:::     :::

"โรงเรียนนายทวาร" โปรเจคท์แห่งอนาคตที่น่าจับตามองของลิเวอร์พูล

วันอังคารที่ 11 มกราคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,709
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การมาถึงของ เคลาดิโอ ทัฟฟาเรล ในทีมสตาฟฟ์ของ ลิเวอร์พูล เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทำให้เกิดคำถามจากเดอะ ค็อป หลายคนว่าสโมสรเอาตัวอดีตแชมป์โลกปี 1994 คนนี้มาทำไม?

แน่นอนว่าสิ่งแรกเลยคือการเอามาช่วยโค้ชนักเตะในตำแหน่งนายทวารของทีม แต่ภาพกว้างกว่านั้นคือสโมสรกำลังวางโปรเจคท์สำคัญที่หลายคนไม่รู้นั่นก็คือ 'ลิเวอร์พูล​ ตั้งเป้าในการเป็นโรงเรียนสอนผู้รักษาประตูที่ดี'​ ครับ


"เราต้องการที่จะเป็นโรงเรียนสอนผู้รักษาประตูที่เหมาะสมสำหรับวงการฟุตบอลยุคใหม่" เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมให้สัมภาษณ์กับ ดิ แอธเลติค ถึงโปรเจคท์สำคัญนี้


ก่อนจะไปถึงรายละเอียด​เชิงลึก เรามาดูกันก่อนครับว่าในทีมตอนนี้มีโค้ชประตูเป็นใครบ้าง


คนแรกคือ จอห์น อัชเตอร์เบิร์ก ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2009 และเหลือสัญญากับทีมถึงปี 2024, คนต่อมาคือ เคลาดิโอ ทัฟฟาเรล ซึ่งเพิ่งจะดึงตัวมาไม่นานนี้ และคนสุดท้ายคือ แจ็ค โรบินสัน ทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชประตูทั้งสองคนครับ


คล็อปป์ ยืนยันว่า ทัฟฟาเรล ไม่ได้มาเพื่อแทนใคร แต่เข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาผู้รักษาประตู และเข้ามาเพื่อช่วยผลักดันโปรเจคท์ A proper goalkeeping school ให้เป็นรูปเป็นร่าง


เจมส์ เพียร์ซ สายข่าวฝั่งหงส์แดงที่เขียนบทความให้กับ แอธเลติค ได้พูดคุยกับ อัชเตอร์เบิร์ก ในเรื่องนี้ว่าการมีโค้ชประตูในทีมชุดใหญ่ถึงสองคนจะเกิดความสับสนหรือความยากลำบากในการทำงานบ้างไหม? 


"ไม่เลยสักนิด ทัฟฟาเรล เป็นคนร่าเริงและปรับตัวได้ดี  ความจริงผมรู้จักเขามาระยะหนึ่งแล้วล่ะ" อัชเตอร์เบิร์ก เล่า


"ผมเคยเจอเขาครั้งแรกตอนไปดูทีมชาติบราซิลมาซ้อมที่สนามของ สเปอร์ส เราต้อนรับเขาเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรก ทัฟฟาเรล นำสิ่งดี ๆ เข้ามาสู่ทีมได้อย่างน่าชื่นชม"


ในตอนนี้ ลิเวอร์พูล​ มีผู้รักษาประตูถึง 6 คนที่มาลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่แบบเป็นเรื่องเป็นราว อาลีสซง เบคเกอร์, ควีวีน เคลเลเฮอร์ และ อาเดรียน คือกลุ่มแรกที่ดูแลเป็นพิเศษ​เพราะคือกลุ่มที่ต้องพร้อมลงสนามอยู่ตลอดเวลา ขณะที่กลุ่มหลังเป็นพวกแบ็คอัพอย่าง คาริอุส, มาร์เซโล่ ปิตาลูก้า กับ ฮาร์วีย์ เดวิส ซึ่งสองคนหลังนี้อายุยังไม่ถึง 20 ปีดีเลย


และเนื่องจาก อัชเตอร์เบิร์ก กับ โรบินสัน จะต้องอยู่กับทีมชุดใหญ่ข้างสนามตลอดเวลามีเกมแข่งขัน ดังนั้นคนที่ไม่ได้ถูกเรียกตัวไปร่วมทีมอย่างกลุ่มหลัง (หรืออาจรวมมือสามอย่าง อาเดรียน เข้าไปด้วยก็ได้)​ จึงเป็นช่องว่างขึ้นมาในเคิร์กบี้ครับว่าพอไม่มีโค้ชประตูอยู่ที่สนามซ้อม นักเตะกลุ่มนี้จะได้รับการฝึกอย่างถูกต้องมากน้อยแค่ไหน นั่นเลยทำให้ คล็อปป์ ผุดไอเดียในการเอาตัว ทัฟฟาเรล เข้ามาสู่ทีม


"คล็อปป์ บอกกับผมว่าอยากมีโค้ชประตูอีกสักคน" อัชเตอร์เบิร์ก เผย "เพราะเวลาที่ผมกับ โรบินสัน ไม่อยู่ เขาอยากมั่นใจว่ากลุ่มนายทวารที่ไม่ได้เดินทางไปกับทีมและไม่มีแมตช์ลงสนามพวกนี้ จะได้รับการซ้อมที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มันเป็นเรื่องของการสร้างความมั่นใจและให้ความใส่ใจในผู้เล่นตำแหน่งนี้ด้วย" 


ลิเวอร์พูล​ น่าจะเป็นทีมเดียวในยุโรปหรืออย่างน้อย ๆ ก็ในพรีเมียร์​ลีกนะครับที่มีโค้ชประตูชุดใหญ่รวมกันแล้วถึง 3 คน แม้แฟนบอลบางส่วนจะมองว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็น แต่กับคนอย่าง คล็อปป์ เขาคือนักคิด นักพัฒนาและมองทุกอย่างไปข้างหน้าเสมอ


3 โค้ชประตูคนสำคัญของหงส์แดง ไล่จากซ้ายไปขวา อัชเตอร์เบิร์ก, ทัฟฟาเรล และ โรบินสัน



กุนซือชาวเยอรมันวางหน้าที่ของโค้ชประตูทั้ง 3 คนไว้แบบนี้ครับ อัชเตอร์เบิร์ก ดูแลมือหนึ่งกับมือสอง (อลีสซง กับ เคลเลเฮอร์)​ ส่วน ทัฟฟาเรล ดูแลคนอื่นที่เหลือโดยมี โรบินสัน เป็นผู้ช่วย


ทัฟฟาเรล จะอยู่ที่สนามในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อทำงานกับผู้รักษาประตูที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมชุดใหญ่หรือคนที่มีเกมการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ทัฟฟาเรล จะมีการประชุมรวมทีมกับ อัชเตอร์เบิร์ก และ โรบินสัน เพื่อแชร์สิ่งที่เกิดขึ้นรวมถึงไอเดียการซ้อมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ


อัชเตอร์เบิร์ก เล่าต่อว่าในเคสของ อลีสซง ที่เป็นมือหนึ่งจะมีการซ้อมที่แตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นการมี ทัฟฟาเรล เข้ามาช่วยดูแลประตูคนอื่นที่เหลือจึงทำให้เกิดสมดุลสำหรับการซ้อมและการพัฒนาทีมขึ้นมาในเวลาเดียวกัน


นับตั้งแต่ อลีสซง ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล นายทวารชาวบราซิลค่อนข้างพัฒนาฝีมือมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกจุด แม้ปัจจุบัน​จะอายุใกล้เลข 3 แล้ว แต่ อัชเตอร์เบิร์ก มองว่าพ่อหมียังเล่นได้อีกหลายปี


"มานูเอล นอยเออร์ ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดทั้งที่เกือบจะ 36 แล้ว, ฮันดาโนวิช ก็ 37, ฟาน เดอร์ ซาร์ เลิกเล่นนอนอายุ 40 ส่วน บุฟฟ่อน ยังเล่นกับ ปาร์ม่า ทั้งที่อายุ 43 เรื่องพวกนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะดูแลตัวเองถูกต้องมากแค่ไหน ทั้งร่างกาย, จิตใจ, สมาธิ และความกระหาย"


"เมื่อถึงจุดหนึ่ง พลังในขาอาจเริ่มหมดไปก็จริง แต่คุณยังมีความรู้มากมายเกี่ยวกับการยืนตำแหน่งและการตัดสินใจ ซึ่งนั่นสำคัญสำหรับผู้รักษาประตู"


อัชเตอร์เบิร์ก ค่อนข้างชื่นชม คล็อปป์ สำหรับโปรเจคท์ A proper goalkeeping school และสิ่งนี้ก็เริ่มลงมือทำมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วครับ จะสังเกตุได้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ได้เซ็นสัญญากับผู้รักษาประตูวัยหนุ่มมาร่วมทีมไว้ค่อนข้างเยอะ อาทิ วิเตซสลาฟ ยารอส จากเช็ก และวัยรุ่นโปแลนด์อย่าง ยาคุบ โอซินสกี้ กับ ฟาเบียน โรเซก อีกทั้งอย่าลืมว่าตอนที่ไปคว้า เคลเลเฮอร์ มาจาก ริงมาฮอน เรนเจอร์ส ก็เป็นการดึงตัวมาร่วมทีมตั้งแต่อายุแค่ 16 ปีเท่านั้น 


และทันทีที่ Brexit (การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร)​ กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ผลกระทบโดยตรงสำหรับสโมสรในพรีเมียร์ลีกคือจะไม่สามารถเซ็นสัญญากับผู้เล่นอายุต่ำกว่า 18 ปีจากต่างประเทศได้อีกต่อไป ดังนั้นการเริ่มต้นขัดเกลาเด็กในท้องถิ่นจึงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในเวลาเดียวกัน


อัชเตอร์เบิร์ก เล่าว่าตอนนี้สโมสรยกเลิกสัญญา​กับแมวมองจากบางประเทศไปบ้างแล้ว โดยตอนนี้ทุกอย่างโฟกัสกับเด็กท้องถิ่นเป็นพิเศษ และเปิดเผยว่าในอดีต ลิเวอร์พูล จะสแกนขนาดของข้อมือคนที่เล่นเป็นผู้รักษาประตู แล้วนำไปวิเคราะห์ว่าจะสูงขึ้นเมื่อโตกว่านี้อีกเท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบัน อัชเตอร์เบิร์ก บอกว่า ลิเวอร์พูล​ เลิกทำอย่างนั้นเพราะคำแนะนำจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญระบุว่านี่ยังไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายสโมสรทำอยู่ 


ลิเวอร์พูล หันมาใช้ปัจจัยอื่นแทน เช่น ความสูงในขณะนั่งหรือความสูงของคนในครอบครัว เป็นต้น


"เราใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อดูว่าผู้รักษาประตูจะสูงได้มากพอหรือไม่ หากผลลัพธ์มันไม่เป็นไปในทิศทางนั้น แสดงว่าเราอาจกำลังทุ่มเทแรงกายไปกับสิ่งที่อาจจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งบางทีอาจเป็นการให้ความหวังที่ผิด ๆ  กับพวกเขาแทน" 




ควีวีน เคลเลเฮอร์ เป็นอนาคตคนสำคัญที่ อัชเตอร์เบิร์ก ค่อนข้างภูมิใจครับ เขาเล่าว่าตั้งแต่เข้ามาในทีม เคลเลเฮอร์ ได้รับการพัฒนา​อย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามหลักการของทีมทุกอย่าง จนในตอนนี้สามารถเรียกได้เต็มปากว่าคือมือสองของทีมไปแล้ว และอนาคตหากจะยกตัวอย่างความสำเร็จของโปรเจคท์นี้ขึ้นมา ควีวีน เคลเลเฮอร์ นี่แหละที่เหมาะสมและพร้อมมากที่สุด


ผลผลิตจากลโปรเจคท์นี้ที่กำลังรอวันผลิบานคือ มาร์เซโล่ ปิตาลูก้า กับ ฮาร์วีย์ เดวิส ครับ


เดสิส เป็นเด็กท้องถิ่นโดยกำเนิดและอยู่กับทีมมาตั้งแต่ 9 ขวบ ภารกิจหนึ่งของเขาคือการที่มีโอกาสจะได้เป็นผู้รักษาประตูสเกาเซอร์คนแรกที่ลงเล่นให้กับทีมนับตั้งแต่ บิลลี่ โมลินิวซ์ ตอนปี 1965


"การที่เราดัน ฮาร์วีย์ เดวิส ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่แบบนี้เป็นเรื่องที่ดีนะ" อัชเตอร์เบิร์ก เผย "เพราะถ้าเขาไปเล่นให้กับทีมยู-23 เขาจะกลับไปรวมทีมในวันก่อนแข่งเพื่อเตรียมตัว โปรแกรมการฝึกซ้อมประจำวันของเขาอยู่กับทีมชุดใหญ่ เขาจะได้ก้าวไปอีกขั้นซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา"


ถัดจาก เดวิส กับ ปิตาลูก้า ลิเวอร์พูล ยังมี จารอส มิโรเซก, ออสการ์ เคลลี่ และ เลียม ฮิวจ์ส ที่ถูกล่อยยืมไปหาประสบการณ์​กับ สแตบลี่ย์ เซลติก รออยู่อีก 


แม้นักเตะเหล่านี้จะไม่ได้มาถึงจุดสูงสุดด้วยการเป็นมือหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ในอนาคต แต่การฝึกอย่างเป็นระบบที่นี่ก็สามารถช่วยผลักดันเขาให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ อย่างรุ่นพี่หลายคนที่ไปได้ดิบได้ดีที่อื่นมากมาย


โปรเจคท์ A proper goalkeeping school ที่ ลิเวอร์พูล กำลังทำอยู่ คือเรื่องของการให้ความสำคัญกับอนาคตและไม่ละทิ้งนักเตะที่เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่มองข้ามแต่ในขณะเดียวกันกลับเป็นตำแหน่งที่สำคัญต่อทีมมากไม่แพ้ตำแหน่งอื่นเลย


วันนี้อาจยังไม่เห็นผลลัพธ์​อะไรที่เรียกได้ว่าชัดเจนมากขนาดนั้น แต่ในสักวัน ดอกที่ออกผลจากโครงการนี้ อาจนำมาซึ่งฮีโร่ที่สำคัญของ ลิเวอร์พูล ก็ได้ ใครจะรู้


Source: The Athletic





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด