:::     :::

"แม็คโทมิเนย์ แม่ทัพอัพเวล" และการเสริมเพื่อคอมโบมิดฟิลด์ให้ flexible

วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,565
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือบทวิเคราะห์ภาคการเสริมทีมในตำแหน่ง มิดฟิลด์ ว่าทีมเราควรจะซื้อกลางแบบไหน ตัวไหนบ้าง เพื่อที่จะเข้ามาสร้างบาลานซ์ เติมเต็มแดนกลางให้ครบเครื่องและยืดหยุ่น โดยมีแม็คโทมิเนย์ เป็นแกนหลักที่กำลังพัฒนาตัวเองเรื่อยๆภายใต้ยุคของรังนิคในขณะนี้

“Against their flexible midfield it was difficult at times. It’s challenging to defend against that.”

คำพูดของราล์ฟ รังนิค ที่ให้สัมภาษณ์เอาไว้ถึงเรื่องราวหลังเกมเมื่อวาน ซึ่งแปลเนื้อหาได้ประมาณว่า "มันเป็นงานยากในการที่ต้องเจอกับมิดฟิลด์ที่มีความยืดหยุ่นในการเล่นสูงของพวกเขา(วิลล่า) การป้องกันสิ่งนี้ให้ได้ ถือเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้น"

อย่างที่ผู้เขียนได้อัพไว้ในหน้าเพจศาลาผี บอกไว้ก่อนเกมครับว่า ในการจัดทีมเจอกับแอสตันวิลล่า ทำไมตรงกลางสนามเราถึงจำเป็นต้องใช้สามมิดฟิลด์ที่ควรจะเป็นเซ็ต แม็คโทมิเนย์ + เฟร็ด + บรูโน่ ยืนพื้นในการเล่นก่อน

นั่นก็เพื่อที่จะจัดการกับไดนามิคการเล่นกลางสนามที่แข็งแกร่ง และ "ยืดหยุ่น" มากๆในพื้นที่มิดฟิลด์ของวิลล่าได้

ความยืดหยุ่นที่ว่า เรายังไม่ได้พูดรวมถึงตัวรุกของแอสตันวิลล่าที่เล่นกันได้อย่างอิสระนะครับ ไม่ว่าจะเป็นบูเอนเดีย วัตกินส์ หรือ อิงส์ เพราะบทความนี้พูดถึงเคสของ "มิดฟิลด์" พวกเขาเท่านั้น อ้างอิงจากคำพูดรังนิคที่กล่าวขึ้นมาว่า เขาเองก็เห็นถึง Flexibility ของแผงกองกลางสิงห์ผยองเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้วิลล่าของเจิดทำได้ แกนหลักสำคัญจริงๆอยู่ที่ "Douglas Luiz"  ที่เล่นเป็นตัว Regista (กองกลางตัวคุมเกม กำกับเกมของทีม) ซึ่งเล่นด้วยการมีความเป็นกึ่ง Defensive Midfielder คอยคุมพื้นที่ และจังหวะการเล่นของวิลล่า ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ยืนปักต่ำให้วิลล่าในจุดเซ็นเตอร์ของทีม

การมีกลางที่เล่นเดี่ยวได้ คอนโทรลเกมได้ เชื่อมเกมได้ ปัดกวาดได้ ทำให้อีกสองมิดฟิลด์ของแอสตันวิลล่าอย่าง "Jacob Ramsey" และ "John McGinn" วิ่งพล่านทำเกมรุก เคลื่อนที่เข้ามาโจมตีใส่ในกรอบเขตโทษแมนยูไนเต็ดกันได้อย่างอิสระ และ ยืดหยุ่นมากๆ จอห์น แม็คกินน์เติมขึ้นมาทำเกม ลงต่ำ อย่างหลากหลายมากๆ

บางมุมทำหน้าที่ไม่ต่างกับอิลคาย กุนโดกัน ของแมนซิตี้เลยในฐานะมิดฟิลด์เบอร์8 ที่เติมสูงเข้ากรอบไปยิงได้ ส่วน เจค็อบ แรมซีย์ ก็วิ่งพล่านไปโผล่จุดต่างๆได้บ่อยครั้งตลอดเกม

สองคนนี้สามารถทดแทนตัวรุกของวิลล่าได้ และลงต่ำไปช่วย ดักลาส ลุยซ์ ได้อีกแรง จุดนี้คือความดีงามของการใช้ระบบที่มี "สามมิดฟิลด์" คุมเกมกลางสนาม จึงเกิดสิ่งที่รังนิคเอ่ยชื่นชมและพูดถึงกลางวิลล่าว่าเป็น flexible midfield นั่นเอง

เกมวันเสาร์นี้รังนิคคงรู้แล้วว่า จะหาทางจัดการกับแผงมิดฟิลด์ทีมนี้ยังไง หวังว่าจะไม่พลาดนะครับป๋าราล์ฟ

ในส่วนของระบบการเล่น ผมเห็นควรด้วยว่า สักวันนึงก็อยากให้แมนยูไนเต็ดเล่นระบบที่ใช้กลางสามเช่นกัน ไม่ว่าจะ 4-3-3 ซึ่งน่าจะเป็นแผนที่ดี และเหมาะกับลูกกรอกคะนองที่เรามีในอนาคต

ลิเวอร์พูลของ JK เองก็เล่นแผนนี้ ด้วยระบบการเล่นHigh Pressing ด้วย ซึ่งมันโคตรเข้ามากๆ

ตัวแดนบน3 แดนกลาง3 เล่นเพรสซิ่งแน่นกว่าจะใช้ 4-2-3-1 ที่มีโอกาสที่ตัวด้านบน 4 คน เพรสว่าว แล้วโดนแก้ไปได้ อย่างที่เมื่อวานเราเห็นวิลล่าแก้เพรสขึ้นมาได้เมื่อไหร่ หลุดมาถึงแบ็คไลน์ของเราทันที ไม่มีกลางชะลอหรือตามลงมาคัฟเวอร์ทัน

ถ้าไม่งั้นก็เป็นแผนอื่นๆที่มีกลางสาม เช่น 4-3-1-2, 4-3-3 False Nine แม้กระทั่ง 3-5-2 (หลังสาม + 2วิงแบ็ค + กลางสาม + หน้าคู่)

แน่นอนว่า แผนกลางสาม ภาคการเล่นแดนกลางมันย่อมแน่นมากกว่าทีมที่เล่นด้วยระบบมิดฟิลด์"คู่"เดือยตรงกลาง อย่าง double pivot อยู่แล้ว

3 VS 4 ของ Liverpool

หากจะเล่น double pivot จริงๆ สิ่งที่ผมบอกมาตลอดคือ มิดฟิลด์ในทีมนั้นๆจะต้องเก่งมากถึงมากที่สุด จึงจะเล่นแผนที่ใช้กลางแค่สองคนแล้วคุมเกมอยู่ได้ เหมือนอย่างที่เราได้เห็น Ruben Neves เล่นคู่ Joao Moutinho ที่เล่นให้วูล์ฟได้อย่างยอดเยี่ยมมาก

แต่ตอนนี้ เราเหมือนมีปริมาณเยอะ แต่ภาคของความสามารถ ยังไม่ดีพอจะเล่นกลางคู่ได้ ดูง่ายๆคู่ "แม็คเฟร็ด" เป็นต้น

คือเรื่องแทคติกก็เรื่องนึงนะครับ เรื่องความสามารถก็เรื่องนึง

แม็คโทมิเนย์ กำลังเบ่งบาน และเติบโตอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยสปีดของพัฒนาการที่ดูน่ากลัวมากตอนนี้

เพราะแม้ว่าอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เกมเมื่อวาน ผมเห็นการ "บัญชาการเกม" ในแบบของความเป็น "แม่ทัพ" ในตัวน้องแม็คสูงมาก สูงจัดๆชนิดที่เรียกว่า ป็อกบาไม่ต้องหายกลับมาก็ได้แล้ว เรามีแม่ทัพคนใหม่แล้ว และตั้งใจเล่นในสนามมากๆด้วย

แต่ ก็ยังต้องให้เวลาน้องแม็คพัฒนาแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ ภายใต้ระบบที่รังนิควางไว้ และรอ ผจก คนใหม่มาสานต่อ ดังนั้นแม็คจึงถือเป็นตัวที่ยัง "อยู่ในช่วงปรับปรุง" และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนี่ยังไม่แตะถึงช่วงอายุพีคของผู้เล่นมิดฟิลด์เลย

หมอนี่ยังมีเวลาเก่งอีกเยอะมาก นักเตะเราอย่าง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์เอง ไอ้ก๋องของผมก็กว่าจะเก่ง กว่าจะเจอตัวเอง ก็ตอนที่อายุเข้าช่วงพีคของMFเหมือนกัน

ในช่วงแรกเขาไม่ใช่ตัวที่เก่ง และยังหาตำแหน่ง, roleการเล่นที่เหมาะของตัวเองไม่เจอ เนื่องจากเฟล็ทช์เคยเล่นปีกขวาแบบพี่เบ็คมาก่อน ซึ่งก็ไม่เด่นพอ (เทียบกับแชดวิค ดูแล้วลุคน่าจะมีพรสวรรค์MRมากกว่าเฟล็ทช์ด้วย)

กว่าจะรู้ว่าตัวเองเล่นได้ดีในมิดฟิลด์ตัวกลาง และฟอร์มผลิดอกออกผล ก็ช่วงซีซั่น 2009-2011 แถวๆนั้นแล้ว

เช่นกัน สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ เริ่มที่จะหาตัวเองเจอในตอนนี้ กับแนวทางการเล่นที่เหมาะกับสไตล์ของเขา ที่ใช้การเคลื่อนที่ การทำงานหนักกลางสนาม และการคุมจังหวะเกม ในลักษณะของการเป็นตัว Mezzala ที่มากขึ้นกว่าเดิมสมัยก่อน ซึ่งแม็คจะเล่นแต่ Box-to-Box เท่านั้น คือไม่ยืนต่ำไปเลย ก็เติมเข้ากรอบไปเลย

พื้นที่บริเวณ "Middle Third" ในภาคการทำเกม ขึ้นเกม ครองบอล ไม่ใช่จุดเด่นของน้องแม็คในสมัยก่อน

แต่ตอนนี้ ในยุค ราล์ฟ รังนิค แม็คโทมิเนย์ดูดีขึ้นเรื่อยๆจนน่าชื่นชม และได้แมนออฟเดอะแมตช์มาหลายๆเกมแล้วเหมือนกันระยะหลัง ที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดของทีมเรา สลับกันกับ ดาวิด เดเคอา ที่แปลงร่างเป็น "ก็อดแฮนด์คนที่6" เปิดร่างพระเจ้า โชว์ฟอร์มซุปเปอร์เซฟจนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทีมสองเดือนซ้อนๆ

ไม่แม็ค ก็เดเคอา มีแค่สองคนนี้ที่เป็น MoM ของทีมบ่อยๆ

ส่วนของเฟร็ดนั้น ก็ดูดีขึ้นเรื่อยๆในยุคของรังนิคเช่นกัน ที่ทรงเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ไม่ถูกใช้งานในแดนต่ำ และเมื่อให้ยืนสูงในพื้นที่ support ให้ทีมครอบคลุมแดนกลางได้ ในลักษณะของมิดฟิลด์ลูกหาบ (Carrilero) เฟร็ดจึงทำผลงานได้ดีขึ้นเยอะ ก่อความผิดพลาดน้อยลง เมื่อไม่ต้องเล่นในพื้นที่ไม่ถนัดอย่างแดนต่ำ

และล่าสุด คู่หู แม็คเฟร็ด ก็เล่นคอมโบเปิดโหม่งกันอย่างที่เราเห็น โดยมี "Fred" ซัพพอร์ตบอลด้วยการเปิดโค้งงงงง(เสียงน้าหัง) เข้าไปในกรอบ และเข้าไปหาหัวจอมทัพคนใหม่อย่าง แม็คโทมิเนย์ ท่ามกลางนักเตะวิลล่า6-7คน และโหม่งใส่มาร์ติเนซหมดปัญญารับอย่างสวยงาม ในประตูชัยเขี่ยวิลล่าของเจิดกระเด็นตกรอบไป 1-0

ทั้งแม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด พัฒนาขึ้นเยอะในยุค ราล์ฟ รังนิค

แต่ก็ยังหยุดแค่นี้ไม่ได้ เพราะมันยังไม่ถึงจุดที่น่าพอใจสำหรับการจะพาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดให้ประสบความสำเร็จได้

เราจะพอใจเพียงเท่านี้ไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกว่า เฟร็ดเองมีข้อดีก็จริงแต่จุดอ่อนเขาก็ยังมีอยู่ อย่างที่เราเห็นๆกันว่า Physical เสียเปรียบคู่แข่งแดนกลางในลีกแทบจะทุกคน แรงปะทะน้อยมาก ส่วนแม็คโทมิเนย์ก็กำลังพัฒนา บางเกมบทจะดี ก็ดีจนใจหาย ส่วนบทจะหาย และล่องหนและเล่นไม่ออกไปดื้อๆเหมือนกัน

สองคนนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้

ดังนั้นมันจึงย้อนกลับมาถึงเรื่องที่ว่า สองคนนี้ในสายตาของผู้เขียน ถ้าให้เล่นในระบบ double pivot ผมว่าก็พอจะเล่นได้อยู่ อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

แต่ถามว่ามันดีรึยัง? แน่นอน เราจะไม่อวยเกินความเป็นจริง เพราะเราอวยไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะแถคร่อมรางขนาดไหน ต้องยอมรับว่า แม็คเฟร็ด ยังเป็นรอง "แดนกลาง" ของอีกหลายทีมในพรีเมียร์ลีกมากนัก

ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาตรงนี้ ถ้าเราสามารถปรับแผนที่ใช้กลางสามคนได้ ผมว่าแม็คเฟร็ดจะโหดกว่านี้เยอะ โดยที่ถ้ามี "มิดฟิลด์ตัวรับ" มายืนอยู่ด้านหลังสองคนนี้ รับรองว่า สองคนนี้จะเปิดร่างทองได้มากกว่านี้อีกเยอะ!!!!

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะงงว่า เฮ้ย เอามิดฟิลด์ตัวรับลงมาเติม แม็คเฟร็ดอีกเหรอ แล้วจะเอาอะไรบุก? นี่ก็กลางต่ำสองคนแล้วนะ?

ไม่ใช่เลยครับ สิ่งที่ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด จะเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คือการเล่น "กลางสามคน" โดยมี "กลางต่ำธรรมชาติ" เล่นอยู่หลังพวกเขาทั้งสองคนนี้ แม็คเฟร็ดจะเป็นอิสระ และเล่นได้ดีมากกว่าเดิมอีก

กลางต่ำคนดังกล่าว จะสร้างบาลานซ์ และเชื่อมเกมจากแดนหลังได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนที่ ดักลาส ลุยซ์ ของวิลล่าทำ

และ แม็คเฟร็ด ก็จะกลายเป็น "flexible midfield" ของเราแทน เหมือนอย่างที่แอสตันวิลล่ามีกลางสามคนนั้น เพราะเนื่องจากว่า ตำแหน่งธรรมชาติที่สองคนนี้จะเล่นได้ดีจริงๆนั้น ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวต่ำเลย

ทั้งแม็ค ทั้งเฟร็ด จะมีฟอร์มที่ดีได้ เมื่อได้เล่นอยู่ในจุด "CM" ครับ นั่นก็คือ พื้นที่กลางสนามนั่นเอง

คนนึงเป็นตัวซัพพอร์ต (เฟร็ด) เล่นCM ด้วยrole Carrilero

อีกคนนึงอดีตเป็น Box-to-Box ตอนนี้เริ่มถูกปั้นและขัดเกลาให้กลายเป็น "แม่ทัพตัวขับเคลื่อนและคุมเกม" (แม็คโทมิเนย์) เล่น CM เช่นกันด้วยตำแหน่ง Mezzala ผสม B2B

ถ้าด้านหลัง มีมิดฟิลด์ตัวต่ำ ที่เล่นเป็นตัวตัดเกม (Ball-winning) หรือเป็นตัว Regista แม้กระทั่ง DLP (Deep-lying Playmaker) ก็ตาม กองกลางจะกลายเป็น "แผงมิดฟิลด์ในอุดมคติ" อย่างแท้จริง เหมือนที่บอลอิตาลี หรือบอลกลางสามคนสมัยใหม่ของคล็อปป์ จะวางหน้าที่เอาไว้แตกต่างกันสามคนดังนี้

-คนนึงยืนคุมตำแหน่งข้างหลัง คุมจังหวะ เล่นเกมรับ

-คนนึงวิ่งพล่าน ซัพพอร์ต เชื่อมเกม

-อีกคนคอยเปิดเกม ขับเคลื่อนเกมรุก

ซึ่งมันคือ Regista + Carrielro + Mezzala ตามลำดับ นี่คือคอมโบที่ดี และสามารถปรับเป็น combination อื่นๆได้อีกเยอะเช่น

Defensive Midfielder + DLP + Attacking Midfielder (หรือจะเป็น Box-to-Box, Mezzalaก็ได้) คอมโบนี้ก็ได้

: มันคือสมการ (Rice / Tchouameni)  + (Haidara / Neves) + (McTominay)

ไม่งั้นก็ Ball-winning + Mezzala + Shadow Striker นี่ก็ใช้ได้เหมือนกัน มีตัวตัดเกม1 มีตัวกลางคุมเกม+ขึ้นเกม และมี กลางตัวที่วิ่งพล่านเข้าไปในกรอบเขตโทษ หาตำแหน่งป่วนคู่แข่ง

คอมโบนี้นึกง่ายๆก็คือสมการ (Zakaria / Kamara / Bissouma) + (Neves / Haidara) + (VDB) แผนนี้ก็เหมาะเช่นกัน

ถามว่าผู้เขียนยกตัวอย่างนี้มาทำไม? นั่นเป็นเพราะว่า ไม่ว่าต่อไปในยุครังนิค และผู้จัดการทีมคนใหม่ จะเป็นพอช, นาเกลส์มันน์ (ถ้าฟลุค), ฮาเซนฮุทเทิล ฯลฯ เราจำเป็นจะต้องปรับแดนกลางแน่นอน เพราะการเล่นคู่ double pivot น่าจะไม่เพียงพอกับการเป็นยอดทีมที่แข็งแกร่งกว่าทีมอื่นๆได้ ถ้าเรายังมีแค่แม็คเฟร็ดอยู่

สิ่งสำคัญคือ ตลาดการซื้อขายนักเตะนี้ ที่เป็น Winter Transfer Market นั้น เราจะมี "มิดฟิลด์" เข้ามาสักหนึ่งตัวหรือไม่ หรือว่าตลาด Summer ปี 2022 เราจะได้ กลางรับต่ำระดับ "บิ๊กเนม" มารึเปล่า เรายังไม่รู้

แต่ที่แน่ๆ เราต้องเสริมชัวร์ๆ เพราะทุกวันนี้ทีมเหมือนมีแค่ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และ เนมันย่า มาติช เล่นกลางกันอยู่สามคน

ป็อกบาเจ็บยาว ไม่เคยอยู่ช่วยทีมได้แบบเป็นชิ้นเป็นอัน, ดอนนี่ คือมิดฟิลด์ตัวด้านบน คล้ายๆบรูโน่ ตามธรรมชาติการเล่นของเขาที่เขาถนัด

ดังนั้น การเสริมมิดฟิลด์ อย่างน้อยๆยูไนเต็ดต้องซื้อเข้ามาสองคนอย่างต่ำ เพื่อเป็นตัวหมุน ช่วยแม็คเฟร็ด อย่างละคน ตำแหน่งต่อตำแหน่งเลย

เอาไอ้เสื้อเหลืองด้วยซะเลยท่าจะดี

ในขณะที่ดาวรุ่งตัวโหดที่โคตรมีแวว และเพิ่งนำทีมของเขาสอย อาร์เซนอล ร่วง FA Cup แบบสะใจอย่าง "James Garner" ในวัย 20ปี ฝีเท้าพัฒนาขึ้นเยอะมากพอที่จะกลับมาสู่ทีมเราได้แล้วในปีหน้า เพื่อทดแทนโควตาของ เนมันย่า มาติช ได้แบบตรงตัว ตามตำแหน่ง DLP กันแบบเด๊ะๆ แต่ว่าการ์เนอร์มีความสดที่สามารถใช้งาน และปั้นได้อีกระยะยาว

ตัวแปรสำคัญขุมกำลังแดนกลางในอนาคต ตัวนี้มาแน่

หากกลาง เรามี แม็ค + เฟร็ด + การ์เนอร์ + X + Y ซึ่งก็คือสองมิดฟิลด์ใหม่ที่เราจะซื้อเข้ามาเสริมทัพนั้น จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ ที่ทีมมีกลาง5คนไว้หมุน กับการเตรียมพร้อมที่จะเล่นด้วยปรัชญาบอล Gegenpressing ให้ได้ในอนาคตของการวางนโยบายและทิศทางพัฒนาทีมของ รังนิค ในฐานะ Consultancy ระดับสูงของเราในอนาคตไปอีกสองปี(อย่างต่ำเบื้องต้น)

ถ้ามี 5 คนนะมึง สบายแฮเลยล่ะ หน้าไหนก็มาเหอะ กลางเราจะไม่ต้องกลัวใครเลย ถ้าทุกคนเล่นกันด้วยระบบทีมที่ดี และมีตัวเปลี่ยนที่เพียงพอ ซึ่งทีมจำเป็นต้องซื้อตัวมาเสริมทีมมากๆ

ดังนั้น "X + Y" คึืออีกสองมิดฟิลด์ที่เราจำเป็นต้องซื้อเข้ามาในทีมแบบจริงๆจังๆ โดยที่เป็น "กลางต่ำธรรมชาติฝีตีนเยี่ยม" หนึ่งคนที่คุมพื้นที่หน้าแผงหลังเก่งๆ และก็เป็นตัวที่คุมจังหวะเกมดีๆ ขึ้นเกมได้ ปั้นเกมได้ บุกได้ อีกหนึ่งตัว

X + Y ในจุดที่ผู้เขียนอย่างศาลาผีมองนั้น ผมมองเห็น "Boubacar Kamara" ในตำแหน่งกลางต่ำตัวตัดเกม ที่มีความคล่อง จ่ายบอลแม่นยำ และ เล่นเกมรับปัดกวาดดีมาก ไม่งั้นก็คือ "Denis Zakaria" ของกลัดบัค ที่ฝีเท้าดีและสถิติการเล่นยอดเยี่ยมมาก องค์ประกอบครบถ้วนสุดๆ

แถมที่สำคัญ ซากาเรีย และ คามาร่า กำลังจะเป็นฟรีเอเย่นต์ หมดสัญญาปี 2022 นี้ทั้งคู่ และเอาจริงๆเราสามารถติดต่อไปเซ็นฟรีได้เลยล่วงหน้าตั้งแต่มกราคมนี้ด้วยซ้ำ!!!

คือให้ไวเลย สองตัวนี้ดี กลางต่ำตัวตัดเกมธรรมชาติ เรารีบไปเซ็นล่วงหน้าแล้วรอมันย้ายมาซัมเมอร์ก็ได้

เอานะ บอกเลย โคตรอยากได้

อีกคนหนึ่งผมอยากได้ "Ruben Neves" นักเตะอีกคนที่จะมาช่วยสลับเล่นกับ Scott McTominay ได้อย่างดี

เนเวสเป็น "มิดฟิลด์จอมทัพ" ที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง ไม่ว่าจะเป็นตัวต่ำ DLP / ตัวกลาง Mezzala หรือแม้กระทั่งเติมเล่นรุกเป็น "Attacking Midfielder" บุกขึงอยู่แถวสองเหมือนที่ป็อกบาทำก็ได้

(ตัวrole AM กับตัว Playmaker ก็เล่นต่างกันนะครับ ผมคิดว่าเนเวสไม่ถึงกับเป็นตัวเพลย์เมคฯนะ เพราะเขาคือมิดฟิลด์แท้)

Ruben Neves

ไม่งั้น หากทีมไม่สนใจ Neves จริงๆ ก็ยังมีลูกหม้อสายตรง ผู้มีแมนยูเป็นความฝัน และเป็นติ่งพี่โด้ตัวยงอย่าง "Amadou Haidara" นั่นก็สามารถซื้อได้ด้วยค่าฉีกสัญญาเพียงแค่ 33 ล้านปอนด์เท่านั้น

เอาจริงๆ สามตัวนี้ ซื้อมาในราคารวมไม่ถึง 100 ล้านปอนด์ได้ด้วยซ้ำ (Neves £35m + Haidara £33m + Kamara £0m) ไม่ต้องไปเสียเวลาโดนเวสต์แฮมโก่งราคา "Declan Rice" ที่แพงมากๆ

เราไม่เถียง และผู้เขียนก็เขียนบทความบอกมาตลอดว่า มิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในชั่วโมงนี้ เป้าหมายเบอร์หนึ่งคือเดแคลน ไรซ์ ถูกต้องแล้ว แต่ราคาสูงมากจริงๆ และเราควรกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อมิดฟิลด์คนอื่นที่ถูกกว่านี้ แต่ได้ตัวเข้ามาหลายคน และช่วยทีมได้อีกเยอะ

เก่งสุด แต่ซื้อไม่ไหวว้อยยยย

เมื่อนำมารวมกับลูกกรอกคะนองที่จะปั้นขึ้นมาจากอะคาเดมี่อย่าง James Garner น่าจะทำให้แดนกลางแมนยูไนเต็ด แข็งแกร่งไปอีกนานเลย ด้วยจักรวาล McFred + Garner + (Haidara / Neves / Kamara / Zakaria 2ใน4คนนี้)

และนี่คือมุมมอง และทิศทางที่เราควรจะเสริมแดนกลางในอนาคตให้กับ Manchester United ครับ

ก่อนจากกัน ขอเปรียบเทียบสแตทของมิดฟิลด์ 4 ตัวให้ดูกันคร่าวๆแบบที่เปิดพื้นที่ให้ "คนอ่าน" ได้วิเคราะห์กันเองบ้าง โดยที่ผมไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติม ให้คิดกันเอาเองบ้างแล้วกัน วิเคราะห์ให้มาเยอะแล้ว (ฮา)

ผมเชื่อในวิจารณญาณของคนอ่านครับ เพราะงั้น เอาสถิตินี้ไปดู จากเกมลีกครึ่งฤดูกาลแรกในซีซั่นนี้ของ Haidara / Neves / Kamara / Zakaria (สองคนแรกคือตัวคุมเกม สองคนหลังคือกลางต่ำตัวตัดเกม)

ชั่งน้ำหนัก และ เทียบความแตกต่างกันเอาเองนะครับ ผมเชื่อว่าคุณจะต้องมีคำตอบของตัวเองแน่นอนว่า คุณอยากได้ใคร ^^

แต่เอาจริงๆนะ..

ใครก็ได้โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย ซื้อๆมาเถอะ 1 ใน 4 คนนี้ ขอสักตัวก่อน พวกกูไม่ไหวแล้วววววว!!! (ฮา)

"Hail Hydra" Amadou Haidara

ข้อมูลทั่วไป

Haidara : อายุ 23 สูง 175  สโมสรไลป์ซิก / ลงเล่น 13 นัด, 2 ประตู / สินสอด 33 ล้านปอนด์

Neves : อายุ 24 สูง 180 สโมสร วูล์ฟ / ลงเล่น 18 นัด, 1 ประตู 1 แอสซิสต์ / ค่าหัว 35 ล้านปอนด์

Kamara : อายุ 22 สูง 184 สโมสร มาร์กเซย์ / ลงเล่น 16 นัด, 1 ประตู / ค่าตัวโดยประเมิน 20.8 ล้านปอนด์

Zakaria : อายุ 25 สูง 191 สโมสร กลัดบัค / ลงเล่น 15 นัด, 2 ประตู 1 แอสซิสต์ / ค่าตัวโดยประเมิน 22.5 ล้านปอนด์

เรื่องข้อมูลทั่วไป ไม่ว่าจะอายุ ราคา ร่างกาย สถิติการทำประตู+จ่าย ก็ใกล้เคียงกัน แต่ซากาเรีย กับ คามาร่า เป็นสองนักเตะมิดฟิลด์ตัวรับที่แมนยูไนเต็ดไม่ต้องเสียเงินมากมายในการคว้าตัว

เพราะทั้งสองคนจะ contract expired ในปี 2022 นี้ คามาร่าก็เพิ่งปัดต่อสัญญาใหม่กับมาร์กเซย์ไป และทีมยังคงพยายามจะเซ็นขยายสัญญาให้ได้อยู่

เราควรรีบไปเซ้งสองคนนี้มาด่วนๆ เซ็นฟรีล่วงหน้าไปเลย สักคน ใครก็ได้ ดีทั้งนั้น เพราะไม่ต้องจ่ายค่าตัวให้ต้นสังกัด อาจมีแค่ค่าเซ็น ค่าเอเย่นต์ เงินกินเปล่าต่างๆเท่านั้น

ตัวดี ฟรีล้วนๆ ไอ้ตัวกลางก็ด้วย -.,-''

ส่วนเรื่อง เวลาการลงเล่นนั้น จำนวน 13นัดของ Haidara ดูจะทำให้เขาเสียเปรียบคนอื่นๆหน่อยถ้าเอาสถิติปริมาณต่างๆมาวัดกันในซีซั่นนี้ เพราะเอาจำนวนนาทีการลงเล่นทั้งหมดมาหาร 90 จริงๆ โอกาสการทำสถิติในการแข่งเป็นดังนี้

Haidara ลงเล่นแค่ 9.7นัดโดยเฉลี่ย / Neves 16นัดโดยเฉลี่ย / Kamara 13.3นัดโดยเฉลี่ย / Zakaria 14.5นัดโดยเฉลี่ย

ดังนั้น สถิติเชิงปริมาณ หาก Haidara น้อยกว่าคนอื่นบ้างเล็กน้อย ก็อย่าเพิ่งตกใจว่ามันกาก ถ้านัดแต่จำนวนนัดแล้วเอามาเทียบกัน คุณภาพการเล่นเชิงประจักษ์ (fact & stats) มันจะไม่ตรงความเป็นจริง

เนเวสได้จำนวนนาทีการลงเล่นเยอะสุดในบรรดาสี่คนนี้ (16) ส่วนคนที่น้อยที่สุดคือไฮดาร่า (9.7) ไม่ถึง10ด้วยซ้ำ

Denis Zakaria

การจ่ายบอลและเกมรุก

**ต้องเข้าใจบริบทว่า 2คนหลังเป็น "กลางต่ำ" ที่ดูว่าจ่ายแม่นกว่า เพราะมันไม่ใช่ลูกจ่ายทำเกมบุกเหมือนตัวDLPด้วยนะครับ

Haidara : จ่ายบอลสำเร็จ 80.2% / วางบอลยาว 68% / การเล่นที่สร้างโอกาสยิงให้ทีมต่อเกม 1.45

Neves : จ่ายบอลสำเร็จ 81.3% / วางบอลยาว 73.4% / การเล่นที่สร้างโอกาสยิงให้ทีมต่อเกม 1.88

Kamara : จ่ายบอลสำเร็จ 89.5% / วางบอลยาว 73.2% / การเล่นที่สร้างโอกาสยิงให้ทีมต่อเกม 1.58

Zakaria : จ่ายบอลสำเร็จ 90.0% / วางบอลยาว 81.4% / การเล่นที่สร้างโอกาสยิงให้ทีมต่อเกม 1.59

ภาคการปั้นเกมรุก รูเบน เนเวส ดูจะมีภาษีสุดใน 4 ตัวนี้ แต่คนอื่นๆก็ไม่ได้แย่ / ไฮดาร่าเน้นการขับเคลื่อนเกมมากกว่ารุก / สองคนหลังคือมิดฟิลด์ตัวรับ เกมบุกไม่เด่นไม่แปลก แต่ ซากาเรีย ดูจะจ่ายบอลแม่นกว่า คามาร่า พอประมาณ เมื่อเทียบตัวต่อตัวในตำแหน่งกลางตัดเกม

เกมรับ

Haidara : แทคเกิล+ตัดบอล 22 ครั้ง / tackles won 64.28% / บล็อค 22 ครั้ง / เคลียร์บอล 8 ครั้ง / เพรสสำเร็จ 37.6%

Neves : แทคเกิล+ตัดบอล 64 ครั้ง / tackles won 61.53% / บล็อค 21 ครั้ง / เคลียร์บอล 31 ครั้ง / เพรสสำเร็จ 27.4%

Kamara : แทคเกิล+ตัดบอล 56 ครั้ง / tackles won 70.96% /บล็อค 19 ครั้ง / เคลียร์บอล 17 ครั้ง / เพรสสำเร็จ 39.9%

Zakaria : แทคเกิล+ตัดบอล 60 ครั้ง / tackles won 60.0% /บล็อค 36 ครั้ง / เคลียร์บอล 20 ครั้ง / เพรสสำเร็จ 34.6%

ในภาคเกมรับ สองคนที่ตีคู่มาดีมากๆคือ "เนเวส กับ คามาร่า" โดยเฉพาะเนเวส มีมิติการเป็นมิดฟิลด์ที่เล่นเชิงรับได้ดีกว่าที่หลายๆคนคิด (เพราะติดภาพแต่เขายิงลูกไฟแถวสอง+วางบอลยาว) และตัวที่เกมรับแย่สุดคือ Haidara ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะเป็นมิดฟิลด์ขับเคลื่อนเชิงรุก ขนาดยืนต่ำในจุดDMแกยังเล่น DLP เลย

วัดเฉพาะเกมรับ "Hail Hydra" เลยอาจจะดูดรอปกว่าคนอื่นๆเยอะที่มีมิติการยืนต่ำสูงกว่า

มิติการเล่นโฮลดิ้ง

Haidara : เปอร์เซ็นต์การรับบอลสำเร็จ 91.3 / Dribbles Success 75% / ระยะรวมการพาบอลขึ้นหน้า 909 หลา

Neves : เปอร์เซ็นต์การรับบอลสำเร็จ 95.8 / Dribbles Success 75% / ระยะรวมการพาบอลขึ้นหน้า 1460 หลา

Kamara : เปอร์เซ็นต์การรับบอลสำเร็จ 95.4 / Dribbles Success 63.6% / ระยะรวมการพาบอลขึ้นหน้า 1545 หลา

Zakaria : เปอร์เซ็นต์การรับบอลสำเร็จ 95.4 / Dribbles Success 79.3% / ระยะรวมการพาบอลขึ้นหน้า 2104 หลา

ข้อนี้ชัดเจนมากสุดๆ Denis Zakaria คือกลางต่ำที่มีความเป็นโฮลดิ้งมิดฟิลด์สูง และสถิติดีการเล่นในมิติด้านนี้ที่สุดในบรรดา4คน

ส่วนคนอื่นๆ ก็ถือว่ามีสถิติที่ใกล้เคียงกันครับ เอาจริงๆไม่ต่างกันมากนัก ตัวที่น่าสนใจรองลงมาก็คือ Ruben Neves เรื่องการโฮลดิ้ง ที่ดีเยี่ยมมากกว่าอีกสองคนที่เหลือ

เพราะงั้น แมนยูไนเต็ดรออะไรอีกอ่ะ? วิ่งดิเอ็ด เมอร์ทัฟ เฟล็ทเชอร์ อาร์โนลลลลด์

ไปเซ็นมันมาาาาาาา เซ็นฟรีนะเฟ้ย เซ็นฟรี!!!

สถิติอื่นๆ และสถิติโดยรวมจาก whoscored

Haidara : ดวลลูกกลางอากาศชนะ 50 % / Ratingเฉลี่ย 6.65 / จำนวนการยิงต่อเกม 0.9 / แทคเกิลต่อเกม 1 / จ่าย key passes ต่อเกม 0.3 / วางบอลยาวต่อเกม 1.3

Neves : ดวลลูกกลางอากาศชนะ 44.4 % / Ratingเฉลี่ย 6.71 / จำนวนการยิงต่อเกม 1.2 / แทคเกิลต่อเกม 1.9 / จ่าย key passes ต่อเกม 0.8 / วางบอลยาวต่อเกม "6"

Kamara : ดวลลูกกลางอากาศชนะ 68.8 % / Ratingเฉลี่ย 6.75 / จำนวนการยิงต่อเกม 0.7 / แทคเกิลต่อเกม 1.5 / จ่าย key passes ต่อเกม 0.8 / วางบอลยาวต่อเกม 2.4

Zakaria : ดวลลูกกลางอากาศชนะ 48.3 % / Ratingเฉลี่ย 6.86 / จำนวนการยิงต่อเกม 1.2 / แทคเกิลต่อเกม 1.5 / จ่าย key passes ต่อเกม 0.5 / วางบอลยาวต่อเกม 1.7

ข้อสังเกตจากสถิติเพิ่มเติมจากตรงนี้ ทำให้เราเห็นว่า

-ซากาเรียตัวสูงที่สุดจริง แต่ดวลลูกกลางอากาศไม่ดีเลย, ฟอร์มโดยรวมถือว่าโอเคอยู่

-รูเบน เนเวส สถิติเกมรุกเถื่อนจัดๆ วางบอลยาวเยอะชนะคนอื่นขาดลอย และแทคเกิลเยอะโคตรรรรรๆ กว่าที่คิด ทั้งๆที่ไม่ได้เป็น DMจ๋าๆ คือมันเก่งรอบตัวแบบเว่อร์ๆจริงๆ ตัวเนี้ย 35 ล้านปอนด์ คุณควรจ่ายแบบไม่ต้องคิดเยอะ ราคาอาจจะขึ้นเป็น 40ล้าน หรือ 45ล้าน ก็ซื้อๆไปเถอะ ราคาเรทเดียวกับซื้อBruno, AWB หรือ Fred

ของมันต้องซื้ออ่ะ เชียร์จนไม่รู้จะเชียร์ยังไงแล้ว รูเบนเนเวส

-บูบาการ์ คามาร่า สูง 184 อัตราการดวลลูกโหม่งชนะคู่แข่งสูงมาก สถิติเกมรับเยอะและดีโคตรๆ นี่ก็ควรซื้อเช่นกัน

จากสถิติทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ก็ขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณากันเอาเองได้เลยตามสะดวกว่า อยากได้ใคร แต่ถ้าอยากรู้มุมมองของผู้เขียน ขอสรุปสั้นๆได้เลยว่า

เซ็นฟรี Kamara หรือ Zakaria หนึ่งในสองคนนี้มาให้ได้ซะในช่วงซัมเมอร์ หรือเซ็นล่วงหน้ามกราคมนี้ + จ่ายเงิน 35-40 ล้านปอนด์แบบไม่ต้องลังเล

แล้วลาก "Ruben Neves" มาขายวิญญาณให้ปีศาจแดงซะ!!!!!

-ศาลาผี-

References

https://fbref.com/en/stathead/player_comparison.cgi?request=1&sum=0&comp_type=by_type&dom_lg=1&spec_comps=big_5&player_id1=92432bc6&p1yrfrom=2021-2022&player_id2=44bfb6c5&p2yrfrom=2021-2022&player_id3=cc77354e&p3yrfrom=2021-2022&player_id4=384d58d9&p4yrfrom=2021-2022

https://www.transfermarkt.com/denis-zakaria/profil/spieler/334526

https://www.transfermarkt.com/boubacar-kamara/profil/spieler/394327

https://www.transfermarkt.com/amadou-haidara/profil/spieler/402008

https://www.transfermarkt.com/ruben-neves/profil/spieler/225161

https://www.whoscored.com/PlayerComparison

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด