเลยครับ คนไทยก็มีพี่ๆ ที่ร้านอาหารไทย ก่อนหน้านี้ก็มีพี่โจ้ ("ลิตเติ้ลโจ" สุรศักดิ์ มากทวี ผู้สื่อข่าวสยามกีฬา) ที่มากับผม แต่ตอนนี้แกกลับไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว

แมน : อ่อ พี่โจ้ แกอยู่อังกฤษตั้งแต่สมัยก่อนที่พี่ซิโก้ จะไปฮัดเดอร์สฟิลด์ นู่นเลยนะน่ะ เออตอง พี่จำได้ว่าสมัย ไบรอัน ร็อบสัน มาคุมทีมชาติไทย เขาเคยพูดว่า ตอง เล่นในอังกฤษได้สบาย และจะเอาไปฝากให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันนี้เขาพูดแล้วทำจริงหรือเปล่า

ตอง : จริงครับพี่ ตอนนั้น ไบรอัน เขาเอามาให้ดูเลยว่าเขาคุยกับทางแมนฯยูฯแล้ว จะให้ผมไปทดสอบฝีเท้า เป็นสัญญาแบบ Trial แต่ตอนนั้นผมดันไปบาดเจ็บหนักจากเอเชียนเกมส์ พอกลับมาไบรอันทำทีมตกรอบแรกซูซูกิ คัพ แล้วก็ถูกปลดออก หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปเลย

แมน : แล้วไม่มีโอกาสได้คุยกับไบรอันอีกเลยหรอ เขาก็มาเมืองไทยบ่อยๆ นะ ในฐานะทูตของแมนฯยูฯ ได้เจอกันบ้างมั้ย

ตอง : ไม่เคยเจอหรือคุยกันอีกเลยครับ คือตอนเขามาผมก็ไม่ได้ไปเจอ เพราะเขามาทำหน้าที่ของเขา ผมก็ไม่ได้เข้าไปหาเขาอะครับ

แมน : มันคือความฝันของตองเลยมั้ย กับการไปเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ตอง : แน่นอนพี่ มันคือความฝันของนักบอลทุกคนแหละ แต่ตอนนี้ผมคงไม่ได้มองข้ามไปไกลขนาดนั้น ผมได้มาอยู่ยุโรปกับทีมของเบลเยียมก็ถือว่าเพิ่งเป็นก้าวแรกเอง ผมยังไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย ตอนนี้ต้องมองไปทีละขั้น ผมก็ยังไม่รู้เลยว่ามาแล้วจะได้ลงเล่นมั้ย แต่แค่ได้โอกาสที่มีคนหยิบยื่นให้ ก็ถือเป็นโชคดีของผมมากแล้ว ตอนนี้ก็ต้องทำตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน แล้วอนาคตจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากัน

ไบรอัน ร็อบสัน เคยพยายามฝากฝัง "ตอง" ให้ไปทดสอบกับ "ปีศาจแดง"

แมน : หลายๆ คนก็มองนะว่า คิงพาวเวอร์ เขาน่าจะวางแผนไว้ว่าให้ตองอยู่เบลเยียมสัก 3 ปีให้ได้พาสปอร์ต แล้วอาจจะส่งไปเล่นให้เลสเตอร์ ซิตี้ 

ตอง : จะได้พาสปอร์ตเบลเยียมจริงหรอพี่ มีคนเคยพูดให้ฟังอยู่ แต่ผมไม่รู้เลยว่ามันจริงหรือเปล่า นี่ผมก็ว่าจะถามคนที่นี่อยู่เหมือนกัน 

แมน : ใช่สิ สโมสรในอังกฤษหลายๆ ทีมเขาก็มาหาทีมที่เบลเยียมเป็นสโมสรลูกแล้วส่งนักเตะมาเล่นเพื่อเอาโควตาอียูนี่แหละ อย่างแมนฯยูฯ แต่ก่อนก็เคยส่ง ตง ฟาง โจว กองหน้าจีนไปเล่นให้รอยัล อันท์เวิร์ป จริงๆ แล้วทีมใหญ่ๆ ในอังกฤษ มีสโมสรลูกที่เบลเยียมแทบทั้งนั้นแหละ

ตอง : อ๋อครับ อันนี้ผมไม่รู้เลยว่ามันเป็นยังไง ผมมีสัญญากับ ลูเวน 5 ปี ตอนนี้ก็มองแค่ทีมนี้อย่างเดียวแหละครับ ผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะได้ลงเล่นมั้ย ผมถือว่าคนอื่นเก่งกว่าผมทั้งนั้น เขาอยู่มาก่อนเรา ในทีมมีประตูตั้ง 4 คนรวมผมด้วย แต่ผมไม่ได้คิดจะแข่งกับใครนะ ผมมองว่ามันเป็นการแข่งกับตัวเองมากกว่า

แมน : เท่าที่ดูเกมของลีกดิวิชั่นสองของเบลเยียม เทียบกับไทยลีก ระดับมันแตกต่างกันเยอะมั้ย ระบบความเป็นมืออาชีพของสโมสรโอเอช ลูเวนสูงกว่าที่เมืองไทยหรือเปล่า พวกการจัดการต่างๆ ภายในทีม

ตอง : เกมที่นี่มันเร็วกว่าเยอะครับ แต่ผมยังไม่ได้ลงไปเล่นเองก็ยังบอกอะไรไม่ได้มาก ความเป็นมืออาชีพผมว่าก็ไม่ได้ต่างกันมากนะ แต่ที่นี่เขาจะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะด้านเยอะกว่า คือเขาจ้างคนมาทำหน้าที่เฉพาะในทุกๆ ตำแหน่งเลย ที่เมืองไทยอาจจะไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ลงรายละเอียดเยอะมากขนาดนี้ครับ

แมน : อยู่เมืองไทยตองมีเพื่อนเล่นฟิตเนสทุกวันเลย ที่อิมแพค อะ พอไปอยู่นู่นเล่นคนเดียวไม่เหงาหรือคิดถึงคนบางคนที่เมืองไทยแย่เลยหรอ อันนี้แซวเล่นๆ 

ตอง : ไม่หรอกพี่ อยู่นี่เวลาผมเข้าฟิตเนสก็มีเทรนเนอร์คอยดูแลตลอด แล้วเขาก็วางโปรแกรมให้เราไว้หมดว่าจะให้เราทำอะไรในแต่ละวันบ้าง

กำลังใจดีๆ มีให้กันเสมอไม่ว่าอยู่ใกล้หรือไกล

แมน : โอเคๆ เออแล้วเรื่องอาหารการกินที่สโมสรเขาจัดให้หมดเลยมั้ย พี่เคยถามเจ ชนาธิป เขาบอกว่าที่ซัปโปโรไม่ได้บังคับเลย ใครจะทานที่สโมสรก็ลงชื่อไว้ ถ้าใครจะไปหาทานเองข้างนอกเขาก็ไม่ว่า

ตอง : ที่นี่เขาดูแลให้หมดเลยครับ จะมีอาหารเช้าที่เขาจัดให้ทุกวัน พอซ้อมเสร็จพวกนักเตะก็มักจะไปหาร้านกาแฟนั่งคุยกันสบายๆ มากกว่า ที่เขาให้ทานกับสโมสรก็คงเพราะเป็นเรื่องการควบคุมโภชนาการ แต่ที่ญี่ปุ่นผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นยังไง แต่ถึงจะทานอะไรที่ไหน ทางสโมสรเขาก็จะคอยตรวจสมรรถภาพ ตรวจมวลกล้ามเนื้อตลอด ถ้าใครเริ่มน้ำหนักเกินหรือขาดตกบกพร่องอะไรเขาก็จะรู้ทันทีอยู่แล้ว  

แมน : โอเคครับตอง เดี๋ยวไว้พี่จะขออัพเดทความเคลื่อนไหวเรื่อยๆ นะ ไว้คุยกันใหม่ วันนี้ขอบคุณมากครับ

ตอง : ได้เลยครับพี่ มีอะไรก็ถามมาได้ตลอดครับ

ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์ แล้วอย่าลืมให้เครดิตกันด้วยนะครับ ("แมน" โกสินทร์ อัตตโนรักษ์)