:::     :::

บีจี สไตล์ญี่ปุ่น กำไรลูกหนังไทยอย่างแท้จริง

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,410
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเทรนด์กุนซือญี่ปุ่น ได้รับความนิยมในประเทศไทย เมื่อระบบการทำงานที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ทำไว้กับ สมุทรปราการ ซิตี้ และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน ทำให้แฟนบอลถึงกับร้องว้าวถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม

นั่นทำให้ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต้องตามเทรนด์ลูกหนังให้ทันกับยุคสมัย ด้วยการแต่งตั้ง มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือเลือดซาทูไร วัย 54 ปี เข้ามาคุมทัพ กลายเป็นกุนซือชาวญี่ปุ่นคนแรกของสโมสร

โดยหลังปลด “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ออกจากตำแหน่งกุนซือ หลังไม่ชนะใครในลีก 5 เกมติดต่อกัน 

ซึ่งแบ่งผลการแข่งขันออกเป็นเสมอ 3 นัดกับ พีที ประจวบ สุดจืด 0-0 โดน ราชบุรี มิตรผล ไล่เจ๊า 1-1 และ บุกแบ่งแต้ม เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-2 

รวมถึงแพ้ 2 นัดต่อ หนองบัว พิชญ ไป 3-1 และ การท่าเรือ เอฟซี แบบฉิวเฉียด 1-0


ทำให้สโมสรปรับกลยุทธ์ด้วยการแต่งตั้ง “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผู้อำนวยการสโมสรเข้ามาขัดตาทัพจนจบซีซั่น

อย่างไรก็ตามการประเดิมคุมทีมนัดแรกของ “โค้ชง้วน” ฟอร์มของทีมกลับไม่โสภาเท่าไหร่ เพราะเกือบโดน “พญาไก่ชน” หนองบัว พิชญ เอฟซี น้องใหม่บุกมาทุบคาถิ่น บีจี สเตเดียม

ยังดีที่ลูกยิงของ ดาฮัดฮา มาห์มูด ที่ตุงตาข่ายไปแล้ว ถูก VAR ริบคืน ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงดูไม่จืด รวมแล้วผลงานในลีกพวกเขาสะกดคำว่าชนะไม่เป็น 6 นัดติดต่อกัน

พร้อมหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์เรียบร้อยแล้ว เพราะมีคะแนนตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงถึง 8 แต้ม แถมเล่นมากกว่า 1 นัด แม้ทางทฤษฎีจะมีโอกาส แต่ทางปฏิบัติยากมาก เพราะ “ปราสาทสายฟ้า” กลมกล่อมจริงๆ 

นั่นทำให้บอร์ดบริหารของสโมสรเห็นว่า “โค้ชง้วน” ที่ไม่ได้คุมทีมเต็มตัวมานานนับตั้งแต่ปี 2017 คงไม่เหมาะกับงานนี้


แถม “โค้ชง้วน” งานชุกมาก เพราะนอกจากการทำหน้าที่ดูแลทีม บีจี ปทุมฯ และสโมสรพันธมิตรอย่าง ราชประชา และ เชียงใหม่ เอฟซี ในศึก M-150 แชมเปี้ยนส์ชิพ แล้ว 

อดีตกองกลางทีมชาติไทยยังมีส่วนร่วมกับการวางแผนงานส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมทีมลุยศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม ที่จะโซโล่แข้งในวันที่ 15 เมษายนเป็นต้นไป 

ดังนั้น “โค้ชง้วน” คงลงมาโฟกัสการฝึกซ้อมของทีมได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ลำบาก

เมื่อ “โค้ชง้วน” ไม่สามารถตอบโจทย์สโมสร เพราะอย่าลืมว่าทีมยังลุ้นแชมป์บอลถ้วย 2 รายการทั้ง รีโว่ ลีกคัพ และ ช้าง เอฟเอคัพ ที่มีโควต้า ACL เป็นเดิมพัน ทำให้สโมสรต้องเบนเข็มล่ากุนซือคนใหม่มาทำหน้าที่แทนแบบถาวร


นั่นเป็นที่มาของชื่อกุนซือเลือดบูชิโดถูกเชื่อมโยงกับทีมจากจากทุ่งรังสิต ไม่ว่าจะเป็น อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย หรือ ยูจิ ซึคาดะ อดีตกุนซือ เซเรโซ่ โอซาก้า 

ก่อนหวยจะมาออกที่ มาโกโตะ เทกุระโมริ ที่เคยมีข่าวจ่อมาคุมทีมชาติไทย สุดท้ายทัพ “ช้างศึก” จะไปแต่งตั้ง “มิโลวาน ราเยวัช” คุมทัพแทน

ประวัติการทำงานของ เทกุระโมริ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เมื่อพา เวกัลตะ เซนได คว้าแชมป์ เจลีก 2 พร้อมตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี และต่อยอดความสำเร็จด้วยการคว้าสิทธิเข้าแข่งขันรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2013 ด้วยการจบอันดับ 2 ของศึก เจลีก 1 ฤดูกาล 2012 นับเป็นการจบอันดับสูงสุดบนตารางคะแนนในประวัติศาสตร์ของสโมสรจนถึงขณะนี้ 


ในปี 2014 เทกุระโมริ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 21, 22 และ 23 ปี ทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการพาทัพ “ซามูไรจูเนียร์” คว้าแชมป์ เอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2016 ที่ประเทศกาตาร์ ด้วยสถิติชนะคู่แข่ง 100% คว้าตั๋วไปลุยศึกโอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล 

หากใครจำกันได้ในรอบแบ่งกลุ่มศึกเอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2016 ทัพ ซามูไร บลู ของ เทกุระโมริ เอาชนะ ไทย ของ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไป 4-0

นอกจากนี้ เทกุระโมริ ยังมาพร้อมประสบการณ์ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกในฐานะผู้ช่วยทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช และกับ อากิระ นิชิโนะ ในรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งทีมชาติญี่ปุ่น สามารถทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ 

ทั้งนี้ในปี 2019 เทกุระโมริ หวนกลับมาคุมทีมในระดับสโมสรอีกครั้งกับ วี วาเรน นากาซากิ ใน เจลีก 2 และ เวกัลตะ เซนได ใน เจลีก 1 เมื่อฤดูกาล 2021 ที่ผ่านมา 


อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำงานของกุนซือชาวญี่ปุ่นที่ต้องการอิสระเต็มที่ มีเวลาการสร้างระบบทีมนานพอสมควร บอร์ดบริหารของทีม “เดอะ แรบบิท” จะทนไหวไหม?

เพราะการทำงานของคนญี่ปุ่นไม่ได้การันตีความสำเร็จได้แบบเร่งด่วน หากจะทำแบบนั้นโครงสร้างของทีมต้องดี นักเตะฝีเท้าเยี่ยมถูกอัดแน่นอยู่เต็มทีม ความสดต้องเยอะกว่าความเก๋า หมือนกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำไว้ให้กับ อิชิอิ

ส่วนนักเตะของ บีจีพียู ดีไหม?  บอกเลยว่าดีแน่ แต่อายุแต่ละคนถือว่าเยอะมากและอยู่ในช่วงปลายชีวิตค้าแข้ง 

ถ้าจะเล่นในแนวทางซามูไรขนานแท้ ที่ต้องบดเพรสซิ่งอย่างหนักหน่วงตลอดทั้งเกมคงไม่เหมาะ ยิ่งหากบอร์ดบริหารของทีมไม่มีความอดทนกับตัวกุนซือเหมือนในอดีตคงไปด้วยกันยาก


กลับกันถ้าบอร์ดบริหารยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เชื่อว่า เทกุระโมริ จะยกระดับทีม รวมทั้งพัฒนาฝีเท้าแข้งพลังหนุ่มทั้ง สันติภาพ จันทร์หง่อม, อิรฟาน ฟานดี้, จักพัน ไพรสุวรรณ, อภิสิทธิ์ โสรฎา, ฉัตรมงคล ทองคีรี, เชาว์วัตน์ วีระชาติ, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ อิคซาน ฟานดี้ ให้เทพยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง บีจีพียู จะได้ประโยชน์เต็มๆ แน่นอน

นอกจากนี้ยังทำให้นักเตะดีกรีทีมชาติไทยมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยชาติไปในตัว และยังเปิดโอกาสให้นักเตะเหล่านี้ไปค้าแข้งในเจลีกในอนาคตด้วย ซึ่งดีลนี้เหมือน บีจี ปทุมฯ ยิงปืนนัดเดียว ได้นกหลายตัว เลยทีเดียว 

ต้องมาลุ้นกันว่า บีจี ปทุมฯ ภายใต้การคุมทีม มาโกโตะ เทกุระโมริ จะไปได้สวยแค่ไหน อย่างน้อยที่การมีกุนซือฝีมือขั้นเทพเข้ามาคุมทีมในไทยเยอะๆ คนลูกหนังบ้านเราไม่มีขาดทุน มีแต่ได้กับได้เสียอีก

นี่แหละเขาเรียกการยกระดับบอลไทย อย่างแท้จริง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด