ในวันที่ 16 มกราคม ปี 1999 ซึ่งเป็นปีแห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ในวันนี้ เป็นวันที่ "ยาป สตัม" ทำประตูหนึ่งเดียวของเขาให้กับสโมสร..
ดาวเตะดัตช์แมนรายนี้ขึ้นชื่อโด่งดังมากในเรื่องของเกมรับ และเป็นขวัญใจแฟนบอลอย่างแท้จริงตลอดช่วงเวลาสามฤดูกาลที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ระหว่างปี 1998 ถึง 2001
ซึ่งนั่นคือช่วงเวลาที่เขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียรลีกครบทุกซีซั่น และแน่นอนว่า ปีนั้นสตัมยังพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์สำเร็จ แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน กับชัยชนะเหนือบาเยิร์น มิวนิค ในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกสุดดราม่าที่คัมป์นู
ช่วงระหว่างฤดูกาลอันน่าจดจำในปีนี้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ขยี้เลสเตอร์ซิตี้ ไปอย่างเละเทะ 6-2 ในวันที่ 16 มกราคม 1999
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บ่นลูกทีมที่ทำตัวเองให้ยุ่งยากซะเปล่าๆ จากการเล่นที่ไม่ลงล็อคช่วงเกมครึ่งแรก
แต่สุดท้ายแล้วก็จบลงด้วยชัยชนะแบบเท่ๆ จากลูกยิงของ แอนดี้ โคล และ ดไวท์ ยอร์ค สลับกันยิงอยู่สองคนแบบบ้าคลั่งด้วยฟอร์มอันร้อนแรง และสองคนรวมกันซัดไป "5 เม็ด" (Yorke ยิงแฮตทริก ส่วน Cole ขอเบิ้ล)
บ้าไปแล้ว
วันนั้นสามารถพูดได้เลยว่าเป็นฟอร์มเทพเจ้าจริงๆของทั้งคู่ โดยเฉพาะ "ดไวท์ ยอร์ค" ที่โชว์คลาสสุดๆ ยิงคม เทคนิคสุดยอด ปั้นเกมอย่างเหนือชั้น
แต่ถึงจะอลังการขนาดนั้นก็ตาม การจบสกอร์ด้วยข้างเท้าอย่างแม่นยำของสตัม จากลูกเปิดครอสของ "เดวิด เบ็คแฮม" ที่คอมโบเข้ามาในนัดนั้น จนทำประตูได้
เซ็นเตอร์แบ็คดัตช์รายนี้ยิงผ่านมือของนายทวารอย่าง เคซีย์ เคลเลอร์ ในระยะเผาขนช่วงทดเวลาเจ็บ และเหมือนงงๆ ไม่รู้ว่าจะแสดงท่าดีใจยังไง ทำให้ป๋าเฟอร์กี้ยืนฮาก๊ากอยู่บนเส้นข้างสนาม
"ไม่ว่านักเตะคนไหนก็ตามที่จะต้องมาเล่นที่นี่ด้วยค่าตัวมหาศาลหลังจบทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก และได้มีเวลาพักแค่สิบวันนั้น มันอาจจะเป็นงานที่หนักหนามาก "
"แต่หลักๆที่เห็น ฟอร์มการเล่นของเขานั้นสุดยอดมากตลอดทั้งฤดูกาล แม้จะมีบาดเจ็บและหยุดพักไปสองอาทิตย์ เขาก็กลับมาลงเล่นได้ จากการพักในช่วงเวลาแค่นั้น"
"เคสเดียวกันเลยกับตอนแกรี่ พัลลิสเตอร์ พวกเราจ่ายค่าตัวเขาถึง 2.3 ล้านปอนด์ และเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในตอนนั้น ซึ่งเขามาแล้วก็เริ่มต้นการค้าแข้งที่นี่ได้ไม่ค่อยสวยนัก แถมยังต้องติดยี่ห้อการเป็นนักเตะที่ค่าตัวเป็นสถิติอีก ทุกๆคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียเงินเปล่าแน่ๆ แต่ในที่สุดเขาก็แสดงให้เห็นว่านี่คือการซื้อที่คุ้มค่า และเราคุ้มทุนแล้ว"
"ยาปโดนด่าตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนามในแมตช์ แชร์ริตี้ชิลด์ ที่เจอกับอาร์เซนอล แต่ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรสลักสำคัญในเรื่องนั้น ผมคิดว่าที่เขาเป็นเป้าด่าก็เพราะว่าค่าตัวของเขามันสูงเป็นสถิตินั่นแหละ"
ส่วนทางด้านสตัมกล่าวถึงประตูในตำนานลูกนี้ ซึ่งเป็นลูกเดียวที่เขายิงได้กับเราเอาไว้ว่า
"มันเป็นลูกแรกของผมที่ยิงให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ และมันเยี่ยมมากที่ยิงได้หนึ่งลูก แต่ถึงจะยิงได้ ก็ไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเรื่องในวันนั้น ในเรื่องที่ทีมเรายิงสลุตกันอย่างท่วมท้นแต่อย่างใด"
"ยิงได้แค่ลูกเดียวก็พอแล้วสำหรับผม"
ประตูในตำนาน ลูกเดียวที่สตัมยิงให้แมนู จากลูกครอสจากริมเส้นซ้ายด้วยขวาของพี่เบ็ค ปั่นโค้งงงมาเข้าเท้าสตัม แปกึ่งวอลเล่ย์เข้าไปอย่างโคตรเนี้ยบ
สตัมพูดไว้ระหว่างช่วงเตรียมตัวทำศึกนัดต่อไป ซึ่งเป็นเกมที่โด่งดังที่สุดอีกเกมหนึ่งในการเอาชนะลิเวอร์พูลได้ในเส้นทาง FA Cup ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยผลที่อกมากับชัยชนะของปีศาจแดง 2-1 จากการยิงประตูช่วงท้ายของ ยอร์ค และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และเป็นทางผ่านสู่การคว้าทริปเปิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่เป็นทีมแรกของอังกฤษ
ประตูดังกล่าวของสตัมในบทความนี้ คือประตูหนึ่งเดียวตลอดการค้าแข้งกับโรงละครแห่งความฝันของสุดยอดกองหลังที่แข็งที่สุดคนนึงอย่าง ยาป สตัม ภายใต้สีเสื้อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
และนั่นอาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นึกขึ้นมาในความทรงจำของแฟนผีได้เมื่อนึกย้อนไปถึงชัยชนะท่วมท้นในเกมนั้นที่สนามฟิลเบิร์ต สตรีท สนามเก่าของทีมจิ้งจอก
ยาป สตัม ยิงประตูเดียวให้กับแมนยูไนเต็ดได้ที่สนามแห่งนี้ "Filbert Street Ground"
หลังจากที่สตัมยิงยิงใส่สนามดังกล่าว สนามก็พังทันที (ฮา) หยอกๆ
สามปีหลังจากนั้นสนามก็ถูกทุบทิ้งไปสร้างที่ใหม่ และถูกใช้เป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2002 รวมอายุสนามเก่าเลสเตอร์นับจากก่อตั้งในปี 1891 รวมแล้ว 110 ปี ก่อนที่จะย้ายไปสนามใหม่อย่าง วอล์คเกอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ณ ปัจจุบัน
จากเรื่องราวดังกล่าวแล้ว แม้เขาจะทำประตูแรก และเป็นประตูเดียวได้ คาถ้ำเก่าของจิ้งจอกเลสเตอร์ซิตี้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมุมมอง และความรู้สึกในวันนั้นที่ทีมถล่มแหลกไปครึ่งโหล จากตัวเขา และอีก 5 เม็ดจากคู่หูนิลกาฬแบ่งกันยิง
ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึง "ทัศนคติ" ในการเล่นเพื่อทีม ไม่ใช่เล่นเพื่อตัวเอง
สตัม ไม่ได้มองเรื่องผลงานของตัวเองเป็นสำคัญ แต่เขาต้องการทำเพื่อทีม และนั่นทำให้เขามีมุมมองและความคิดอะไรหลายๆอย่างที่เป็นนักฟุตบอลที่เกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอลอย่างแท้จริง ไม่เหมือนนักเตะในปัจจุบันที่แทบจะมีมุมมองในเรื่องการใช้เป็นอาชีพโกยรายได้มหาศาลให้กับตัวเองอย่างเดียว
และนี่คือเรื่องราวของกองหลังที่ดูแล้วไม่น่าจะมีใครแข็งแกร่งและเดือดส์ได้มากกว่าเขาอีกแล้ว สำหรับผู้เล่นกองหลังของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ความดุดัน โหดเหี้ยม และแข็งแกร่งยังกะร่างเหล็กของเขา จะถูกจดจำไว้เป็นตำนานตลอดกาล
แม้จะมาแค่สั้นๆ แต่ถ้าให้ลิสต์กองหลังที่เก่งที่สุดของแมนยูไนเต็ด จะต้องมีชื่อเขาขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกระดับท็อปทรีอย่างแน่นอน
One of Red Devil's centre-backs legend
ตำนานกำแพงไททันมหึมา.. Jaap Stam
-ศาลาผี-
Referrences
https://www.manutd.com/en/news/detail/jaap-stam-scored-only-man-utd-goal-v-leicester-on-this-day
https://www.lcfcthai.com/lcfc-filbert-street-stadium-sweet-memory/
https://www.youtube.com/watch?v=MNCluYlbiCc
