:::     :::

Be "Right Back" ยุทธศาสตร์3ปี "แบ็คขวาแมนยู" ตัวไหนน่าขาย ตัวไหนน่าดัน!!

วันพุธที่ 26 มกราคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
8,006
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมความตั้งใจเด็ดเดี่ยว ปีนี้เราจะค่อยๆพัฒนาผู้เล่นในตำนาน "แบ็คขวา" ของทีมไปได้อย่างไม่ลำบาก จากการอัพเกรดฟอร์มเหมือนซื้อแบ็คใหม่เข้ามาอย่างดาโลต์ ที่แย่งตำแหน่งกับวานบิสซาก้าอย่างสนุก แต่ในระยะยาวต่อจากนี้ เรา "พอใจ" กับแค่สองคนนี้แล้วหรือ? จะต้องซื้อใหม่หรือไม่ และใครที่ดันขึ้นมาได้บ้าง ใช้เวลากี่ปี บทความนี้มีคำตอบทั้งหมดสำหรับตำแหน่ง RB ในระยะยาวของปีศาจแดงาข้าศึก นึกถึงความเป็นไทย ดีกว่าไปเป็นทาส

บทความนี้จะพูดถึงเรื่องราวที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามและลืมกันไป นั่นก็คือ อนาคตการจัดระเบียบผู้เล่นตำแหน่ง "แบ็คขวา" ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ว่าต่อไปจากนี้ เราจะเอายังไงกันกับตำแหน่งนี้ดี ว่าจะซื้อเพิ่ม หรือไม่ซื้อ และจะดันใครขึ้นมาได้บ้าง ในตัวเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมด

ก่อนอื่นเรามา "ลิสต์" นักเตะที่มีอยู่ในมือปัจจุบันก่อนครับ ในตำแหน่งแบ็คขวา ทั้งทีมชุดใหญ่ ทีมสำรอง และทีมเยาวชน เรามีนักเตะตำแหน่งแบ็คขวาธรรมชาติอยู่ 5 คนดังนี้

1. Diogo Dalot (22)

2. Aaron Wan-Bissaka (24)

3. Ethan Laird (20)

4. Charlie Wellens (19)

5. Marc Jurado (17)

ส่วนนักเตะที่เข้าข่ายมีข่าวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตอนนี้เหลือแค่คนเดียวที่ข่าวน่าจะยังเล่นได้อยู่ในอนาคต นั่นคือ

1. Max Aarons (22) : Norwich City แมนซิก็สนใจในตัวหมอนี่อยู่

2. Nathan Patterson (20) : Everton (อดีตลูกทีมเจอร์ราร์ด ชุดแชมป์เรนเจอร์ส ย้ายแล้ว)

3. James Tavernier (30) : Rangers ชุดเจอร์ราร์ดเช่นกัน

เริ่มแรก เรามาดู "ทรัพยากรในมือ" กันก่อน ไล่เรียงไปทีละตัวเลยว่า สภาพปัจจุบันใครเป็นยังไงบ้าง เพื่อจะมาสรุปให้เห็นภาพรวมตอนท้ายได้ชัดๆ

1. Diogo Dalot

นี่คือคำพูดของ ราล์ฟ รังนิค ที่ให้สัมภาษณ์กับทาง MUTV และนำเสนอออกมาผ่านทางสื่ออย่าง MEN อีกครั้ง ที่รังนิคเปิดเผยถึงการเห็นพัฒนาและความมั่นใจของดิโอโก้ ดาโลต์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งสิ่งที่เขาแสดงออกมาในฐานะฟูลแบ็คตัวรุกออกมาในพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของรังนิค นายใหญ่ปีศาจแดงได้ให้สัมภาษณ์ถึงเขาเอาไว้ดังนี้

"หากผู้เล่นได้รับโอกาสการลงสนาม มันจะช่วยยกระดับความมั่นใจได้ ผมคิดว่าก่อนหน้านี้2-3เดือนเขาแทบไม่ได้ลงสนามอย่างเพียงพอในช่วงนั้น เพราะส่วนใหญ่อารอนจะลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าว แต่ตอนนี้เขาได้ลงสนามมากขึ้น และเราก็เริ่มได้เห็นทั้งหมดที่เขาสามารถทำเกมรุกให้เราได้แล้ว"

"เขาเป็นหนึ่งในฟูลแบ็คที่ดีที่สุดที่สุดเรา และยังพัฒนาขึ้นไปได้อีกโดยเฉพาะเกมรับของเขา ไม่ว่าจะเป็นการดวลตัวต่อตัว การอ่านเกม และการเติมเข้าไปช่วยเพื่อนในสนาม"

"ยังมีเรื่องให้ต้องพัฒนาอีกเยอะ แต่เขาเป็นนักเตะที่สามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้ จนกระทั่งตอนนี้ในสองเกมที่ผ่านมาเขาทำได้ดีมาก และผมก็ยินดีกับฟอร์มการเล่นของเขา"

สถิติล่าสุดของดาโลต์ ในเกมเจอเวสต์แฮม จาก Statman Dave มีดังนี้

ความแม่นยำในการจ่ายบอลเฉลี่ย 86%
ความแม่นยำของการจ่ายบอลในพื้นที่ final third 86%
ดวลกับคู่แข่งชนะ 7 จาก 11 ครั้ง
ตามเก็บบอลสอง 6 ครั้ง
แทคเกิลชนะ 4 ครั้ง
เคลียร์บอล 4 ครั้ง
พยายามเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 3 ครั้ง สำเร็จ 2 ครั้ง
สร้างโอกาสยิง 2 ครั้ง2
ตัดบอล 2 ครั้ง
หาจังหวะยิงประตูเอง 2 ครั้ง

และผลงานของดาโลต์ในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีม

ตามเก็บบอลสองให้ทีม 50 ครั้ง (อันดับ2)

แทคเกิลชนะ 13 ครั้ง (อันดับ1) tackles won

ตัดบอล 12 ครั้ง (อันดับ1)

ขยันและใจสู้ คู่ควรกับสถิติของฟูลแบ็คจอมบุกมากจริงๆ สำหรับดาโลต์ ที่โตวันโตคืน แถมที่สำคัญที่สุด ดาโลต์เริ่มแสดงความเป็นแบ็คชั้นนำยุคใหม่ที่มีความสามารถรอบตัว ไม่ได้ดีแต่บุกอีกต่อไป แต่เกมรับที่เล่นเพรสซิ่งเข้าประชิดตัว ทำให้ทีมได้ประตูมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะลูกที่เขาเพรสแล้วบอลคู่แข่งจ่ายพลาดไปให้เฟร็ดแอสซิสต์บรูโน่นั่นก็ใช่

และอีกหลายต่อหลายครั้งที่ดาโลต์ เล่นเกมรับบดบี้กับปีกซ้ายคู่แข่งอย่างดุเดือดไม่น่าเชื่อ เหมือนเป็นคนละคนกับตัวรั่วและบางในช่วงก่อนหน้านี้ (ที่เหมือนเอาปีกไปเล่นแบ็คซะมากกว่า)

ดาโลต์อัพเลเวลมาแล้ว และจะเก่งกว่านี้อีกเยอะแน่นอนด้วย mentality ภายในที่แสดงออกมาจนรับรู้ได้ภายนอกว่า ใจมันได้ขนาดไหน โดยเฉพาะการโดนสโมสรอย่าง มิลาน กับ ดอร์ทมุนด์ติดต่อมาในช่วงซัมเมอร์ แต่เจ้าตัวกลับเลือกสู้แย่งตำแหน่งที่นี่ ทั้งๆที่ตอนนั้น โอเล่คุมทีมอยู่ และเขาให้ วานบิสซาก้าเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของทีมเสมอ ดาโลต์ยังกล้าอยู่เพื่อสู้ต่อที่นี่ ใจมันได้จริงๆ

และสิ่งที่เราชอบที่สุดคือ นี่คือนักเตะที่ DNA ปีศาจแดงข้นคลั่กที่สุดอีกคนนึง กับ "Passion" ที่สูงมากซึ่งแสดงออกมาทุกครั้งให้กับเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลเห็นว่าเขาทุ่มเทสุดชีวิตขนาดไหน

ด้วยวัยแค่ 22 ปี เขายังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะ ทั้งประสบการณ์ ร่างกายที่แข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีกเพียบ และการพัฒนาให้การเล่นมีความแน่นอน

จุดอ่อนยังมีอยู่ โดยเฉพาะการครอสบอลที่ไม่ละเอียด และปลิ้นบ่อยๆ ทั้งที่วิถีการเปิดบอลดี แต่มักจะเปิดบอลไปเสาสาม ข้อนี้ยังบกพร่องอยู่เมื่อเทียบกับเตลีส แต่ก็มีโอกาสอีกเยอะที่จะฝึกครอสให้แม่นยำในจังหวะโอเพ่นเพลย์มากกว่านี้ โดยเฉพาะ Early Cross

ศักยภาพในตัวถือว่าดี ยิ่งเรื่องเพรสซิ่ง ทุกวันนี้เห็นดาโลต์วิ่งเยอะ บีบติดตัวและเข้าเพรสซิ่งเร็ว ตรงตามปรัชญาของรังนิคเป๊ะๆ

ในอนาคตเขาจะมีความดุดัน แข็งแกร่ง เก๋าเกม เป็น "เบบี้ซามบรอตต้า" ที่จะเก่งและดีได้มากกว่านี้อีก

แบ็คขวาตัวจริงแมนยูยาวๆ แม้จะยังไม่ 100% แต่ก็พัฒนา Current Abilities ไปเรื่อยๆทีละนิดแบบนี้จากการลงสนามเป็นตัวจริงติดต่อกันให้แมนยูไนเต็ด

ค่าเหนื่อยที่รับอยู่ 25k/week สัญญาหมดปี 2023 คิดว่าเร็วๆนี้น่าจะมีการต่อสัญญาใหม่ที่มูลค่าสูงกว่านี้ให้ดาโลต์แน่นอน

ยาวไป ยาวไป

2. Aaron Wan-Bissaka

สำหรับ AWB หรือ อารอนนั้น ค่อนข้างที่จะน่าเป็นห่วง เพราะดูแล้วพัฒนาการค่อนข้างช้า ปีก่อนเหมือนจะอัพเกรดในการเติมเกมรุกแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีพอจะได้ระดับมาตรฐานของวิงแบ็คทีมอื่นๆที่การเล่นอันตรายกว่ามาก และทำได้ทั้งรุกและรับ ในขณะที่วานบิสซาก้าเด่นแค่เรื่อง 1-1 ริมเส้นที่ตามจับ Winger ถ่างด้านข้างได้ดีเป็นหลัก ส่วนเรื่องการ clearance ถือว่าใช้การได้

แต่จุดอ่อนของเขาก็ยังมีอยู่เยอะมากเกินไป ทั้งการยืนตำแหน่ง (positioning) ยังคงไม่ค่อยดีเช่นเดิม และปัญหาหลักของวานบิสซาก้า คือความสามารถในการเล่นเป็นทีมเวิร์คกับเพื่อน

โดยเฉพาะเรื่องของทักษะ และ เซนส์ การเล่นที่ย่ำแย่อย่างมาก ทั้งๆที่ด้าน Physical เขาเหนือกว่าแบ็คทุกตัวที่เรามี ทั้งหน่วยก้าน สภาพร่างกาย ความแข็งแกร่ง สปีดความเร็ว ทุกอย่างดูจะเป็นแบ็คที่ดีได้

แต่ขาดความเข้าใจเกม ขาดความกล้าในการเล่น และความทุ่มเทที่ต่างกับดาโลต์ แถมยังชอบ "ปล่อยจอย" อยู่บ่อยๆ

แฟนผีที่ดูสดและสังเกตจะเห็นว่า mentality ของ AWB ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และความทุ่มเทในสนามมีน้อยมากจนสัมผัสไม่ได้ หลายๆครั้งเดินเล่น และไม่ยอมสปีดช่วยเวลาหลุดตำแหน่ง รวมถึงเรื่อง positioning ที่มีปัญหาบ่อยครั้งด้วย ทั้งเรื่องเช็คไลน์ล้ำหน้า ทั้งเรื่องหุบเข้ากลางปล่อยตัวประกบทางขวาโล่ง

ดังนั้น การเป็นตัวแบ็คอัพของดาโลต์ตอนนี้ ถือว่าสมเหตุสมผลตามเนื้อผ้าการเล่นแล้ว นักเตะเล่นได้ประมาณนี้ และคิดว่าจุดพีคของ AWB ไม่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้มากแล้ว กลับกัน เรามองเห็น Potential จะเก่งของ Dalot ได้เยอะกว่าในตัวเขา

สำหรับอนาคตของวานบิสซาก้า คงจะต้องดูกันต่อไป อาจจะให้โอกาสอีกสัก 1-2 ปี ในการได้ลงสนามมา หากว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่พัฒนาตัวเองและฝีเท้า กับวัยที่กำลังจะ 25 แล้วนั้น เราก็ควรจะขายเขาออกไปเพื่อเรียกทุนคืนเล็กๆน้อยๆ และเคลียร์ค่าเหนื่อยที่สูงถึง 90k ต่อสัปดาห์

อนึ่ง สัญญาของ AWB หมดปี 2024 ยังสามารถที่จะเรียกค่าตัวได้สมน้ำสมเนื้ออายุการใช้งานที่ยังมีอีกมาก ดังนั้นต้องจับตามองกันต่อไป ถ้าไม่ดีก็ขายน่าจะโอเคกว่า แล้วดันนักเตะเยาวชนที่มีแววต่อไปในอนาคตขึ้นมาแทน ในวัยที่ "พร้อมพอดี"

ซึ่งก็คือ "คนต่อไป" นี่แหละ


3. Ethan Laird

อีธาน แลร์ด ถือเป็นนักเตะอะคาเดมี่ในทีมชุดสำรองของเราที่ได้รับโอกาสในการปล่อยยืมตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีก่อนๆ เรียกได้ว่าออกเร็ว ไปเผชิญโลกกว้างเร็ว ทำให้ประสบการณ์ในการลงสนามจริงน่าจะเพิ่มพูนอย่างมาก และขัดเกลาให้เขาพร้อมสู่ฟุตบอลระดับสูงสุดของลีกภายในประเทศได้ในไม่ช้านี้ แลร์ดน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเล่นในอนาคตของ EPL อย่างแน่นอน หากว่ายังคงพัฒนาอย่างเป็นลำดับอย่างนี้

ด้วยวัยแค่ 20 ปี รุ่นเดียวกันกับพวกการ์เนอร์ เมสัน กรีนวู้ด สำหรับอีธาน แลร์ด แล้วเส้นทางยังอีกไกล และเขาค่อยๆสร้างชื่อในวงการฟุตบอลอังกฤษเรื่อยๆ เพราะคอนเนคชั่นกับสโมสรต่างๆเริ่มมีเยอะแล้ว กับชื่อเสียงในฐานะลูกหม้อแบ็คขวาแมนยูที่ชื่อชั้นและฝีเท้าดีพอจะยืมตัวไปลงเล่นในลีกระดับรองจากพรีเมียร์ลีกได้

เมื่อปีที่แล้วตอนอายุ 19 แลร์ดได้ยืมตัวแบบเต็มๆกับทีมจากลีกวันอย่าง "MK Dons" อยู่ปีหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาในฤดูกาลนี้ และแสดงให้เห็นถึงการก้าวไปข้างหน้าอีกสเต็ป ด้วยการขึ้นมาลงเล่นในทีมระดับ "เดอะแชมเปี้ยนชิพ" อย่างเต็มตัว กับการไปเป็นตัวจริงให้กับ "Swansea City" ทีมเก่าของแดเนียล เจมส์ กับการลงเล่นในตำแหน่ง "RWB" เป็นหลัก (ยืนสูงในจุด RM)

จากสไตล์การเล่นของ อีธาน แลร์ด เขาเป็น Attacking RWB (วิงแบ็คขวาจอมบุก) ที่เติมกระหน่ำซัมเมอร์ซอลท์คิก บุกขึ้นสูงในแดนหน้าอย่างบ้าระห่ำ บุกเต็มตัวสุดชีวิตด้วยการเติมขึ้นทางขวาและขึงเกมริมเส้นด้วยการบุกตะลุย นึกภาพง่ายๆก็ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ของลิเวอร์พูลที่ไปยืนทางขวาก็ได้

อีธาน แลร์ดมีภาพจำที่ดีตรงนั้น และจุดเด่นคือความเร็ว พละกำลัง และการบุกระห่ำของแก ทำให้โค้ชสวอนซีตัดสินใจจับลงเป็นตัวจริงเสมอในระบบ "3-4-2-1" แผนเดียวกันกับ เชลซี ของทูเคิล ที่ใช้ตัวรุกสองคนหุบเข้าใน แบบเม้าท์ พูลิซิช ฮาแวร์ตซ นั่นเอง

ถ้าเป็นวิงแบ็คสายบุกเช่นนี้ แถมเติมสูงในแดนหน้าแบบนี้แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า อีธาน แลร์ด จะเป็นนักเตะที่มีสไตล์การเล่นเข้ากับระบบปรัชญาของ "ราล์ฟ รังนิค" แบบเต็มๆ เพราะราล์ฟ ชอบวิงแบ็คที่ทำเกมได้ วิ่งเพรสซิ่งได้ ขยันๆ และเติมเกมรุกสูง เนื่องจากตัวริมเส้นของรังนิค เขามักจะให้นักเตะผู้เล่นวิงแบ็ค รับผิดชอบคนเดียวเน้นๆ เพื่อให้ปีก และตัวรุก สามารถหุบเข้าไปตรงกลางได้

ในขณะที่ แบ็คคู่ต่อสู้ ก็จะต้องรับมือทั้ง "ปีก" ของเรา กับ "วิงแบ็คที่เติมสูงมาริมเส้น" ของเราในsituation 1 vs 2 กับวิธีคิดในการบุกที่ใช้การ "Overloads" เติมนักเตะขึ้นแดนหน้าเยอะๆเพื่อสร้างโอกาสในแดนสุดท้ายให้มากที่สุด

แล้วก็นึกภาพตามกันนะครับว่า ทำไมวิงแบ็คเติมสูงแบบ โรเบิร์ตสัน ถึงได้เด่นกับลิเวอร์พูล / แลร์ดจะสามารถนำมาเล่นแบบนั้นได้ที่ยูไนเต็ด แต่เป็นฝั่งขวาได้เช่นกันครับ

เรื่องเข้าแก๊ปกับระบบรังนิค อีธาน แลร์ด ยืนหนึ่ง

ขณะนี้ น้องอายุ 20 เมื่อรวมกันกับสิ่งที่วิเคราะห์เอาไว้สำหรับการให้โอกาสของ AWB ไปอีก 1-2 ปีเพื่อดูฟอร์มว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาหรือไม่

หากว่าภายใน 2 ปีข้างหน้า ยังไม่ดีขึ้น ขายโลด แล้วดัน แลร์ด ที่อายุ 22 ปี และประสบการณ์กับชั่วโมงบินน่าจะกำลังเดือดส์ปะทุ และอยากลงสนามด้วยความกระหายมากกว่าแน่นอน

เพราะงั้น การสรุปในเบื้องต้น สำหรับเคสการให้โอกาส AWB สองปี (เขาจะอายุ 26 ปี) จะลงล็อคกับ อีธาน แลร์ด ที่สุกงอมพอดี ในวัย 22 ปี นั่นเองในอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งก็คือ "2024"

ความเป็นไปได้ของอีธาน แลร์ด มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว เพราะการลงสนามให้สวอนซี ในระดับแชมเปี้ยนชิพนั้น เขาเป็นตัวหลักของทีมเลย และได้ลงต่อเนื่องถึง 24 นัดทุกรายการ ทำไป 4 แอสซิสต์ให้กับหงส์จริง(สีขาว)

กับสถิติ ครอสบอล 38 ครั้ง / ตัดบอล 9 ครั้ง / แทคเกิลชนะ 18 ครั้ง / Net goal ต่อเกม +0.88 เมื่อเทียบระหว่างประตูสุทธิ(net goal)ที่ทีมทำประตูได้ยามที่เขาอยู่ในสนาม ลบกับ Net allowed (การเสียประตู)ตอนเขาไม่อยู่ในสนาม

ผลออกมาเป็นค่าบวก แปลว่าติด.. แฮ่! ไม่ใช่  แปลว่า การลงสนามของแลร์ด สร้างคุณค่าให้สวอนซีมีโอกาสได้ประตู +0.88 ต่อเกม ซึ่งมันค่อนข้างมากนั่นเอง

สถิติดีกว่าปีก่อนอีกที่ team success ในหัวข้อนี้ แลร์ดทำให้ MK Dons ได้แค่เพียง +0.19 ต่อนัดเท่านั้น

ฝีเท้าดีขึ้นชัดเจนจนกระทั่งตอนนี้ อีธาน แลร์ด ต้องตากับทีมที่มีลุ้นเลื่อนชั้นของเดอะแชมเปี้ยนชิพอย่าง "Bournemouth" จากเดิมเป็นจ่าฝูง ช่วงนี้ตกอันดับลงมาอยู่ที่ 3 แต่ก็ยังมีลุ้นอันดับ 2 หรือโควตาเพลย์ออฟได้อยู่ดี ยังไงคงได้ลุ้นถึงท้ายซีซั่นแน่ๆ และอีธาน แลร์ด จะต้องแหวกไปแย่งตำแหน่งตัวจริงจากตัวเก๋าทั้งสองอย่าง Jack Stacey และ Adam Smith ที่เป็นแบ็คขวาตัวหลักอยู่

Scott Parker ยืมตัวแลร์ดไปเช่นนี้ แปลว่าเขาอยากจะเติมความสดให้กับทีมในแน่นอน แม้จะได้ลงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่แลร์ดจะได้อะไรเยอะจากผู้เล่นและโค้ชที่มีประสบการณ์แน่นอน โดยเฉพาะ แกรี่ เคฮิลล์ ในวัย 36 ปีที่อยู่ที่นั่น และค่าเหนื่อย 9.6k ต่อสัปดาห์ เราจะมาดูว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนในอนาคต เพียงแต่ว่า ก่อนอื่นทีมต้องรีบต่อสัญญากับเขาก่อน เพราะจะหมดในปี 2023

จบซีซั่นนี้คงมีการกลับมาต่อสัญญากันที่สโมสรแน่นอน เพราะมีสิทธิ์เกิดได้อีกตัว จากการได้ลงเล่นเยอะเช่นนี้

4. Charlie Wellens

แบ็คขวาสารพัดประโยชน์ของทีมสำรอง (Manchester United U-23s) กับการรับหน้าที่ลงเป็นตัวหลักใน PL2 กับตำแหน่งแบ็คขวาหลัก แต่ว่าสามารถลงจุดอื่นๆให้ทีมได้ โดยเฉพาะ LB ที่ลงได้เช่นกัน กับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรับในจุด DM เขาก็เล่นได้ แต่หลักๆแน่นอนว่า แบ็คขวาธรรมชาติอยู่แล้ว กับผลงาน 1 ประตู 4 แอสซิสต์จากการเล่น RB ให้กับทีมสำรอง ทั้ง PL2 และ EFL Trophy

ลูกหม้อแท้ๆของแมนยูไนเต็ด เด็กหนุ่มจากถิ่น Salford วัย 19 ปีรายนี้มีความน่าสนใจตรงที่ หากจบฤดูกาลนี้ก็น่าจะได้โควตา HG แบบเต็มตัวเพราะครบ3ปีก่อนอายุ 21 และน่าจะปล่อยยืมได้ในปีหน้า หลังจากเป็นตัวหลักทีมสำรองมา 1 ปี หากมีคนสนใจก็ควรปล่อยออกไปเก็บเวลในปีหน้า

ค่อยๆพัฒนาตามวัยและเวลาไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนสำหรับเวลเลนส์ แต่ที่แน่ๆ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะมีข่าวหลายสำนักที่สนใจ และเริ่มมีชื่อติดขึ้นมาทีมชุดใหญ่แมนยูไนเต็ดหลายครั้งแล้วที่ได้โอกาสบนม้านั่งสำรอง

โดยเมื่อพฤศจิกายนปี 2021 ปีที่แล้ว พวกนักเตะอย่างฮันนิบาล เมจบรี, ชาร์ลี แม็คนีล และ ชาร์ลี เวลเลนส์ ถูกเรียกให้ขึ้นไปซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่ ในเซสชั่นการครองบอลและจบสกอร์ด้วยความรวดเร็ว ร่วมกับพวกแรชฟอร์ด กรีนวู้ด

ในขณะที่รายชื่อของเขาก็เกือบจะถูกใส่ชื่อมาบนม้านั่งสำรองในเกมเจอ Young Boys นัดสองด้วย แต่ก่อนเกมชื่อโดนตัดตกไป และเป็นบียอร์น ฮาร์ดลีย์ ได้โอกาสมาแทนในตำแหน่ง Defenders ซึ่งเป็นเกมที่ Zidane Igbal กับ Charlie Savage ได้ลงคู่กันในนัดนั้น

นอกจากนี้เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ชาร์ลี เวลเลนส์ และ เจมส์ การ์เนอร์ เคยตกเป็นข่าวว่า อินเตอร์มิลานสนใจจะมาแต๊บไปในปี 2020 ส่วนนอกจากทนี้ ที่สำคัญก็คือ นายใหญ่โรม่าอย่าง "น้ามู" ก็สนใจอยากเซ็นสัญญาเขาไปใช้งานที่กรุงโรมเช่นกัน ตามรายงานของ Manchester Evening News

โดยที่เวลเลนส์ คือนักเตะเยาวชนที่ในยุคน้ามู น้าเป็นคนดึงน้องขึ้นมาซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่ในช่วงเวลานั้น แถมน้ามูยังอยากได้ตามไปที่ท็อตแน่มด้วย ถ้าสักวันนึงน้าแกจะมาดึงตัวนี้ไปใช้ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะเด็กมันมีของจริงๆ

ปีหน้าปล่อยยืมได้เลยตัวนี้ แล้ว "ดัน" ตัวต่อไปขึ้นมาเล่นแทนในทีมชุด U-23s ได้เลย

5. Marc Jurado

น้อนมาร์ค แบ็คขวาหนุ่มหน้าใสวัย 17 ปี หนึ่งในสองแบ็คสเปนจิ๋วที่เข้ามาทีมพร้อมกับ อัลวาโร่ เฟอร์นันเดส ลงสนามให้กับแมนยูไนเต็ดชุดเล็กไป 24 นัดทุกรายการ ทำไป 1 ประตู 3 แอสซิสต์ โดยเป็นตัวหลักในชุด U-18s และลงเล่นใน U18 PL แต่ก็ขึ้นมาช่วยทีมสำรอง U-23s ในรายการ PL2 อยู่มากพอสมควร ทำให้เอาจริงๆแล้วในวัย 17 ปี เขาก็น่าจะสามารถขึ้นมาอยู่ชุด U-23s ได้แล้วล่ะถ้าดูจากความสามารถและประสบการณ์

แต่ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ได้ อายุแค่ 17 แมนยูไนเต็ดก็ยังมีแบ็คขวาเด็กอะคาเดมี่รอคิวอยู่อีกหลายคน ค่อยๆพัฒนาไปตามขั้นตอน ถ้าหากว่า มาร์ค ฆูราโด้ พัฒนาตัวเองได้ดี ปีหน้าก็น่าจะได้รับการดันขึ้นมาทีมสำรองอัตโนมัติเพื่อเป็นตัวหลัก อาจจะแทน Wellens ที่ย้ายยืมตัวออกไปก็เป็นได้

ยังมีเวลาให้เติบโตอีกเยอะสำหรับเจ้าหนูดาวรุ่งที่เราดึงมาจาก บาร์ซ่า U-16s

ทั้งหมด 5 คนนั้นคือทรัพยากรแบ็คขวาในมือแมนยูไนเต็ด เราน่าจะมองเห็นแล้วว่า ใครอยู่ในสเตจไหน และสามารถดันไปในทิศทางใดต่อได้บ้าง จากแนวโน้มการพัฒนาตัว เดี๋ยวเราจะมาสรุปกันอีกที จากการที่มาพิจารณา "ตัวเลือกเสริมทีม" ที่มีข่าวกับเราในตำแหน่งแบ็คขวานี้

ซึ่งรายแรกที่ตัดไปได้เลยคือ คีแรน ทริปเปียร์ ที่เสร็จนิวคาสเซิลไปแล้ว ไม่ต้องไปโดนโขกราคาจากตราหมี แต่ยังเหลือ RB ที่อยู่ใน Pool นักเตะที่เป็นข่าวกับเราอยู่อีกสองคน

ข่าวมาแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เหมือนเพลงของ Amary จริงๆ

ตัวที่มีข่าวให้เห็น ได้แก่สามดาวเตะดังต่อไปนี้

1. Max Aarons (Norwich City)

เจ้าหนูอายุ 22 ปีของนกขมิ้นเหลืองอ่อน ด้วยความสูง 169cm แต่สามารถลงเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สบายๆ ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกาย ความเร็วคล่อง และมีกายภาพที่ดีพอจะฟัดกับนักเตะในระดับพรีเมียร์ได้ กับการเป็น วิงแบ็คจอมบุก ขนานแท้และแน่นอน เนื่องจากวันๆนึง ดูนอริช ตำแหน่งที่มันเล่นคือเติมเกมรุกขึ้นสูงในทุกจังหวะ

ขณะเดียวกัน ฝั่งน้องเลี่ยมของเรา Brandon Williams ที่ไปยืมตัวที่นั่น ก็เติมเกมรุกน้อย เน้นเล่นรับมากกว่า แบ็คของนอริชจึงโย้ขวานิดหน่อย แต่ไอ้รถถังลาวาจอมเสยผมของเราก็เล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นและดุดัน บู๊เป็นบู๊เช่นเดิม

จุดแข็งของ แม็กซ์ แอรอนส์ คือเกมรุก นีี่คือวิงแบ็คจอมบุกตะลุยของจริง ถ้าให้เทียบแล้ว สไตล์จะเหมือนกับ Ethan Laird ของเรามากที่สุด แต่แอรอนส์ มีประสบการณ์ในระดับสูงมาเยอะกว่า ในขณะที่แลร์ด กำลังเริ่มต้นเส้นทางอาชีพได้อย่างสวยงามไปเรื่อยๆตามสเต็ป

ถามว่าใครเก่งกว่า? แน่นอน แอรอนส์ ดีกว่า แลร์ด อยู่แล้ว ณ ปัจจุบัน แต่ถามว่า เอาจริงๆเราจำเป็นต้องซื้อเจ้าหนูคนนี้ไหม

บอกได้เลยว่าไม่ กับราคาประเมินค่าตัว 22ล้านยูโร อ้างอิงตามtransfermarkt โดยประมาณ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล ไม่แพงจนเกินไป เพราะฝีเท้าของ Max Aarons ก็อยู่ในระดับที่ปานกลาง ไม่ได้ถึงกับเก่งมาก

มีphysical ที่ดีพอจะรับมือEPLได้ และก็เน้นบุก แต่ถามว่าบุกโหดขนาดนั้นไหม ก็ไม่ กับสถิติแอสซิสต์ลูกเดียวของเขาหลังจากลงเล่นในพรีเมียร์ลีกทุกนัด ก็ถือว่าเป็นการบุกที่ไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่าไหร่ ทักษะเกมรุกยังไม่ได้คมขนาดนั้น

จะเป็นแบ็คตัวบุก มันต้องบุกแล้วคมจริง

การลงทุนกับ แม็กซ์ แอรอนส์ นั้นก็ถือว่าไม่ควรเอาเงินไปหว่านแหซื้อตัวนี้อย่างแรง ไม่ใช่เพราะมันไม่ดี แต่ดีไม่พอ ไปไม่สุด ซื้อมาก็ไม่สุดอยู่ดี

เสียดายเงินเปล่าๆ เพราะเรามีแบ็คขวารุ่นราวคราวเดียวกับแม็กซ์อยู่ นั่นคือ อีธาน แลร์ด นั่นเอง (จะซื้อทำไม ถ้ายังต้องขัดเกลาต่อในอนาคตเหมือนกันทั้งคู่)

2. Nathan Patterson (Everton)

"เด็กเจิด" วัย20ปี แบ็คขวาเรนเจอร์ส ชุดแชมป์สก็อตติชพรีเมียร์ลีกปีที่แล้ว เพิ่งย้ายมาอยู่กับ Everton สดๆร้อนๆเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว หลงตลาดเปิด โดยท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ซื้อเขามาในราคาถึง 14ล้านยูโร ซึ่งก็ไม่ได้ถูกๆ การที่เอฟลงทุนกับนักเตะคนนี้ แปลว่าเจ้าหนูนี่มีฝีเท้าจริง

ส่วนแมนยูไนเต็ดเอง ก็มีตัวเลือกลดลงไปอีกหนึ่ง ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะอายุยังน้อยอยู่ ถ้าซื้อมาก็จะแย่งตำแหน่ง กับแลร์ดโดยตรงอีก ทับทางกันเห็นๆในฐานะแบ็คดาวรุ่งเช่นกัน

ข้ามได้เลย

3. James Tavernier (Rangers)

ตัวนี้คือ "แบ็คขวาตัวเก๋า" ที่มีข่าวกับเราผ่านๆเมื่อปีที่แล้ว นักเตะเรนเจอร์ส วัย 30 ปี ที่น่าจะเป็นเป้าหมายรองลงมาจากตอนที่แมนยูจะเอา คีแรน ทริปเปียร์ เข้ามาประคองทีม ยามที่ตอนนั้นดาโลต์ยังไม่ได้ผุดได้เกิด

เจมส์ ทาเวอร์เนียร์นั้นเป็นแบ็คขวาที่มีความอึด มีความเร็วอยู่ในตัว ด้วยส่วนสูง 175 กับการเป็น "วิงแบ็คสายบุกธรรมชาติ" เช่นเดียวกันกับแม็กซ์ แอรอนส์ ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆแบบเห็นภาพ

หมอนี่คือ "อเล็กซ์ เตลีส" ฝั่งแบ็คขวา ตีนขวา นั่นเอง

อาจจะไม่เก่งเท่าเตลีสตัวจริง แต่ว่าสกิลคล้ายๆกัน คือหมอนี่เป็นแบ็คจอมเล่นลูกนิ่งที่สกิลดีพอตัวเลย (คิดแล้วก็นึกถึงอีซ้ายของเอียน ฮาร์ทเฉย)

กับราคาประเมิน 7 ล้านยูโร ก็ถือว่าไม่แพง สำหรับสัญญาที่เหลือเยอะ เป็นเพราะว่าอยู่ในลีกระดับสก็อตติชพรีเมียร์ลีก และอายุก็ 29 แล้ว เท่ากับอเล็กซ์เป๊ะๆ

ถามว่าน่าซื้อมาไหม ณ ปัจจุบันคงตอบได้เลยว่า ไม่ เนื่องจากทีมก็ยังมี "อารอน วานบิสซาก้า" อยู่

ถ้าต้องการความเก๋ามาประคองแบ็คขวา คำถามคือ แล้วจะเอา AWB ไปไว้ไหน ใครจะมาซื้อ มันเป็นการยากที่จะปล่อยนักเตะออกไปจากทีมสักคน ซึ่งมีค่าเหนื่อยระดับ 90K แถมยังไม่รวมค่าตัวที่แมนยูจะต้องขายราคาที่ดีพอสมควรอีก เพราะยังไงวานบิสซาก้าก็ยังเป็นแบ็คขวาตัวหลักอยู่ดีที่มีโอกาสสลับกับดาโลต์เล่น

รายนี้ก็น่าจะเป็นอีกตัวที่ "ลืมๆไปเถอะ" คงไม่มีทางซื้อแน่นอน

ทีมแชมป์ตัดต่อหัว2021 ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

เมื่อสรุปทั้งหมดทั้งมวล จากทรัพยากรในมือแล้วนั้น นักเตะที่เป็นหลักของการประเมินจริงๆ มีอยู่สามคนเท่านั้น ได้แก่

Diogo Dalot แบ็คขวาตัวจริง > Aaron Wan-Bissaka ตัวหลักrotation > Ethan Laird ดาวรุ่งรอขึ้นชุดใหญ่

สำหรับ Charlie Wellens ยังไงก็อยู่ในระดับเยาวชนดาวรุ่งที่ต้องใช้เวลาปั้นกันอีกนาน ส่งยืมตัวกันอีกนาน แต่ก็ถือว่า มีแววพอสมควร จากการมีชื่อติดในลิสต์เป้าหมายของหลายสโมสรอยู่ อย่างที่รายงานไปแล้ว โดยเฉพาะน้ามูเองด้วย

เด็กตัวนี้มีของ และถ้าขึ้นมาไม่ได้ก็น่าจะไปโตกับที่อื่นได้ดี เพราะว่าอายุเกือบจะเท่าๆ Laird เลย แต่ว่าทางอีธาน แลร์ด ถือเป็นนักเตะที่เริ่มจะ "มีชื่อชั้น" และชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอังกฤษแล้ว เพราะยืมตัวมาทุกระดับ และทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆจนมาอยู่กับบอร์นมัธในตอนนี้

ส่วน น้อนมาร์ค Marc Jurado แม่ยกทั้งหลายรอไปก่อน น้องเพิ่งอายุ 17 ไว้ชีวิตมันไปเถอะ (ฮา)

ส่วน ตัวที่มีข่าวทั้งหมด ณ ตอนนี้ ต้องบอกได้เลยว่า เป็นเป้าหมายที่ไม่น่าไปเสียเงินซื้อเลยแม้แต่รายเดียว ไม่ใช่ว่านักเตะไม่เก่งนะ อย่าง แม็กซ์ แอรอนส์ และ เจมส์ ทาเวอร์เนียร์เนี่ย สามารถนำเข้ามาเพื่อเสริม Squad Depth ได้เลย เป็นตัวเปลี่ยนกับดิโอโก้ ดาโลต์ได้ โดยเฉพาะ "Max Aarons" ที่ดูน่าจะเข้ากับระบบของ ราล์ฟ รังนิคได้ดี กับการบุกสุดเส้นขนาดนั้น

แต่ปัญหาที่เราต้องตัดใจก็คือ เรายังมี "อารอน วานบิสซาก้า" อยู่ทั้งคนไงที่ยังขายไม่ออก และฟอร์มการเล่นก็ไม่ดี เพราะถ้าswapตัวนักเตะกันได้เลย ถามว่าเราอยากจะเอา AWB ไปแลกกับ Max Aarons ไหม มันก็ถือว่าเป็นดีลที่น่าสนใจอยู่ ถ้าราล์ฟ รังนิค อยากได้พลังงานของแม็กซ์เข้ามาเติมทีม จะดีกว่าการเล่นของวานบิสซาก้ามากๆที่มีส่วนร่วมกับเกมน้อย และทำเกมได้แย่อย่างที่เห็น มีดีแค่เกมรับฝั่งขวาเท่านั้น

ในโลกความเป็นจริง มันไม่สามารถหาทางใช้editor ปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆเหมือนเกม นักเตะมีสัญญากับทีม หากนักเตะไม่ย้าย ก็ทำอะไรไม่ได้ หากไม่มีทีมเข้ามาติดต่อ ก็ปล่อยออกไปจากทีมไม่ได้ง่ายๆเช่นกัน

เพราะงั้นดูทรงแล้ว สิ่งที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะทำได้ และควรทำไปก่อนอย่างเหมาะสมก็คือวาง "ยุทธศาสตร์ 3 ปี" ข้างหน้าสำหรับการจัดทีมในตำแหน่งดังกล่าว ด้วยขั้นตอนที่ผู้เขียนเสนอมาเป็นตัวอย่างเช่นนี้

1. 2021/22 : ดาโลต์ - วานบิสซาก้า

ในอีกครึ่งฤดูกาลที่เหลือ ที่เกมจะยิ่งเข้มข้นและหนักขึ้นเรื่อยๆจากโปรแกรม UCL + EPL เราจะต้องใช้สองคนนี้สลับกันไปแบบนี้แล้วแต่เกม ก็ปั้นและดูพัฒนาการไปเรื่อยๆ แต่ดูทรงแล้วดาโลต์คงจะยึดตัวจริงเป็นหลักยาวๆให้กับทีมไปจนจบฤดูกาล อาจมีสลับช่วยกันลงบ้างตามโอกาส แต่ AWB สำรองเกมสำคัญๆแน่นอน

ส่วนอีธาน แลร์ด ยืมตัวอยู่กับบอร์นมัธจนจบซีซั่น แล้วพาทีมขึ้นมาพรีเมียร์ลีกให้ได้ เพื่อโอกาสในการ "ต่อยอด" ยืมตัวและลงเล่นต่อระดับEPLในปีหน้า

2. 2022/23 : ดาโลต์ - วานบิสซาก้า (อีกหนึ่งปี)

แต่จะเป็นปีสุดท้ายสำหรับการพิจารณาฟอร์มของ AWB หากว่ายังคงเล่นแบบเดิมๆ ไม่สนใจ ไม่ทุ่มเท และสกิลทักษะการเล่นเข้ากับทีม ยังทำให้ทีมเล่นไม่ลื่นไหลอยู่ และทำได้เพียงแค่วิ่งไล่กดท่า Spear Tackle ใส่ปีกคู่แข่งเป็นแค่ท่าเดียว แต่ท่าอื่นกดไม่เป็น แบบนี้ก็ไม่เอา เตรียมขายทิ้งได้เลย เพราะค่าเหนื่อยระดับ 90k ถือว่าสูงมากถ้าเทียบกับการเล่นที่เห็นในสนาม

ปีหน้าคือการตัดเกรด AWB ว่าจะอยู่หรือจะไป

ส่วน อีธาน แลร์ด ในวัย 21ปี ก็น่าจะได้ยืมตัวกับทีมระดับพรีเมียร์ลีกได้แล้ว ที่เป็นทีมเล็กสักทีม ในสเตจเดียวกันกับ Brandon Williams ในปีนี้ ยังไม่ต้องรีบดึงกลับมาใช้ เพราะการมี Dalot กับ AWB สองคนก็น่าจะเพียงพอต่อการลุยทั้งฤดูกาลแล้ว เนื่องจากสองคนนี้ไม่ค่อยบาดเจ็บออดๆแอดๆ มีบ้างแต่ก็น้อย

โดยเฉพาะดาโลต์ มนุษย์เหล็กสุดๆ ขนาดแผลกระดูกเปิดเห็นเส้นเอ็น ยังลงเล่นต่อทุกสัปดาห์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บ้าบอคอแตกมาก

3. 2023/24 : ดาโลต์ - (แลร์ด/AWB or XXX)

มองข้ามช็อตไปในกรณีที่ว่า วานบิสซาก้ายังไม่พัฒนา และฟอร์มการเล่นมันเป็นงึกๆงักๆเหมือนเดิม ก็ควรขายในซัมเมอร์ 2023 ได้แล้วเพราะค่าเหนื่อยแพง ถ้าเทียบกับปัจจุบัน แม็คโทมิเนย์ได้เงินแค่ 20k แต่ AWB ได้90k ความแตกต่างมันชัดเจน ดังนั้นควรโหลดภาระตรงนี้ออกไป แล้วหาแบ็คขวาคนใหม่เข้ามาแทน

ถ้าทีมซื้อแบ็คขวามาเสริมทีม สลับกับการขายวานบิสซาก้าออก เขาก็อาจจะต้องมาแย่งตำแหน่งกันกับอีธาน แลร์ด อีกทีหนึ่ง และถ้าแลร์ด พัฒนาฝีเท้าได้ดีในปี 2022/23 เราอาจจะไม่ต้องซื้อใครมาเลยก็ได้ ก็ใช้แลร์ดเป็นแบ็คอัพให้ดาโลต์ และน่าจะเกิดกับทีมได้ไม่ยาก เพราะว่า แลร์ด เป็นแบ็คที่ดูจะเล่นในรูปแบบของรังนิคที่ปูระบบเอาไว้แล้วจนถึงตอนนั้น

ความสด ความหนุ่ม สไตล์การเล่น มันคือบอลร็อคแน่นอน สำหรับ Ethan Laird อนาคตน่าสนใจจริงๆเพราะว่ามัน "เข้าแก๊ป" กับระบบรังนิคพอควร

แต่ถ้า Ethan Laird ไม่เกิด และขึ้นมาระดับ EPL ไม่ได้นั้น ในฤดูกาล 2023/24 นั่นแหละ เป็นปีที่เหมาะสมจะซื้อ Max Aarons ที่น่าจะบ่มเพาะความสามารถทุกอย่างจนดีพอจะซื้อเขามาเสริมในตำแหน่ง RB ให้ทีมแล้ว

ดังนั้น ในเคสของ แบ็คขวาตัวกลั่นของนอริชตัวนี้ จับจ้องดูพัฒนาการมันไปเรื่อยๆ ถ้าเริ่มดีขึ้นมาในปีต่อๆไป เขาน่าจะได้รับโอกาสติดทีมชาติอังกฤษ ถึงตอนนั้นก็รีบซื้อมาเลย ก็จะมาคอมโบกับดาโลต์ได้พอดีเป๊ะ ด้วยวัย 24 ปีเท่ากันในตอนนั้น

มีข่าวกับแมนยูพร้อมกันด้วยช่วงนั้น

และนี่คือ การวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์คร่าวๆให้เห็นภาพว่า ในตำแหน่งแบ็คขวานั้น ปีศาจแดงจะทำยังไงต่อไป ซึ่งดูจากทรงแล้ว คิดว่าคงไม่น่าลำบากสำหรับตำแหน่งนี้เท่าไหร่ เนื่องจาก ดาโลต์เองก็พัฒนาฝีเท้าเรื่อยๆ เล่นดีถูกใจแฟนผีมากๆ ส่วน อารอน วานบิสซาก้า เอาจริงๆแล้วเขาก็ยังรักษามาตรฐานเดิมได้ และก็ยังพัฒนาได้อยู่

สามารถใช้ในระยะยาวได้ แต่อาจจะต้องปรับบทบาทให้น้อยลง เป็นแบ็คขวาตัวเสริมให้ดาโลต์ เจ้าตัวจะไหวไหม

อาจจะลงมาเล่นได้ในการใช้ระบบ "หลังสาม" ในอนาคต ที่ AWB โคตรเหมาะกับการเป็นเซ็นเตอร์ตัวข้างขวามากๆ พื้นที่ตรงนั้นคือเหมาะกับเขาจริงๆ ซึ่งระบบหลังสาม กองหลังตัวข้างจะสามารถวิ่งถ่างออกจากตำแหน่งได้ ซึ่งเข้าทาง AWB เป๊ะๆ

แถมจะหุบเข้ากลางไปยืนในกรอบ ซึ่งวานบิสซาก้าชอบหุบอยู่แล้ว ก็ดูจะเหมาะกับเขาดี ดังนั้นวานบิสซาก้า เอาจริงๆก็ยังสามารถเก็บเอาไว้ได้เรื่อยๆ

จะว่าไปในเชิงแทคติก ก็ไม่มีRBตัวไหนที่เหมาะกับการรับมือปีกของเป๊ปที่จะยืนขึงริมเส้นตัวบนสุดไปกว่าAWBอีกแล้ว

เพียงแต่ว่า หากมีงบเสริมทัพเหลือในปีต่อๆไป อีก2-3ปี และ ดาโลต์ วานบิสซาก้า หรือ แลร์ด ยังพัฒนาได้ไม่ถึงจุดที่น่าพอใจ เราก็ค่อยลงไปควานหา RB ในตลาดเอาแล้วกัน

คิดอะไรมากมีเยอะแยะ โลกนี้ไม่ได้มีแค่ Max Aarons ยังพอจะหาแบ็คขวาเก่งๆจากสโมสรอื่นทั่วโลกได้อยู่

ช่วงนี้ก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อนได้ ถือว่าเป็นตำแหน่งที่อุ่นใจได้แล้วในเรื่องของตัวตายตัวแทน ดาวรุ่งที่จะดันขึ้นมาเป็นกำลังเสริมในอนาคตก็เยอะ ทั้งแลร์ด ทั้งเวลเลนส์ รวมถึง มาร์ค ฆูราโด้ ในขณะที่สองตัวในชุดใหญ่ก็ยังอายุน้อยเช่นกัน

คอนเฟิร์มว่า แมนยูไนเต็ด ยังไม่ต้องเหนื่อยซื้อ "แบ็คขวา"ในเร็วๆนี้แล้ว ข้อนี้รับประกันได้ แล้วก็ลืมๆเรื่องทริปเปียร์ไปได้เลย

เพราะเห็นดาโลต์เล่นแล้วรู้สึกอุ่นใจจริงๆ มีความสามารถที่จะปั้นให้สมบูรณ์ได้อีกเยอะ จุดที่เป็นจุดอ่อน ก็ยังแก้ไขและพัฒนาได้อีกมาก

ที่สำคัญ Passion แม่งมาเต็มจริงๆ ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว ก็ใช้น้องโล่นี่แหละ

ทีมในยุโรปเค้าแย่งกันตั้งหลายทีม ทั้งมิลาน ดอร์ทมุนด์ จะต้องคิดอะไรเยอะอีกล่ะ!

-ศาลาผี-

References

https://strettynews.com/2022/01/25/former-premier-league-goalkeeper-says-man-united-star-is-undroppable/?utm_source=rsn&utm_medium=rsn&utm_campaign=gac0085

https://www.transfermarkt.com/manchester-united-u23/startseite/verein/9251

https://www.transfermarkt.com/manchester-united-u18/startseite/verein/5242

https://www.transfermarkt.com/marc-jurado/leistungsdaten/spieler/709960

https://www.transfermarkt.com/ethan-laird/leistungsdaten/spieler/531679

https://www.transfermarkt.com/charlie-wellens/leistungsdaten/spieler/686838

https://www.90min.com/posts/man-utd-transfer-news-nathan-patterson-max-aarons-january-options

https://weallfollowunited.com/2022/01/18/diogo-dalot-2022-net-worth-salary-and-endorsements/

https://www.spotrac.com/epl/manchester-united-fc/payroll/

https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/manchester-united-city-wage-bill-22087914

https://www.transfermarkt.com/max-aarons/profil/spieler/471690

https://www.transfermarkt.com/james-tavernier/profil/spieler/62094

https://www.transfermarkt.com/nathan-patterson/profil/spieler/424015

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด