:::     :::

ชัยชนะ หยุดพัก และหลังจากนี้

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,301
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บรรยากาศร้อนระอุกับชัยชนะแบบที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โหยหามานานและการโกงความตายช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้าย

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ดีเพราะรูปเกมจากนัดล่าสุดรวมไปถึงความสำคัญของ 3 คะแนนมันทำให้อารมณ์สาวกปิศาจแดงถูกบีบรัดจนตึงเครียด

วินาที มาร์คัส แรชฟอร์ด ส่งบอลเข้าประตูไปหลายคนเฮสุดเสียงปลดเปลื้องความอัดอั้นที่ฝังอยู่ในใจ โดยเฉพาะบรรดานักเตะที่วิ่งถลาดีใจเสียยกใหญ่

แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่แน่ใจเพราะต้องเรียนตามตรงว่าวินาทีนั้นอาจะโดนขัดจังหวะและเสียอารมณ์เพราะ 'วีเออาร์'

คนที่คิดเช่นนั้นก็มีเหตุผลสนับสนุนในตัวเอง เพราะต้องยอมรับว่าจังหวะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมันมีความก้ำกึ่งว่า เอดินสัน คาวานี่ 'ล้ำหน้า' หรือไม่ ข้อสงสัยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่สนามอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข่องในนัดนั้นก็สงสัยตามกันไปด้วย

หลังจากมีการตรวจสอบภาพช้าจากทีมงานผู้ตัดสินที่ดู วีเออาร์ ปรากฏว่าหัวหอกอุรุกวัยอยู่ในไลน์พอดิบพอดี เป็นอันว่าคลายข้อสงสัยให้แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด แต่มันไม่ใช่กับแฟนบอลทีมอื่นๆ 

ข้อถกเถียงทาง ทวิตเตอร์ โดยเฉพาะแฟนบอลต่างประเทศข้อแรกคือ 'ทำไม พรีเมียร์ลีก ถึงไม่แสดงภาพช้าหรือภาพในการวัดเส้น้ำหน้าหลังจากมีการตรวจสอบทันที?' เรื่องนี้มีทั้งแฟนบอลผีแดงหรือทีมอื่นๆ ระบุว่าอาจจะเป็นเพราะหลังจากเอาบอลมาเขี่ยไม่กี่วินาทีผู้ตัดสินเป่าจบเกม ทำให้กล้องในสนามต้องตามไปเก็บภาพบรรยากาศซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในตอนนั้น ทั้งสีหน้าท่าทางของทั้งสองทีมและเสียงเชียร์ในสนาม แต่หลังจากการถ่ายทอดจบลงและเป็นการวิเคราะห์หลังเกมก็ได้มีการนำภาพช้าหรือภาพการตีเส้นปรากฏขึ้นมาให้เห็น แต่มันก็ยังไม่คลายความสงสัยหรือแคลงใจจากแฟนบอลทีมอื่นๆ อยู่ดี

บางคนคิดเป็นทฤษฎีสมคบคิดเสียยกใหญ่ แซวกันว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือเปล่า ก็ขออธิบายง่ายๆ ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แมนฯ ยูไนเต็ด คงไม่จมปลักอยู่ในโซนที่ 4-7 มาเป็นเดือนๆ เช่นนี้ และต่อให้มีผลงาน 'ส้นตีน' เพียงใดก็คงรั้งจ่าฝูงกระดกเท้าสบายๆ จากการใช้งานมือที่มองไม่เห็นตามที่แฟนบอลที่มีอคติคิดกันไปเอง 

แฟนบอลเหล่านี้ดีแต่ตั้งคำถามเวลาทีมอื่นๆ ได้ประโยชน์แบบมีอคติ แต่กลับไม่เคยตั้งคำถามกับทีมที่ตนเองเชียร์เวลาที่ได้ประโยชน์ ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และบอกว่า 'ก็วีเออาร์ตัดสินมาแล้ว' หรือ หายตัวไปเงียบๆ รอวันที่มี 'ดราม่า' ของทีมอื่นๆ เกิดขึ้นแล้วค่อยมาผสมโรง

เรื่องเหล่านี้มันก็ 'ร้อยพ่อพันแม่' เพราะแต่ละคนมีความคิดต่างกัน เราไม่สามารถไปห้ามให้คนๆ นั้นมีอคติหรือคิดเชิงลบกับฝ่ายตรงข้ามได้ มีเพียงการอธิบายตามเหตุผลซึ่งก็ต้องมาลุ้นอีกว่า 'พวกแม่-' จะยอมรับฟังหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่คนเหล่านี้มีจุดประสงค์เข้ามาปั่นหรือ 'เกรียน' ก็เท่านั้น ไม่ได้เข้ามาเพื่อถกเถียงอย่างมีเหตุผลเพื่อหาความจริงหรือสิ่งที่ถูกต้อง

กลับไปที่เกมนัดล่าสุด นอกเหนือจาก 3 คะแนนสำคัญที่ได้มาในช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้าย ซึ่งถือเป็นรื่องหลัก แต่สิ่งที่น่ากังวลก็ยังปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง นั่นคือการประสานงานในแดนหน้าที่ยังติดๆ ขัดๆ ขาดๆ เกินๆ แต่โชคดีที่จังหวะทำประตูชัยเป็นการทำเกมที่ลงตัวเหมาะเจาะพอดี

มันคือการบ้านในช่วงเวลานับจากนี้ก่อนจะถึงเกมต่อไปในศึก เอฟเอ คัพ ที่จะเปิดบ้านดวล มิดเดิลสโบรช์ (ศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์) ซึ่งถือเป็นช่วงเวลา 'ทอง' ของ ราล์ฟ รังนิก ในการกลับไปขบคิดและหาวิธีการผลักดันทีมให้เดินหน้า

ไม่ต่างไปจากนักเตะที่จะได้โอกาสพักแข้งจากความอ่อนล้า (ยกเว้นตัวทีมชาติ อุรุกวัย และ บราซิล) ไปหามุมผ่อนคลายก่อนจะกลับมาทำงานกันอีกครั้ง

รังนิก จะได้เวลาที่ตนเองต้องการในการพูดคุยกับลูกทีมอย่างเต็มที่อัดแท็กติกลงไปเพื่อให้ทุกๆ คนสอดคล้องหรือดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากก่อหน้านี้ในเดือนธันวาคมโอกาสเหล่านั้นโดนทำลายไปเพราะต้องกักตัวจากผลพวงโควิด-19 

เอาเป็นว่าเราอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ หรือวิธีการที่แตกต่างออกไปจากเดิม เพราะอย่าลืมว่ากว่า ปิศาจแดง จะเอาชนะหรือได้คะนนมาแต่ในละเกมก็เล่นแทบรากเลือดเหนื่อยหอบเปลืองพลังงานกันอย่างมาก เอาแค่นัดล่าสุดเป็นตัวอย่างที่ต้องไปงัดเอาช่วงเวลา 'พิเศษ' มาใช้งาน ทำให้แฟนบอลอยากจะดูบอลแบบสบายๆ บ้าง

อีกอย่างหนึ่งคือการดำเนินการช่วงโค้งสุดท้ายตลาดซื้อขายนักเตะที่เงียบเหงาเป่าสาก หลังจากก่อนหน้านี้แฟนบอล่างตื่นเต้นตามกระแสข่าวว่าอาจจะได้กองกลางตัวใหม่มาเสริม แต่กลับเงียบฉี่มาจนถึงตอนนี้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรับปรุงการเล่น ทั้งบอลบนพื้น การตั้งเกมเพื่อเปิดเกมบุก และที่ลืมไปไม่ได้เลยคือการเสริมประสิทธิภาพเข้าทำให้เฉียบคมกว่าที่ผ่านมา เพื่อให้บางครั้งทีมสามารถปิดเกมตั้งแต่เนิ่นๆ ได้

เป็นช่วงเวลาที่ รังนิก และทีมงานมีอะไรต่อมิอะไรให้ทำมากมาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันพร้อมปรับปรุงทีมก่อนจะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ต่อไปถึงเดือนมีนาคมที่ว่ากันว่าเป็นช่วงชี้ชะตาและทิศทางของสโมสร เพราะจะมีทั้ง เอฟเอ คัพ, แชมเปี้ยนส์ ลีก และการไต่อันดับในลีกให้ทีมได้ทำงาน

หวังว่าเมื่อมีช่วงเวลาให้พักสมองจากการลงสนาม ทุกๆ ฝ่ายจะได้โอกาสกลับไปมองจุดบกพร่อง ส่วนที่ขาดหายไป และนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น 

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยในการผลักดันทีมให้เดินหน้า อย่างน้อยๆ แฟนบอลอยากเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อัปเกรดกว่าที่ผ่านมา



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด