:::     :::

ลุ้นท็อปโฟร์เต็มตัว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล หมดลุ้นฟุตบอลถ้วยทุกรายการในฤดูกาลนี้เป็นที่เรียบร้อยหลังตกรอบตัดเชือกคาราบาว คัพ เป็นรายการล่าสุด

มิเกล อาร์เตต้า ไม่สามารถพาทีมคว้าตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้หลังเค้นฟอร์มไม่ออกกับการเล่นในบ้านตัวเองนัดสองและพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล ไปในที่สุด 

นัดแรกที่แอนฟิลด์ "ปืนใหญ่" สู้ได้ดีเกินคาดกับสถานการณ์ที่ขาดผู้เล่นไปหลายคนและได้ใบแดงตั้งแต่ 24 นาทีแรก พวกเขาช่วยกันควักผลเสมอ 0-0 กลับออกมาได้

แต่นัดสองที่น่าจะทำได้ดีขึ้นด้วยความได้เปรียบกับการเล่นในบ้าน และตัวผู้เล่นดีกว่านัดแรกด้วย ทว่ากลับเล่นไม่ดีเหมือนนัดแรกและต้องจบเส้นทางเพียงแค่นี้

อาร์เตต้า ได้ผู้เล่นหลายคนกลับมาเป็นตัวเลือกอีกครั้งไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด ที่หายจากโควิด ขณะที่ เอมิล สมิธ โรว์, ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ และ คีแรน เทียร์นีย์ ต่างหายเจ็บกลับมาลงสนามได้ทั้งหมด

เซอร์ไพรส์สุดคือได้ โธมัส ปาร์เตย์ มีชื่อเป็นสำรองหลังเพิ่งเดินทางกลับมาจากไปเล่นให้ทีมชาติกานาในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ที่ประเทศแคเมอรูน

ส่วน ลิเวอร์พูล ก็จัดชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดิโอโก้ โชต้า ต่างลงสนามกันหมด ขาดก็เพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่ยังติดภารกิจกับทีมชาติ

ช่วง 15 นาทีแรก อาร์เซน่อล ทำได้ดีกว่าชัดเจน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ขึ้นเกมรุกฝั่งซ้ายได้บอลบุกตะลุยสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับหงส์ไม่น้อย 

ทว่า ลิเวอร์พูล ที่บุกน้อยกว่ากลับเป็นฝ่ายได้ประตูออกนำจากความสามารถของ โชต้า ที่ได้บอลฝั่งซ้ายก่อนเลี้ยงหนี โทมิยาสึ จนเข้าถึงหน้าเขตโทษแล้วยิงหักข้อส่งบอลหนีมือ อาร่อน แรมส์เดล เข้าไป


มาร์ติเนลลี่ โดนรุมอย่างหนัก

หงส์แดงมีโอกาสจะแจ้งครั้งแรกและทำได้เลย ต่างจากนัดแรกที่ตลอดทั้งเกมยิงเข้ากรอบครั้งเดียว 

ประตูของ โชต้า ทำเอาเกมรุกของ อาร์เซน่อล ที่เริ่มต้นได้ดีชะงักไปในทันที และเป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ที่ต่อบอลกันได้มากขึ้นและเป็นฝ่ายคอนโทรลเกมได้ดีกว่า

ในช่วงก่อนเกม จุดที่หลายคนเป็นห่วง อาร์เซน่อล มากสุดคือกองกลางที่เหลือ แซมบี้ โลคองก้า คนเดียวเพราะ กรานิต ชาก้า ติดโทษแบน ขณะที่ ปาร์เตย์ เพิ่งกลับมา อาร์เตต้า จึงเลือกถอย โอเดการ์ด ลงไปช่วย โลคองก้า ในแดนกลาง และมี สมิธ โรว์ รับหน้าที่ปั้นเกม

โลคองก้า เล่นได้ดีทีเดียวกับภาระหนักต้องตัดเกมคนเดียว กองกลางทีมชาติเบลเยียมวิ่งไปทั่วสนามและเก็บบอลได้หลายครั้ง ไม่ได้กลายเป็นจุดอ่อน

แต่จุดที่ อาร์เซน่อล ทำได้ไม่ดีคือ "เกมรุก"

มาร์ติเนลลี่ ได้บอลมากสุด แต่พอผ่าน 15 นาทีแรกไปก็เจองานหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เทรนท์ อาร์โนลด์ เริ่มปิดมุมได้ ไม่ปล่อยให้ผ่านง่ายๆ อีกทั้งมี เคด กอร์ดอน ดาวรุ่งวัย 17 ปีคอยช่วยอีกแรง 

ดาวรุ่งปืนโตมีทักษะและความสามารถเฉพาะตัวที่ดี กล้าเล่นและมั่นใจ แต่เมื่อเจอรุมสองแทบทุกจังหวะก็ไปลำบาก อีกทั้งยังฝืนเล่นคนเดียวเกินไป ทำให้เพื่อนร่วมทีมที่รอรับบอลกะจังหวะไม่ถูก 

เมื่อ มาร์ติเนลลี่ ไม่ได้เปิดบอลในจังหวะที่ควรเปิด อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ จึงต้องถอยออกจากเขตโทษมาช่วยรับบอล ตำแหน่งหน้าเป้าจึงไม่ได้ปักหลักตามตำแหน่งอย่างที่ควรจะเป็น

ยิ่งในครึ่งหลัง การประสานงานในเกมรุกของ อาร์เซน่อล ยิ่งมีน้อย เอมิล สมิธ โรว์ เล่นเหมือนไม่ฟิตเต็มร้อย จ่ายพลาดง่ายๆ หลายครั้ง ขณะที่อีกฝั่ง บูคาโย่ ซาก้า ก็เจอบททดสอบสุดหินโดน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ประกบติดจนพลิกลำบาก 

เมื่อเกมรุกของ อาร์เซน่อล ไม่สามารถเล่นร่วมกันได้ ลิเวอร์พูล ก็เพียงรอตัดบอลและโจมตีเร็วเหมือนเช่นจังหวะที่ มาร์ติเนลลี่ เสียบอลตอนทำเกมรุก ก่อนเป็น เทรนท์ วางยาวให้ โชต้า หลุดไปยิงตุงตาข่ายซึ่งมีการเช็กวีเออาร์ยืนยันว่าไม่ล้ำหน้า 

จังหวะแบบนี้ อาร์เซน่อล เสียท่าหลายครั้ง จากที่กำลังทำเกมรุกกลายเป็นโดนสวนกลับเร็วและไม่สามารถตั้งขบวนในเกมรับได้ทัน แค่ยืนพลาดนิดเดียวก็โดนลงโทษทันที


โชต้า เหมาทั้งสองประตูของ ลิเวอร์พูล

โชต้า ไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียวในนัดแรก แต่นัดสองคือตัวชี้ขาดชัยชนะอย่างแท้จริงเพราะโอกาสสองครั้งแรกที่ได้ง้างกลายเป็น 2 ประตูทันที

อาร์เซน่อล ได้โอกาสจะแจ้งก่อนจากฟรีคิกของ ลากาแซ็ตต์ ที่โดนปัดชนคานในช่วต้นเกม แต่โอกาสครั้งแรกของ ลิเวอร์พูล ลงเอยด้วยการได้ประตู นี่คือแตกต่างชัดเจนที่ชัดเจน 

ในครึ่งหลังที่สถานการณ์ของ อาร์เซน่อล ไม่ดีขึ้น อาร์เตต้า จำต้องเข็น โธมัส ปาร์เตย์ ที่เพิ่งเดินทางจากแคเมอรูนกลับถึงลอนดอนในช่วงเที่ยงของวันลงสนามเพื่อหวังเป็นตัวพลิกสถานการณ์ 

ทว่าจากนั้นไม่นานก็เป็น โชต้า ที่ทำประตูที่สองและทำให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของ ลิเวอร์พูล

ความตั้งใจที่อยากช่วยทีมทำให้ ปาร์เตย์ เข้าบอลผิดจังหวะถึงสองครั้งที่ได้ใบเหลืองทั้งหมด เขาถูกไล่ออกทั้งที่ลงเล่นเป็นสำรอง ไม่สามารถเป็น "ไพ่เด็ด" ให้ทีมได้

อาร์เซน่อล จึงหยุดเส้นทางที่เพียงรอบตัดเชือก และไม่เหลือฟุตบอลถ้วยรายการอื่นใดให้ต้องลุ้นอีกแล้วเพราะก่อนหน้านี้ก็พลิกล็อกตกรอบเอฟเอ คัพ ตั้งแต่นัดแรก ทำให้ความหวังสุดท้ายอยู่ที่ในลีกอย่างเดียวกับการทำอันดับลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์

จากความปราชัยล่าสุดยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นว่าขุมกำลังของทีมมีปัญหาจริงๆ ในตำแหน่งกองกลางและหน้าเป้า แค่นัดต่อไปในลีกที่ต้องลงสนามก็ขาดทั้ง กรานิต ชาก้า และ โธมัส ปาร์เตย์ ที่ติดโทษแบนไปพร้อมกัน

หากไม่ได้กำลังเสริมก่อนตลาดหน้าหนาวปิดตัวลงในอีกราวสิบวันต่อจากนี้ เป้าหมายท็อปโฟร์ของ มิเกล อาร์เตต้า คงต้องลุ้นเหงื่อตกกลีบแน่นอน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด