:::     :::

สาเหตุความตกต่ำของตราหมี

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม 2565 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,824
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แอตเลติโก มาดริด กระเด็นตกรอบ 16 ทีมของศึก โกปา เดล เรย์ หลังการพ่ายต่อ เรอัล โซเซียดาด 0-2 ตอกย้ำซีซั่นที่เลวร้ายของทีมตราหมียุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤตมากสุดนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ แอตเลติโก มาดริด ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2011 หลังการปราชัยต่อ เรอัล โซเซียดาด 0-2 กระเด็นตกรอบ 16 ทีมของศึก โกปา เดล เรย์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

ซิเมโอเน่ เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ของ แอตเลติโก มาดริด ต่อจาก เกรกอรีโอ มานซาโน่ ทำสถิติคุมทีมตราหมีลงเล่นรวมกัน 556 เกม ชนะ 328 เสมอ 131 แพ้ 97 

เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์วัย 51 ปี นำทัพตราหมีคว้าแชมป์ 8 รายการ ทั้ง ลา ลีกา (2013-2014 และ 2020-2021), โกปา เดล เรย์ (2012-2013), ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า (2014), ยูโรปาลีก (2011-2012, 2017-2018) และ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ (2012, 2018) รวมถึงการผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้ง (2013-2014, 2015-2016)


ทว่า แอตเลติโก มาดริด ทำผลงานในซีซั่นนี้ย่ำแย่ พวกเขาพลาดท่าพ่าย แอธเลติก บิลเบา 1-2 ตกรอบรองชนะเลิศของศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า หรือ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ที่กรุงริยาดห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ก่อนจะหงายเก๋งตกรอบ โกปา เดล เรย์ อีกหนึ่งรายงาน หลังพ่ายต่อ เรอัล โซเซียดาด ในรอบ 16 ทีมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

แอตเลติโก มาดริด ยังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากบนเวทีลีกา แม้ปัจจุบันจะอยู่อันดับ 4 ของตาราง แต่แทบจะไม่เหลือโอกาสป้องกันแชมป์แล้วจากการตกเป็นฝ่ายตามหลังจ่าฝูง เรอัล มาดริด ถึง 16 คะแนน แม้ว่าจะลงเล่นน้อยกว่าหนึ่งเกมก็ตาม

ทีมตราหมียังมีความสุ่มเสี่ยงต่อการพลาดตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกเนื่องจากมี 33 คะแนนเท่าอันดับ 5 เรอัล โซเซียดาด ขณะที่ บาร์เซโลน่า กับ ราโย บาเยกาโน่ ไล่หลังเพียง 1 กับ 2 แต้มตามลำดับ ส่วน บียาร์เรอัล, บาเลนเซีย, แอธเลติก บิลเบา หรือ เอสปันญ่อล ก็อยู่ไม่ไกลจากทีมของเทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์มากนัก 

แอตเลติโก มาดริด ยังมีคิวลงดวลกับ แมนฯยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่จากพรีเมียร์ลีกในอีกหนึ่งรายการที่ยังเหลือลุ้นอยู่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์กับวันที่ 15 มีนาคมนี้ 


จากผลงานข้างต้นทำให้ ซิเมโอเน่ กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยุ่งยากมากสุดนับจากทำงานฐานะเทรนเนอร์ทีมตราหมีตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2011 แต่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ยังเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะฝ่าฟันอุปสรรคจนสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ 

'วิธีเดียวที่จะปรับปรุงได้คือการช่วยเหลือนักฟุตบอลของเรา ทำให้พวกเขามั่นใจและรู้สึกสบายใจในห้วงเวลานี้เมื่อสถานการณ์กำลังเกิดภาวะแทรกซ้อน' ซิเมโอเน่ กล่าวหลังเกมพ่าย เรอัล โซเซียดาด 0-2

'มันเป็นเกมยาก เรอัล เริ่มต้นได้ดี จากนั้นเรามีโอกาสเดียวของ (ยานนิค) การ์ราสโก้ การปล่อยให้พวกเขานำ 2-0 และทำลายโมเมนตัมแง่บวกใดๆ เรายังมีโอกาสเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวของ (มาเธอุส) กุนญ่า แต่เราอยู่ในช่วงที่หลายคนพูดว่าไดนามิกไม่ดี'

'แต่แค่คิดบวก ผมมองโลกแง่ดีและเชื่อมั่นใจในนักเตะของผมเสมอ มันเป็นปัญหาของฟุตบอล, ของชีวิต ทุกวันไม่เหมือนเดิม ฤดูกาลที่แล้วงดงามมาก และฤดูกาลนี้พิสูจน์แล้วว่ายากมาก แต่โอกาสยังอยู่ที่นั่น เรายังมีทั้ง ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก' ซิเมโอเน่ กล่าว


'มาร์ก้า' ได้วิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้ทีมของ ซิเมโอเน่ ทำผลงานต่ำกว่าระดับมาตราฐานในฤดูกาลนี้มาจาก 7 ปัจจัยสำคัญดังนี้

1.เกมป้องกันอ่อนแอ

มันกลายเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่เกมป้องกันของ แอตเลติโก มาดริด กลายเป็นจุดอ่อนของทีมในฤดูกาลนี้ ทั้งที่ ซิเมโอเน่ สร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับของวงการลูกหนังในด้านความแข็งแกร่งของการเล่นเกมรับ แต่นี่ไม่ใช่กรณีศึกษาอีกต่อไป

ทีมตราหมีเคยขึ้นชื่อว่ามีเกมป้องกันที่แข็งแกร่ง เหนียวแน่น จนมีส่วนทำให้ ยาน โอบลัค นายทวารทีมชาติสโลวีเนียคว้ารางวัล 'โตรเฟโอ ซาโมร่า' หรือผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ ลา ลีกา 5 สมัย จากการเสียประตูน้อยสุดของลีกเมืองกระทิงในฤดูกาล 2015-2016, 2016-2017, 2017-2018, 2018-2019 และ 2020-2021

ทว่า แอตเลติโก มาดริด กำลังประสบปัญหาจากการเล่นเกมรับย่ำแย่ในซีซั่นนี้ทั้งการรับมือลูกตั้งเตะและการก่อความผิดพลาดในแนวป้องกัน ขณะที่คู่แข่งยังฉวยโอกาสได้จากความอ่อนแอในการเล่นเกมรับของทีมตราหมีด้วยเช่นกัน


2.เกมรุกฝืด 

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เซ็นสัญญากับ 2 กองหน้าเพิ่มเติมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทั้งการดึง อองตวน กรีซมันน์ กลับมาจาก บาร์เซโลน่า ด้วยสัญญายืมตัว ขณะที่ มาเธอุส กุนญ่า แนวรุกชาวบราซิเลียนวัย 22 ปีถูกดึงมาจาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำประตูร่วมกับผู้เล่นเก่าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ชูเอา เฟลิกซ์ และ อังเคล กอร์เรอา 

ทว่าทั้ง กรีซมันน์ กับ มาเธอุส กุนญ่า ยังไม่สามารถตอบโจทย์ที่ทีมตราหมีคาดหวัง หลังการยิงบนเวทีลีกาซีซั่นนี้ได้เพียงคนละ 3 ประตูเท่านั้น

ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ กับ ชูเอา เฟลิกซ์ ทำผลงานแย่กว่าฤดูกาลที่ผ่านมาชัดเจน โดยยิงเพียง 7 กับ 2 ประตูตามลำดับ โดยเฉพาะแนวรุกชาวโปรตุกีสที่มีข่าวลือว่าไร้ความสุขในการค้าแข้งกับทีมตราหมีจนต้องการย้ายออกจากถิ่น 'ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่' ส่วน อังเคล กอร์เรอา เป็นผู้เล่นแนวรุกที่ทำผลงานเด่นสุดจากการยิง 7 ประตู แต่ผลงานของแนวรุกชาวอาร์เจนไตน์ยังไม่สามารถทดแทนความฝืดของกองหน้าคนอื่นของทีมตราหมี


3.ปัญหาบาดเจ็บ

แอตเลติโก มาดริด เผชิญกับปัญหานักเตะบาดเจ็บและติดเชื้อโควิดไม่ต่างจากสโมสรอื่น โดยมีเฉพาะ ยาน โอบลัค, อังเคล กอร์เรอา, โรดรีโก้ เด ปอล, มารีโอ เอร์โมโซ่ กับ เบนฌาแม็ง เลอกอมต์ เท่านั้นที่ยังไม่เคยถูกอาการบาดเจ็บพรากไปจากสนามในซีซั่นนี้ 

จากปัญหาดังกล่าวทำให้ ซิเมโอเน่ ต้องเลือกใช้แบ็กโฟร์ลงเล่นเกมเยือน เรอัล โซเซียดาด บนเวทีโกปา เดล เรย์ รอบ 16 ทีมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยต้องใช้งานผู้เล่นที่ปกติมักจะเป็นสำรองอย่าง เฟลีเป้ มอนเตยโร่ กับ ชีเม่ เวอร์ซัลโก้ ลงเล่นตัวจริง 

ในขณะเดียวกันผู้เล่นแกนหลักสำคัญอย่าง มาร์กอส ยอเรนเต้, อองตวน กรีซมันน์, โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ, โตม่าส์ เลอมาร์ หรือ สเตฟาน ซาวิช ต่างบาดเจ็บในฤดูกาลนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง

นั่นเป็นปัญหาที่ ซิเมโอเน่ ต้องแก้ไขเฉพาะหน้ามาตลอดฤดูกาลนี้ 


4.การจากไปของ ทริปเปียร์

แอตเลติโก มาดริด ตัดสินใจปล่อย คีแรน ทริปเปียร์ ฟูลแบ็กชาวอังกฤษย้ายไปเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์บวกโบนัสอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากแบ็กวัย 31 ปีต้องการย้ายกลับบ้านเกิด 

ทว่าการย้ายทีมดังกล่าวผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ แต่ แอตเลติโก มาดริด ยังไม่ตอบสนองต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น พวกเขายังไม่สามารถหาตัวแทนของ ทริปเปียร์ ทั้งที่มันมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวป้องกัน ในขณะที่การบาดเจ็บของนักเตะกำลังส่งผลกระทบต่อทีม 

แม้พวกเขาจะมีข่าวเชื่อมโยงกับ ดาเนียล วาสส์ แข้งชาวเดนส์ของ บาเลนเซีย ซึ่งเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์และแบ็กขวา ทว่ายังไม่ความคืบหน้ามาจนถึงปัจจุบัน 


5.ระบบไม่เวิร์ค

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เริ่มต้นฤดูกาลระบบ 3-5-2 ซึ่งช่วยพวกเขาคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงซีซั่นที่แล้ว แต่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ต้องปรับมาเล่นแบ็กโฟร์อีกครั้ง เนื่องจากการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ 

อย่างไรก็ตามระบบ 4-4-2 กลับไม่เวิร์คอย่างที่ ซิเมโอเน่ คาดหวังในเกมเสมอ บียาร์เรอัล 2-2 ก่อนจะปรับมาเล่นระบบ 3 เซนเตอร์อีกครั้ง แต่ก็ยังพ่ายต่อ แอธเลติก บิลเบา 1-2 ในรอบตัดเชือกของศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า และหวนกลับมาใช้แบ็กโฟร์ในเกมพ่าย เรอัล โซเซียดาด 0-2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

6.นักเตะฟอร์มตก 

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า อังเคล กอร์เรอา แนวรุกชาวอาร์เจนไตน์วัย 26 ปีเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวของทีมตราหมีที่ทำผลงานโดดเด่นในซีซั่นนี้ ขณะที่ โตม่าส์ เลอมาร์ กับ ยานนิค การ์ราสโก้ ขาดความสม่ำเสมอ 

ส่วน ฆอร์เค่ เรซูร์เรกซิออน โกเก้ มิดฟิลด์กัปตันทีมฟอร์มตกเช่นเดียวกับนักเตะทีมตราหมีอีกหลายคนจนไม่สามารถช่วยทีมพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างที่เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์คาดหวัง


7.'เอล โชโล่'หมดมุก

การทำงานมานานกว่าทศวรรษและประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมอาจนำไปสู่จุดอิ่มตัวของเทรนเนอร์หลายคน และ ซิเมโอเน่ อาจอยู่ในข่ายนั้น 

เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ล้มเหลวในการค้นหาวิธีพลิกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมตราหมี เขาพยายามแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยน 11 ผู้เล่นตัวจริงและย้ายนักเตะไปยังตำแหน่งต่างๆในสนามอย่างต่อเนื่อง ทว่ามันไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น

อีกทั้งการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็ไม่ปังเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น อองตวน กรีซมันน์, โรดรีโก้ เดอ ปอล หรือ มาเธอุส กุนญ่า ส่วน เบนฌาแม็ง เลอกอมต์ ไม่มีผลใดๆเนื่องจากย้ายมาเพื่อรับบทแบ็คอัพของ ยาน โอบลัค เท่านั้น

ดังนั้น ซิเมโอเน่ จึงต้องนำปรัชญาเกมต่อเกมของเขามาสู่ทีมอีกครั้ง โดยเฉพาะการมุ่งเน้นเพื่อเอาชนะทีมค้างคาวในวันเสาร์นี้เพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อสตาฟฟ์เทรนเนอร์และนักเตะในความพยายามเพื่อกลับสู่เส้นทางอย่างที่คาดหวัง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})