เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มีโอกาสอำลาถิ่น 'ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค' เพื่อเดินตามความฝันของเขาและนั่นอาจหมายถึงการย้ายมาค้าแข้งในสเปนตามการกล่าวอ้างของ จานลูก้า ดิ มาร์ซิโอ กูรูลูกหนังชาวอิตาเลียนที่ระบุว่ากองหน้าชาวนอร์วีเจี้ยนปลื้มลีกเมืองกระทิงมากกว่าพรีเมียร์ลีก 

'เขา (ฮาแลนด์) ไม่ชอบพรีเมียร์ลีกมากนัก มันไม่ได้อยู่ในความฝันของเขา มันไม่ใช่ลีกที่สมบูรณ์แบบในขณะนี้'

'เขาชอบ ลา ลีกา เขาชอบ ลา ลีกา มาก ดังนั้นผมคิดว่าในความคิดของเขา ลา ลีกา เป็นทัวร์นาเมนต์ที่สมบูรณ์แบบที่จะเล่นในตอนนี้ หรือบุนเดสลีกาที่เขากำลังเล่นอยู่'

'มีเพียง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า เท่านั้นที่จะได้เขามา เพราะเขาไม่สามารถไป แอตเลติโก มาดริด หรือสโมสรอื่น อาจเป็นเพราะตอนที่เขาเริ่มเล่น เหมือน (คิลียัน) เอ็มบั๊ปเป้ ที่ต้องการเล่นกับ เรอัล มาดริด เขาบอกกับตัวแทนของเขาให้พยายามเพื่อ เรอัล มาดริด ถ้าไม่ใช่พวกเขาก็เป็น บาร์เซโลน่า ถ้าไม่ใช่ บาร์เซโลน่า ก็เป็น เชลซี, แมนฯยูไนเต็ด เป็นต้น' ดิ มาร์ซิโอ กล่าว

ฮาแลนด์ สานต่อความยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ย้ายจาก ซัลซ์บวร์ก มาค้าแข้งกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงเดือนมกราคม 2020 เขากระทุ้ง 76 ประตูจากการลงเล่น 74 เกมจนดึงดูดความสนใจของบรรดาขาใหญ่ของยุโรปทั้ง แมนฯซิตี้, แมนฯยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 

ขณะที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะพยายามรั้ง ฮาแลนด์ อยู่กับทีมยาวนานกว่าช่วงซัมเมอร์นี้ก็ตาม โดยทีมเสือเหลืองพร้อมอัพค่าจ้างให้ดาวยิงชาวนอร์วีเจี้ยนมากกว่าเดิมที่รับจากสัญญาปัจจุบันปีละ 8 ล้านยูโร แต่นั่นอาจเป็นตัวเลขที่ต่ำไปตามมุมมองของ มิโน่ ไรโอล่า ตัวแทนของกองหน้าวัย 22 ปี

ตามรายงานจากสื่อหลายสำนักระบุตรงกันว่า ฮาแลนด์ มีคอร์สปล่อยตัวมูลค่า 75 ล้านยูโรที่จะมีผลตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2022 นั่นมาจากการทำข้อตกลงอันชาญฉลาดของ ไรโอล่า ที่ปูทางย้ายทีมให้นักเตะในการดูแลของเขาไว้ล่วงหน้า

ส่วน ฮันส์ โยอาคิม วัตซ์เค่อ ซีอีโอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอ่ยชื่อ เรอัล มาดริด ว่ายักษ์ใหญ่จากสเปนสนใจ ฮาแลนด์ ร่วมกับอีกหลายสโมสรชั้นนำของยุโรป

'ไม่ว่าจะไปที่ไหน ทุกคนต่างพูดถึง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เรื่องเดียวที่ผมรู้อย่างมั่นใจคือ เรอัล มาดริด ให้ความสนใจเขามาก และผมสามารถเอ่ยชื่ออีก 25 สโมสรได้ด้วย' 

'มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะย้ายทีม และมีความเป็นไปได้เช่นกันว่าเขาอาจจะอยู่ต่อไป เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมเพิ่งมีการพูดคุยที่ดีกับ มิโน่ ไรโอล่า เป็นการสนทนาแบบเป็นกันเอง เราจะคุยกันอีกครั้งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า'

'สิ่งสำคัญคือการพัฒนาต่อไปของ ฮาแลนด์ เหมือนกับ เลวานดอฟสกี้ ผมคงภูมิใจในตัว เออร์ลิ่ง มาก ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าเขาคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก' 

'โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ามันคงจะดีสำหรับเขาที่จะอยู่ในบุนเดสลีกาต่อไปอีกสักพัก แต่ ไรโอล่า เป็นคนที่ฉลาดและรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่' วัตซ์เค่อ กล่าว

ขณะที่ มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนงยการฝ่ายกีฬาของทีมเสือเหลืองแสดงจุดยืนว่าสโมสรต้องการให้ ฮาแลนด์ อยู่กับทีมต่อไป แต่มีปัจจัยที่ทำให้นักเตะอาจตัดสินใจแยกทางเช่นกัน

'เราต้องการให้ ฮาแลนด์ อยู่กับทีมต่อไป เราต้องไม่เสียเขา แม้ว่าจะมีเหตุผลทางธุรกิจเข้ามาก็ตาม เราจะคุยกับเขาในอีกไม่กี่สัปดาห์เกี่ยวกับแผนการที่ชัดเจน' 

'เรารู้ว่าภายใต้เงื่อนไขบางอย่างทำให้ เออร์ลิ่ง มีโอกาสในการย้ายทีม แต่เรามีสัญญาระยะยาวกับเขา เขาต้องเป็นฝ่ายตอบสนองไม่ใช่เรา'

'ความจริงคือเรื่องสัญญา แต่มันเป็นความจริงเช่นกัน และมันไม่ได้เป็นความลับที่เขาสามารถย้ายทีมได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง' 

'มันเป็นที่ชัดเจนว่าโดยพื้นฐานแล้วเราต้องการให้ เออร์ลิ่ง อยู่กับทีมต่อไปหลังจบฤดูกาลนี้ และถึงแม้ว่าสถานการณ์จากการแพร่ระบาด เราไม่จำเป็นต้องขายใคร นั่นเป็นความจริงเช่นกัน' ซอร์ค กล่าว 

ไรโอล่า มีการเดินหน้าเจรจากับหลายสโมสรเพื่อเสาะหาข้อเสนอดีที่สุดทั้งกับตัวเขาและนักเตะ พร้อมสลับออกมาให้ข่าวกับสื่อบ้างตามโอกาส แต่แน่นอนว่าคงจะเน้นน้ำหนักไปที่เมืองกระทิงทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า

'เราคิด, กำลังทำและวางแผนมา 2 ปีแล้ว' ไรโอล่า กล่าวกับ 'สปอร์ต1' สื่อเมืองเบียร์ 'เรามีแนวคิดที่ชัดเจนว่าเราต้องการให้ เออร์ลิ่ง ไปที่ไหน แน่นอน, เรากำลังดูข้อเสนอในตลาด ผมคงเป็นที่ปรึกษาที่แย่หากไม่ทำแบบนั้น' 

'เราสามารถโน้มน้าวตลาดด้วยนักเตะอย่าง เออร์ลิ่ง ไม่ใช่ตลาดที่มีอิทธิพลต่อเรา เรารู้ดี, กับนักเตะของผม ผมมีโอกาสในตลาด เราที่เป็นที่ปรึกษาได้สร้างเกมที่สองนอกฟุตบอล นั่นคือ ตลาดซื้อนักเตะ' 

'ตอนนี้เราคุยถึงเกมการแข่งขัน 2 วันต่อสัปดาห์และการย้ายทีม 5 วันต่อสัปดาห์ บางทีพวกผู้อำนวยการกีฬาอาจจะเกลียดผม ผมไม่ได้เกลียดใคร ผมแค่ทำงานของผม และผมชอบที่จะก้าวข้ามเรื่องนั้น'

'(เออร์ลิ่ง) ฮาแลนด์ สามารถรอทุกคนได้ เรายังไม่ได้ตกลงล่วงหน้ากับสโมสรใดๆ เราจะดูตัวเลือกดีที่สุดและผมไม่เคยปฏิเสธการเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ อีกปีด้วย ในทางทฤษฎีแล้วยังคงเป็นไปได้หมด' ไรโอล่า กล่าว

ฮาแลนด์ ใช้เวลาพักผ่อนช่วงคริสต์มาสที่เมืองมาร์เบย่า ทางตอนใต้ของประเทศสเปน ก่อน 'อาส' สื่อเมืองกระทิงจะอ้างว่ามีแฟนบอลท้องถิ่นสอบถามเรื่องอนาคตของเขา ซึ่งดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ตอบว่า 'ผมจะเล่นที่นี่ ในสเปน'

กรณีที่ ฮาแลนด์ ตัดสินใจเลือกสเปน นั่นหมายความว่าจุดหมายปลายทางของกองหน้าวัย 22 ปีจะอยู่ที่ เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า เท่านั้น แน่นอนว่าทั้งสองสโมสรจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลหากต้องการเซ็นสัญญากับหัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ หากตีกรอบเป็นตัวเลขกลมๆน่าจะราว 450 ล้านยูโร 

ตามรายงานจาก 'เอล นาซิโอนาล' สื่อเมืองกระทิงระบุว่าหากสโมสรใดจะเซ็นสัญญากับ ฮาแลนด์ จะต้องใช้งบราว 450 ล้านยูโร แบ่งเป็นค่าตัว 75 ล้านยูโร บวกกับค่าคอมมิสชั่นของ มิโน่ ไรโอล่า กับ อัล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์ บิดาของนักเตะอีกประมาณ 40 ล้านยูโร บวกกับเงินค่าจ้างซีซั่นละ 70 ล้านยูโรในสัญญา 5 ปี 

ถ้าพิจารณาจากสถานะการเงินในปัจจุบันระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า ฝ่ายแรกมีภาษีเหนือกว่าชัดเจน หลังทีมอาซูลกราน่ากำลังเผชิญวิกฤตทางการเงินตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาจนต้องสูญเสียผู้เล่นชั้นนำอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, อองตวน กรีซมันน์ หรือ มิราเล็ม เปียนิช 

แต่ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นกัน เนื่องจาก เรอัล มาดริด หมายตา คิลียัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสเป็นเป้าหมายแรกตามความประสงค์ของ ฟลอเรนตีโน่ เปเรซ ประธานทีมชุดขาวที่เกาะติดนักเตะมาเป็นเวลานาน 

แม้ เอ็มบั๊ปเป้ จะย้ายสังกัดแบบไม่มีค่าตัวหลังสิ้นสุดสัญญากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงซัมเมอร์นี้ก็ตาม แต่ เรอัล มาดริด จะต้องใช้งบประมาณก้อนโตสำหรับการจ่ายค่าเซ็นสัญญาและค่าจ้างของกองหน้าชาวฝรั่งเศส 

แน่นอนว่าหาก เรอัล มาดริด ต้องลงทุนด้วยงบประมาณข้างต้นกับ ฮาแลนด์ อาจส่งผลกระทบกับกฎ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ของ ลา ลีกา เช่นกัน แม้สาวกมาดริดิสต้าจะวาดฝันถึงแนวรุกยุคใหม่ที่มีทั้ง เอ็มบั๊ปเป้, ฮาแลนด์ กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ก็ตาม 

ส่วน บาร์เซโลน่า ที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงินในปัจจุบัน แต่ทีมอาซูลกราน่าหวังว่าสถานการณ์ของสโมสรจะดีขึ้นในช่วงซัมเมอร์และพวกเขาจะสามารถลงทุนในการเซ็นสัญญากับ ฮาแลนด์ ได้เช่นกัน เพราะหากพวกเขาปล่อยดาวยิงชาวนอร์วีเจี้ยนตกเป็นสมบัติของคู่ปรับสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับทีมอาซูลกราน่าในการต่อกรแย่งชิงความสำเร็จกับทีมชุดขาวในอนาคต