ซึ่งน่าจะเป็นการแถลงออฟฟิเชียลในดีลของ เจ ชนาธิป แม้วันดังกล่าวเขาอาจไม่ไปปรากฏตัวในงานที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์เซโซกุ เนื่องจากอาจอยู่ในขั้นตอนการกักตัว (แต่อาจโผล่มาทักทายแฟนบอล ในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทน)
อย่างไรก็ตามที่แฟนบอลไทยโฟกัส กับการย้ายซบบ้านหลังใหม่ในคานางาวะ คือโอกาสในการลงสนามของ “เจ” มากกว่า
เพราะคุณภาพผู้เล่น ฟรอนตาเล่ ทุกตำแหน่งต่างอุดมไปด้วยแข้งระดับฝีตีนดีทั้งสิ้น
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันคร่าว ๆ ถึง “คู่แข่ง” ตำแหน่งเดียวกับกับ “เจ” ในทีม ว่าเขาต้องทำงานหนักแย่งตำแหน่งกับใครบ้าง
ระบบการเล่น – ตำแหน่ง
โทรุ โอนิกิ เฮดโค้ช ยังคงยึดมั่นในระบบการเล่น 4-3-3 มาเกือบตลอด โดยแผงกองกลางจะเล่นในรูปแบบสามเหลี่ยมหัวกลับ คือมีกองกลางตัวรับ 1 และ มิดฟิลด์ตัวบน 2 คอยสร้างสรรค์เกมให้ 3 เกมรุกแดนหน้า
มิดฟิลด์ตัวรุก แม้จะเป็นตำแหน่งธรรมชาติของ “เจ” แต่ที่ ฟรอนตาเล่ ดูเหมือนจะเป็นงานยากหากจะต้อง “แย่งชิงตำแหน่ง”
แม้จะเสีย อาโอะ ทานากะ ที่ย้ายไปเล่นกับ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ในเยอรมัน แต่แกนหลักหน้าเดิมอย่าง ยาสึโตะ วากิซากะ ที่เป็นตัวยืนอันดับ 1 ในตำแหน่งนี้ยังคงอยู่ ขณะที่ “ตัวแทน” ทานากะ อย่าง เคนโตะ ทาจิบานาดะ กองกลางวัย 23 ที่เล่นได้ทั้งตัวรับ-ตัวรุก ก็สามารถทดแทนได้อย่างไร้ปัญหา
ยังไม่นับ เรียวตะ โอชิมะ จอมทัพหมายเลข 10 กลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังบาดเจ็บยาวไปเกือบปี รวมถึงผู้เล่นใหม่อย่าง ทัตสึกิ เซโกะ กองกลางวัย 24 อดีตกัปตันทีม โยโกฮามา เอฟซี ที่ย้ายมาจอยกับทีมในฤดูกาลนี้
ทำให้เชื่อว่าบทบาท “เจ” ในบ้านสีฟ้าจะยังเป็น ตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย คล้ายกับสมัยอยู่กับ ซัปโปโร
เดิมทีตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้ายเป็นของ คาโอรุ มิโตมะ ซึ่งเป็นตัวหลักโดยมี ทัตสึยะ ฮาเซงาวะ เป็น “อะไหล่”
อย่างไรก็ตามปัจจุบันทั้ง 2 ได้เก็บข้าวของย้ายออกจากรัง โทโดโรกิ ไปแล้ว รายแรกบินไปตามฝันที่ยุโรป ส่วนรายหลังย้ายไปร่วมทัพ โยโกฮาม่า เอฟซี
ทำให้เมื่อดูจากรายชื่อที่เหลือปัจจุบันขณะ มีเพียง 2 คน ที่เล่นตำแหน่งนี้เป็นหลัก และ “เจ” ต้องเอาชนะใจโค้ช เพื่อการสอดแทรกเป็นตัวจริง
2 คู่แข่งปีกซ้าย
มาร์ซินโญ่ ปีกขวาชาวบราซิเลียนวัย 26 ปี ที่ถูก โทรุ โอนิกิ โยกมาเล่นฝั่งซ้าย และเป็นเจ้าของตำแหน่งนี้ตัวเลือกแรกในปัจจุบัน
มาร์ซินโญ่ เพิ่งย้ายมาร่วมทัพ ฟรอนตาเล่ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา หลังทีมปล่อยตัว มิโตมะ ไป โดยดึงมาจาก ฉงชิ่ง ลี่ฟาน ในจีน
เจ้าตัวลงเล่นไป 11 นัดในครึ่งฤดูกาลหลัง ยิงไป 1 แอสซิสต์ 4 ประตู โดยมีจุดเด่นที่ความเร็วคล้าย “เจ” สามารถไปกับบอล-ครองบอล เล่นร่วมกับเพื่อนได้ค่อนข้างดี
อย่างไรก็ตาม เหมือนเจ้าตัวจะมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ในพื้นที่สุดท้าย นอกจากนี้เจ้าตัวไม่เคยอยู่ในสนามครบ 90 นาทีสักเกม
เทน มิยางิ เด็กปั้น ฟรอนตาเล่ วัย 20 ปี ที่เพิ่งกลับมามีชื่อในทีม และได้รับโอกาสลงสนามในช่วงเลกสอง หลังจากที่ทีมปล่อยตัว มิโตมะ
แม้ฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวจะลงเล่นไป 14 เกม ยิงได้ 2 แอสซิสต์ 1 ทว่าส่วนใหญ่เป็นการลงสนามในช่วงท้ายเกม มีเพียง 4 เกมเท่านั้นที่ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก
ทว่าจุดเด่นของ มิยางิ คือเป็นปีกซ้ายที่เล่นเท้าขวา หาจังหวะจบสกอร์ด้วยการเลี้ยงตัดเข้าเขตโทษ รวมถึงมีลูกยิงไกลที่ดี มีความเร็วตามฉบับตัวรุกริมเส้นที่หวือหวาไม่แพ้ “เจ”
อย่างไรก็ตาม ลูกประสบการณ์ในเจลีก เจ้าตัวมีไม่มาก และค่อนข้างเป็นรอง “เจ” ทำให้มองว่ากับคู่แข่งทั้งสองคน หากแข้งทีมชาติไทยสามารถปรับตัวกับต้นสังกัดใหม่ได้ไว เขาเองก็น่าจะได้รับโอกาสไม่น้อยกว่าแข้งหน้าเก่าทั้ง 2
ซึ่งอยู่ที่ “เจ” ว่าจะสร้างความประทับใจให้ โทรุ โอนิกิ ได้แค่ไหน
