:::     :::

"Phase1 Phase2" ที่ยังงงๆ และการ"พูดตรงๆ"ของราล์ฟ รังนิค

วันอังคารที่ 04 มกราคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
5,674
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
คำให้สัมภาษณ์หลังเกมของราล์ฟ รังนิค สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงหลายๆอย่าง ทั้งทัศนคติมุมมองของโค้ชในการทำทีม และปัญหาของแมนยูไนเต็ดที่ต้องแก้ ซึ่งไม่ได้ทำได้ง่ายๆภายในระยะเวลาแค่เดือนสองเดือน แต่มันคือสองหรือสามปี กว่าที่จะไปถึงจุดที่เป็น Gegenpressing อย่างที่หลายคนวาดฝันไว้

"ผิดหวังมากๆ เช่นเดียวกับนักเตะ เรารู้ดีว่ามันอาจจะเป็นเกมที่ยากเพราะว่าระบบแบ็คไฟว์ของวูล์ฟมันยืดหยุ่นมากๆสำหรับแผงมิดฟิลด์ ครึ่งแรกเราลำบากมากจริงๆ"

"เราเสียบอลกันง่ายมาก และจ่ายบอลผิดกันเองมากเกินไป พลาดให้เขาเยอะ เมื่อเป็นแบบนั้นมันจึงเลยทำให้งานของเรายากขึ้น มันจึงเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนมาเล่นเหลือแค่หลังสาม"

"วันนี้เราเปิดจุดอ่อนให้เห็นถึงปัญหาที่ทีมเผชิญอยู่ในช่วงสามหรือสี่สัปดาห์ช่วงนั้น ก่อนที่ผมจะเข้ามาคุมทีม เรื่องเดียวกันเลย ซึ่งมันคืองานยากที่จะพัฒนา DNA การเล่นในเรื่องของภาคความเข้าใจยามที่ทีมมีบอล และ ไม่มีบอล เกมวันนี้ทำให้เราได้รู้ว่ายังมีอีกบางสเต็ปที่ทีมจำเป็นต้องปรับปรุง"

"ฟิล โจนส์ ไม่มีอะไรกังขาในเรื่องทัศนคติของเขาเลย เพราะเราเห็นเขาฝึกซ้อมด้วยตาตัวเอง แล้วยิ่งถ้าพิจารณากันว่า นี่คือนักเตะที่ไม่ได้ลงเล่นมานานถึงสองปีแล้วนั้น ผลงานวันนี้ถือว่าดีมากๆ"

"ผมการันตีอะไรพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น ดูผลงานการเล่นในวันนี้สิ แล้วถ้าผมพูดว่า เราจะจบท็อปโฟร์ได้ชัวร์ๆ100% ใครจะมาเชื่อคุณ เพราะงั้นสำหรับผมแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ การพยายามทำให้ทีมดีขึ้น และก้าวหน้าขึ้นไปให้ได้"

"ผมรู้ว่าการแพ้แบบวันนี้มันอาจจะเกิดขึ้นได้ และมันคงเป็นงานที่ยาก แต่เกมวันนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเรายังเหลืองานที่ต้องทำอีกเยอะมากจริงๆ

นี่คือส่วนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์จากราล์ฟ รังนิค หลังเกมที่ยูไนเต็ดโดนวูล์ฟแฮมพ์ตัน บุกมาเชือดคาบ้าน 0-1 แบบที่เกมการเล่นแย่กว่าอีกฝ่ายชัดเจน และผมรู้สึกชอบการให้สัมภาษณ์ของรังนิคมากๆที่ "พูดตรงๆ" ให้เห็นเลยโดยไม่ต้องอวยปกป้องทีม

แต่อธิบายถึงสภาพ "ความเป็นจริง" ที่สะท้อนภาพของทีมได้ real ดี ซึ่งนี่คือคุณสมบัติที่ดีของผู้จัดการทีมที่มีความตรงไปตรงมาสูง คนแบบนี้แหละที่จะพัฒนาทีมได้

และอย่างที่ผู้เขียนย้ำเตือนบ่อยๆในเรื่องแกนคิดหลัก 5 ข้อ ในปรัชญาการเล่นของราล์ฟ รังนิคดังนี้

Phase 1 : ทีมจะต้องรู้ว่าควรต้องทำยังไงในสถานการณ์ที่ทีมเป็นฝ่ายครองบอล จะต้องมีเป้าหมาย มีโกลของการเล่น มีความชัดเจนในวิธีการเล่น เช่น เจอทีมรับลึกทำยังไง เจอทีมเล่นพื้นที่เปิด ต้องสู้แบบไหน

Phase 2 : ทีมจะต้องรู้ว่า ตัวเองจะต้องทำยังไง ในจังหวะที่เป็นฝ่ายไม่มีบอล ทุกอย่างในหัวจะต้องเคลียร์ เช่น ดันเกมสูงไปเพรส หรือถอยต่ำลงมารับ เล่นเกมสวน ฯลฯ ทุกคนต้องเข้าใจเวลาที่คู่แข่งได้บอล จะทำให้เรารับมือกับคู่แข่งได้ดี

Phase 3 : จังหวะเปลี่ยนผ่านของเกม ที่เป็น transition play เมื่อทีมเสียบอล เราจะต้องทำยังไงบ้าง เช่น วิ่งเข้าเพรสสวนกลับทันทีที่การครองบอลเปลี่ยนมือ (counter-pressing) ชิงบอลคืนมาให้ได้เร็วที่สุด (เช่นตัวอย่างในกฏ8วิ)

Phase 4 : จังหวะเปลี่ยนผ่านของเกมเช่นกัน เมื่อทีมได้บอล เราจะต้องทำยังไง เล่นด้วยวิธีไหน และรวดเร็วเพียงใด ตามตัวอย่างที่เป็นกฏ10 วินาทีที่จะต้องบุกเร็ว และหาจังหวะจบใส่คู่ต่อสู้ให้ได้

Phase 5 : ต้องชั่งน้ำหนักและควรรู้ว่าทีมควรใช้เวลาฝึกซ้อมกับลูกเซ็ตพีซมากแค่ไหน ซึ่งมีส่วนสำคัญกับผลลัพธ์การแข่งขันของเกมหนึ่งเกมสูงมากๆ ประเมินและชั่งน้ำหนักการทุ่มเทในพาร์ทนี้เพียงใด

มีคอมเม้นด่าทีมดูถูกทีมมากมายในเกมล่าสุดที่แพ้วูล์ฟคาบ้าน 0-1 ว่า

"ไหนวะเพรสซิ่ง", "เกเก้นเพรสซิ่ง? 555" ฯลฯ

ถ้าดูการทำงานของรังนิคจริงๆ เม้นเหล่านั้นคงจะรู้ว่า ทีมเราตอนนี้ยังพูดถึงเรื่องเกมเพรสซิ่งไม่ได้ มันยังไปไม่ถึงจุดตรงนั้น

แต่หลายๆคนเข้าใจว่าทีมจะต้องเล่นแบบนั้นให้ได้ทันทีทันใด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย ต้องใช้เวลาในการปรับแก้นิสัยและความเข้าใจของนักเตะในทีมอีกเยอะมาก เพราะนักเตะเหล่านี้ หลายๆคนก็เล่นแบบที่พวกเขาเป็นมาในตลอดชีวิต

การเปลี่ยนการเล่นในสนามให้เป็นแบบที่แทคติกของรังนิคต้องการนั้น มันลึกลงถึงระดับ "DNAการเล่นในสนาม" ของนักเตะคนนั้นๆเลย ที่ต้องทำให้มันกลายเป็น "นิสัยการเล่นแบบอัตโนมัติของนักเตะทั้งทีม" ให้ได้

และวันนี้ สิ่งที่เรามีปัญหากัน มันไม่ใช่เรื่องของเพรสซิ่งเลย ซึ่งนั่นเป็นภาคแอดวานซ์ในขั้นของเฟส 3 / 4 ที่เป็นการฝึกความเข้าใจของการเล่นTransition Play โดยเฉพาะภาค Gegenpressing (counter-pressing)

เรายังไม่ได้เริ่มฝึกและเริ่มใช้ กฏ 8 วินาที กฏ 10 วินาที ของรังนิคกันเลยซะด้วยซ้ำ

เอาแค่เบสิคง่ายๆก่อน ตอนนี้ทีมเรายังต้องปรับ "DNA with and without the ball" ก่อนเป็นอันดับแรก ประโยคนี้คือคำพูดโดยตรงของ Ralf Rangnick เลย ที่ผมแปลเอาไว้ว่า "มันคืองานยากที่จะพัฒนา DNA การเล่นในเรื่องของภาคความเข้าใจยามที่ทีมมีบอล และ ไม่มีบอล"

ซึ่งชัดเจนมากๆว่า Phase 1 กับ Phase 2 ในเรื่องของ with ball & without the ball คือสิ่งที่แมนยูต้องรีบแก้ให้ได้ก่อน

ก่อนจะข้ามขั้นไปสู่เกมเพรสซิ่ง ทำเกมให้มันดีก่อนก็พอเวลาครองบอลได้ เวลาเล่นเกมรับ ให้นักเตะในทีมเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนว่าต้องทำอะไร ต้องบุกยังไง เล่นยังไงบ้าง แค่นี้ยังยากเลย

อย่างที่รังนิคพูดนั่นแหละ เหลืออะไรให้เราต้องแก้ไข้อีกเยอะ และอีกนาน

ซึ่งมันต้องใช้เวลา อย่าคาดหวังความเปลี่ยนแปลงที่ปุบปับ

แล้วพอทีมสะดุด ก็พากันเนิร์ฟ ราล์ฟ รังนิค ทันที

วันนี้แพ้ก็ต้องยอมรับว่าแพ้ เห็นกันชัดๆว่าทีมเขาดีกว่าในยามที่มีบอล และยามไม่มีบอล ที่หยุดเกมรุกของยูไนเต็ดให้ต่อกันไม่ติดได้ และไม่สามารถคว้าโมเมนตัมบุกโขยกต่อเนื่องได้เลย ในขณะที่เด็กเราเองก็มีพลาดทิ้งขว้างโอกาสสำคัญไปเช่นกันอย่างที่เห็น

อย่าโทษใครเลย ก็รับผิดชอบร่วมกันทั้งทีมนี่แหละ

แล้วก็ให้เวลาพวกเขาด้วย ผมยังมั่นใจอยู่ว่า ตัวระบบและวิธีคิดของราล์ฟ รังนิค มันเป็นของจริงแบบไม่ต้องสงสัย

บอลเพรสซิ่ง มันคือบอลยุคปัจจุบันที่ทีมชั้นนำบนโลกนี้เขาเล่นกันทั้งนั้น ทีมที่จะก้าวขึ้นมาสู่แนวหน้าก็จำเป็นต้องฝึก และต้องเล่น เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

บอลของเป๊ป บอลของคล็อปป์ และอีกหลายๆทีม มีส่วนผสมของการเล่นเพรสซิ่งเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปจุดนั้นได้ ภาคการเล่น การทำเกมพื้นฐานจะต้องดีก่อน

เช่น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เขาก็จะมีความสามารถในการคุมเกมได้ดี ในปรัชญาการครองบอล และ positional playของเป๊ป ซึ่งถ้าเทียบเคียงกับรังนิค มันก็คือ "DNA with ball" นั่นแหละ

ส่วนเกมเพรสซิ่งที่เป็น Gegenpressing ของคล็อปป์ ก็คือ DNA without ball เป็นต้น

สองสิ่งนี้ ทั้งสองทีมไม่ว่าจะลิเวอร์พูล แมนซิตี้ ก็ทำได้เต็มที่แล้วใน phase 1 phase 2 ทั้งสองสถานการณ์ พวกเขาจึงข้ามไปยังลำดับถัดไปของการเล่นเพรสซิ่งได้

แต่ของทีมเรา แค่2เฟสแรกขั้นต้นยังปรับปรุงไปไม่ถึงไหนเลย เกมวันนี้ถึงแพ้แบบนี้ เพราะงั้น ยอมรับความจริง แล้วให้เวลาเขาปรับจูนทีมกันก่อน

เกมนัดที่แล้ว ชนะ 3-1 ก็จริง แต่ตัวผมเองก็เขียนกำกับเอาไว้ว่า รูปเกมมันไม่ได้ดีขนาดนั้น มันดีในภาคการจบสกอร์และคุมสถานการณ์แค่นั้นแหละ แต่การทำเกม มันยังอยู่ในระดับที่ "ไม่น่าพอใจ" สักเท่าไหร่

ทีมยังต้องพัฒนาอีกเยอะมากนะครับ ให้เวลาทีมเถอะ ถ้าเข้าใจตรงนี้ คุณจะไม่หัวร้อนกับเกมคืนนี้มากเลย และเราก็ไม่สามารถอ้างได้ด้วยว่า เราเล่นกับวูล์ฟ มักจะลำบากเสมอ

จริงๆควรให้เครดิตวูล์ฟ ว่าเล่นกันดีมากๆ และควรยอมรับความเป็นจริงว่า ณ ตอนนี้ คุณภาพการเล่นของทีมเรายังไม่ดีพอ

ถ้าเก็ทตรงนี้ ผลลัพธ์ของเกมวันนี้ที่โดนคาบ้านก็แค่เซ็งๆ เศร้าๆ

หากเข้าใจมันก็จะลดความเจ็บปวดของความผิดหวังได้เยอะครับ และผมก็ไม่สนับสนุนให้ใครโลกสวยที่จะบอกให้ใครพอใจกับความพ่ายแพ้นัดนี้ด้วย

แค่ยอมรับว่า "ทีมเรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ" แค่นั้น ทุกอย่างจบ

ราล์ฟ รังนิค พูดตรงจนไม่รู้จะตรงยังไงละฮะ

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด