อีกครั้งที่ เอสซีจี เมืองทอง ออกเดินตามฝันบนถนนลูกหนังสายเอเชีย (ที่ไม่ได้เริ่มต้นจาก อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา) หลังปีกลาย “กิเลนผยอง” ถีบตัวเองเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบหักปากกาเซียน ก่อนโดนเฆี่ยนด้วยน้ำมือแชมป์เจลีก จาก จ.คานางาวา อย่าง คาวาซากิ ฟรอนทาเล
ตัดฉากสภาพแวดล้อมที่ชวน “ไข่หด” ออกไป เพราะการบุกเยือนแดนปลาดิบทุกครั้ง ของตัวแทนแดนปลาแดก เรื่องความหนาวทุกคนแทบจดไว้ในพจนานุกรมสมอง ฉะนั้นการทำการบ้านของทีมที่เกาะนกเหล็กไปลง นาริตะ ก่อนถึง 3 วัน จึงเปรียบเสมือนทดลองปรับสภาพร่างกายในตัว
เหลียวมามองคู่แข่ง คาชิวา เรย์โซล ภายใต้สนาม ซังเคียว ฟรอนเทียร์ คาชิวา สเตเดียม (ชื่อรังเหย้าใหม่) อาจไม่ใช่สังเวียนขนาดใหญ่ กับความจุไม่ถึง 16,000 ที่นั่ง ทว่าอัตราการรับแขกผู้มาเยือนสามารถทำให้ขนตูดชูชันระดับ 8 ได้
ความที่อัฒจันทร์แฟนบอลอยู่แทบติดขอบสนาม จึงทำให้สังเวียนแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งนรกทีมเยือนเจลีก (หากคิดภาพไม่ออก ลองนึกถึง แพท สเตเดียม ของการท่าเรือ) ซึ่งต่างจากที่ โทโดโรกิ หรือ อิบารากิ ที่ เมืองทองฯ เคยไปเยือนในฤดูกาลก่อน
จุดแข็งของเรย์โซล คือพวกเขาเป็นสโมสรที่เสริมทัพเพียงจำกัดจำเขี่ย ไม่ได้กว้านซื้อแบบบ้าบอ แต่เลือกใช้ผู้เล่นดาวรุ่งจากอะคาเดมี ถีบขึ้นมาผสมกับแข้งที่มีอยู่ รวมกับผู้เล่นต่างชาติฝีเท้าดี จนเปลี่ยน “ซันคิงส์” เป็นทีมหัวตาราง ทั้งที่มีผู้เล่นทีมชาติไม่กี่ราย (ค่าเฉลี่ยอายุนักเตะเรย์โซลปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 24-25 ปี)
เรย์โซล ในยุคของ ทาคาฮิโระ ชิโมไทระ อาจไม่ได้มีเกมรุกที่เกรี้ยวกราด แต่เกมรับแน่นและมีความสมดุลดี การเสียประตูน้อยเป็นอันดับ 4 ในลีกซีซั่นที่ผ่านมาคือคำตอบ
แนวรับมีแข้งอย่าง จิโระ คามาตะ และ ยูตะ นาคายามา ที่เปรียบเสมือนคู่หูกองหลังตัวกลาง โดยมีแข้งอย่าง ยุน ซอค-ยอง ที่มีประสบการณ์กับ บรอนด์บี ในลีกเดนมาร์ก เป็นตัวเลือก
การปล่อย นาโอกิ วาโกะ แบ็กซ้ายจอมบุกออกไป แต่ทีมได้ มาซาชิ คาเมะคาวะ คนหนุ่มวัย 24 จาก อวิสปา ฟุกุโอกะ มาทดแทน ทำให้รอยรั่วตรงนี้แทบไร้ปัญหา หรือจะเป็นในแดนกลางที่ 2 กำลังหลักอย่าง ยูกิ โอตสึ และ โคสึเกะ ทาเคโตมิ ย้ายไปอยู่ มารินอส กับ เรดส์ ตามลำดับ แต่ทีมก็ได้ทาง เคย์ โคอิซูมิ จาก อัลบิเร็กซ์ และ อาตารุ เอซากะ มาจาก อาร์ดิจา (รายหลังรับบทจอมทัพหมายเลข 10)
แนวรุกทีมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง การเสีย จุนยะ ทานากะ ออกไปตะบันชีวิตที่ยุโรป ทว่าทีมก็ดึง มาซาคัตสึ ซาวะ ที่ค้าแข้งในอเมริกาใต้กับลีกเปรู กลับมาช่วยทีมอู่ข้าวอู่น้ำอีกครั้ง
เช่นเดียวกับกองหน้าที่ดาวยิงประจำทีมอย่าง คริสเตียโน่ ยังอยู่ สำหรับฉันหมอนี่คือนักเตะที่ เมืองทองฯ คาดสายตาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นผู้เล่นประเภทครบเครื่อง ทั้งยิง จ่าย ลูกนิ่ง แข้งหมายเลข 9 รายนี้รับเหมาหมด (สถิติปีที่แล้ว ยิง 12 จ่าย 10) รวมถึงปีกตัวเก่งอย่าง จุนยะ อิโตะ ที่ถูก วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช เรียกติดทีมชาติไปไม่นานนี้
ตัดมาที่ เอสซีจี เมืองทอง แม้จะเสีย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ไปคว้าฝันที่เบลเยี่ยม แต่มือรองอย่าง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล แทนที่ ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหา
แนวรับอย่าง ทริสตอง โด, เซลิโอ ซานโตส, อดิศร พรหมรักษ์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา หรือ นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ อยู่ครบถ้วน แม้การขาด นาโออากิ อาโอยามะ ไปจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเสียดายก็ตาม
แดนกลางการได้ เฮแบร์ตี ที่มีประสบการณ์ในเจลีก มาเสริมเติมแต่ง เมื่อรวมกับ อี โฮ และ สารัช อยู่เย็น ส่งให้แดนกลางทีมสมบูรณ์ไม่แพ้ปีก่อน เช่นเดียวกับแดนหน้า ชาชา โคเอลโญ แทบไม่ต่างจากตัวแทนของ ซิสโก ฆิมิเนซ ในถ้วยเอเชียปีก่อน
ที่สำคัญแมตช์นี้เป็นการสั่งลาคร่าวๆของ ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา ก่อนเปลี่ยนสีเสื้อ น่าสนใจว่าจะโชว์ผลงานได้สะเด่าแค่ไหนเพื่อเป็น “ของขวัญ” ให้ทีมก่อนไปตะบันชีวิตในแดนอาทิตย์อุทัย
ทีมหนึ่งต้องการประกาศศักดิ์ดาในถ้วยเอเชีย หลังเคยไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อปีกลาย ทีมหนึ่งต้องการทวงคืนวันดีดีเหมือนปี 2013 ที่เคยไปไกลถึงรอบตัดเชือก กล่าวคือทั้งคู่มีความ “กระหาย” ในโทรฟี่ เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ไม่ต่างกัน
ในอดีตตัวอทนจาก จ.จิบะ เคยแพ้ให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อ 6 ปีก่อน รวมถึงเมื่อ 3ปีก่อนเคยถูก ชลบุรี เอฟซี สร้างความปั่นป่วนจนต้องเหนื่อยถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกมวันอังคารนี้จะออกมา “ครบรส” และอัตราความนุก 80 ตีนถีบ
เพราะทั้งสองต่างถนนลูกหนังสายนี้เป็นเดิมพัน
