:::     :::

'มากัธ'ผู้กอบกู้แฮร์ธ่า

วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2565 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,054
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เฟลิกซ์ มากัธ เทรนเนอร์วัย 68 ปีหวังจะใช้ประสบการณ์ที่มีทั้งหมดช่วย แฮร์ธ่า เบอร์ลิน รอดพ้นการตกชั้นจากบุนเดสลีกาหลังถูกดึงมารับเผือกร้อนต่อจาก ตายฟุน คอร์คุต

มันอาจเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของฝ่ายบริหาร แฮร์ธ่า เบอร์ลิน สำหรับการแต่งตั้ง ตายฟุน คอร์คุต เข้ามารับงานในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ก่อนตัดสินใจปลดเทรนเนอร์วัย 47 ปีออกจากตำแหน่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังการปราชัย 5 เกมติดต่อกันจนรูดมาอยู่รองบ๊วยของบุนเดสลีกา

นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้เทรนเนอร์ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เทรนเนอร์วัย 47 ปี นำทีมหญิงชราชนะเพียง 2 ครั้ง เสมอ 3 และแพ้ 9 โดยเก็บได้เพียง 2 คะแนนจากการลงเล่น 9 เกมหลังสุด และเสียถึง 60 ประตูมากสุดอันดับ 2 รองจาก กรอยเธอร์ เฟือร์ธ เพียงทีมเดียวเท่านั้น

ปัจจุบัน แฮร์ธ่า เบอร์ลิน มี 23 คะแนนจากการลงเล่น 26 เกมอยู่อันดับ 17 มีแต้มเท่าทีมอันดับ 16 สตุ๊ตการ์ท และอยู่ห่างจากโซนปลอดภัย อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ ทีมอันดับ 15 อยู่ 2 คะแนน

ดังนั้นการสั่งปลด คอร์คุต ขณะที่เหลือโปรแกรมลงเล่นอีก 8 เกมจึงสมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวง


'หลังจากการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์กีฬาในปัจจุบัน ผู้บริหารของ แฮร์ธ่า เบเอสเซ ได้ตัดสินใจแยกทางกับหัวหน้าโค้ช ตายฟุน คอร์คุต โดยมีผลทันที' แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แถลงการณ์ยกเลิกสัญญากับ คอร์คุต เพียงหนึ่งวันหลังการปราชัยต่อ มึนเช่นกลัดบัค 0-2 เช่นเดียวกับผู้ช่วย อิลิย่า อราชิช 

'อันดับแรก ผมต้องขอขอบคุณ ตายฟุน คอร์คุต และผู้ช่วยของเขา อิลิย่า อราชิช สำหรับงานที่พวกเขาทำที่ แฮร์ธ่า เบเอสเซ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน' เฟรดี้ โบบิช ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬากล่าวในแถลงการณ์ของสโมสร 'หลังจากเริ่มต้นอย่างสดใสด้วยการเก็บ 7 แต้มจากการลงเล่น 4 เกมแรกและมีแนวโน้มที่ดี ตอนนี้เราได้วิเคราะห์ผลงานและผลลัพธ์จาก 9 เกมหลังของฤดูกาลอย่างชัดเจนแล้ว เราได้ข้อสรุปว่าเราต้องเปลี่ยนโค้ชอีกครั้ง'

จากผลงานเกมล่าสุดที่พ่ายต่อ มึนเช่นกลัดบัค 0-2 ส่งผลให้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน รูดมาอยู่อันดับ 17 ซึ่งนำไปสู่การตกชั้นโดยตรงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 'ตอนนี้เราอยู่ในโซนตกชั้น' โบบิช ยอมรับ 'เราเหลืออีก 8 เกมที่จะเก็บคะแนนที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของเรา เราจะทำทุกอย่างที่เท่าสามารถทำได้ และเราต้องการการตัดสินใจนี้เพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องรู้ว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายเพียงใด เราหวังว่าการเริ่มต้นครั้งใหม่นี้จะส่งผลในเชิงบวก'


คอร์คุต เข้ามารับงานต่อจาก พาล ดาร์ได ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่นำทีมเก็บคะแนนเฉลี่ยเพียง 0.64 แต้มต่อเกมในการคุมทีมลงสนาม 14 นัด 'ด้วยเหตุผลหลายประการ โชคไม่ดีที่เราไม่สามารถสร้างจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราทำที่นี่ ผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่นี่สำหรับความร่วมมือที่เปิดกว้างและซื่อตรง ผมหวังว่าสโมสรจะสามารถหลีกเลี่ยงการตกชั้น และผมขออวยพรให้ครอบครัวแฮร์ธ่า พบเจอแต่สิ่งดีๆสำหรับอนาคต' เทรนเนอร์วัย 47 ปีกล่าวอำลา

โบบิช วางแผนจะดึง นิโก้ โควัช อดีตเทรนเนอร์ โมนาโก ที่กำลังว่างงานหลังถูกทีมดังฝรั่งเศสปลดออกจากตำแหน่ง แต่เทรนเนอร์ชาวโครแอตวางแผนพักชาร์จแบตไปจนกระทั่งถึงช่วงซัมเมอร์นี้ 

ขณะที่สื่อเมืองเบียร์ยังนำเสนอแคนดิเดตซึ่งเป็นเทรนเนอร์ที่กำลังว่างงานหลายรายทั้ง ดาวิด ว้ากเนอร์, ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิล, มาร์คุส กิสโดล, ลูเซียง ฟาฟร์ และ ดาเนียล ฟาร์เค่ ขณะที่ สลาเวน บิลิช ได้รับการติดต่อจากสโมสรแล้ว แต่เทรนเนอร์ชาวโครแอตปฏิเสธ 

อีกหนึ่งแคนดิเดตคือ โรเจอร์ ชมิดท์ เทรนเนอร์ของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น แต่เขาต้องการออกจากสโมสรดังเมืองกังหันลมหลังจบฤดูกาลนี้แล้วเท่านั้น 


ท้ายที่สุดตัวเลือกของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่สื่อเมืองเบียร์ไม่ได้เอ่ยถึงก่อนหน้านี้คือ เฟลิกซ์ มากัธ ถูกดึงเข้ามารับงานกุมบังเหียนชั่วคราวไปจนกระทั่งจบฤดูกาล

'ประวัติโดยย่อของ เฟลิกซ์ มากัธ พูดด้วยตัวมันเอง' โบบิช กล่าวถึงเทรนเนอร์วัย 68 ปี 'เราสามารถหาโค้ชที่พิสูจน์ได้ว่าเขามีประสบการณ์ที่จำเป็นเพื่อช่วยเราให้พ้นจากสถานการณ์ท้าทายที่เราเผชิญอยู่'

มากัธ เป็นเทรนเนอร์มากประสบการณ์เคยทำงานกับ ฮัมบูร์ก, เนิร์นแบร์ก, แวร์เดอร์ เบรเมน, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต, สตุ๊ตการ์ท, บาเยิร์น มิวนิค, โวล์ฟสบวร์ก, ชาลเก้, ฟูแล่ม และ ชานตง ลู่เหนิง เคยประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่สุดคือการนำ โวล์ฟสบวร์ก คว้าแชมป์บุนเดสลีกาเมื่อปี 2009 แต่เขาว่างงานมาตั้งแต่แยกทางกับสโมสรจีนตั้งแต่ปี 2017

การเว้นวรรคจากการทำงานมานานกว่า 5 ปีของ มากัธ จึงเป็นเครื่องหมายคำถามว่าเทรนเนอร์วัย 68 ปีจะเหมาะสมกับการเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน หรือไม่


อย่างไรก็ตาม มากัธ แสดงความมั่นใจว่าเขาสามารถนำสโมสรรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างที่คาดหวัง 'ผมได้คุยกับ เฟรดี้ โบบิช อย่างชัดเจนแล้ว เราตระหนักถึงสถานการณ์ทางกีฬา ผมพร้อมที่จะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดของผมเพื่อช่วยให้เราอยู่ในลีกต่อไป' 

แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เคยถูกประเมินว่ามีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรระดับแถวหน้าของลีกเมืองเบียร์ หลังได้รับเงินทุนจากนักธุรกิจชาวเยอรมัน ลาร์ส วินด์ฮอร์สท์ ที่มีมูลค่ามากกว่า 375 ล้านยูโรในช่วงซัมเมอร์ปี 2019

สโมสรนำทุนดังกล่าวมาใช้จ่ายในการเสริมทัพตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อน โบบิช จะยอมรับว่าเงินจำนวนดังกล่าวมลายหายไปเกือบหมดแล้ว แต่ผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อย

ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารงานผิดพลาดโดยเฉพาะการคัดเลือกเทรนเนอร์ อีกส่วนหนึ่งมาจากความขัดแย้งของระดับผู้บริหารระหว่าง แวร์เนอร์ เกเก้นบาวเออร์ ประธานสโมสรหญิงชรากับ วินด์ฮอร์ทส์ 


จุดมุ่งหมายหลักของ วินด์ฮอร์ทส์ ในการลงทุนกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน คือการปรับปรุงวิธีการจัดการสโมสรให้มีความทันสมัย 'เราไม่ได้ลงทุนเพราะเราต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่มันเป็น'

ขณะที่ เกเก้นบาวเออร์ ประธานวัย 73 ปีให้สัมภาษณ์สื่อว่าเงิน 375 ล้านยูโรจาก วินด์ฮอร์สท์ เป็นเพียง 'เงินกู้' ไม่ใช่ส่วนของการลงทุนเพื่อสโมสร แม้ว่าเงินทุนดังกล่าวจะทำให้ วินด์ฮอร์สท์ ถือหุ้นส่วนใหญ่ 64.7 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่เป็นส่วนเฉพาะ บริษัท แฮร์ธ่า เบเอสเซ โฮลดิ้ง จำกัดเท่านั้น

ข้อพิพาทดังกล่าวดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจาก วินด์ฮอร์สท์ ต้องการให้ เกเก้นบาวเออร์ ก้าวลงจากตำแหน่งก่อนที่เขาจะลงทุนเพิ่มเติมกับสโมสร แต่การลงจากเก้าอี้ของ เกเก้นบาวเออร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

เกเก้นบาวเออร์ ดำรงตำแหน่งประธานสโมสร แฮร์ธ่า เบอร์ลิน มาตั้งแต่ปี 2008 เขายังมีอิทธิพลไม่น้อยเช่นกัน จากการเป็นนักอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย เป็นเจ้าของบริษัทผลิตรองเท้า 'ซาลาแมนเดอร์', อดีตผู้สนับสนุนหลักของบริษัท เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท เอเนอร์จี้ และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการของ ลันเดสสปอร์ตบันด์ เบอร์ลิน องค์กรที่ดูแลกีฬาในภูมิภาค


ขณะเดียวกัน วินด์ฮอร์สท์ กำลังถูกดำเนินคดีอาญาสำหรับการทำธุรกรรมทางธนาคารที่ไม่ได้รับอนุญาตในเยอรมนี หลังที่ปรึกษาทางการเงินของเขาได้รับคำเตือนจากการลงทุนของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แต่ด้วยความต้องการของเขาที่จะสร้างความประทับใจให้หุ้นส่วนธุรกิจระหว่างประเทศของเขาในฐานะเจ้าของสโมสรฟุตบอลได้รับการกล่าวขาน นั่นทำให้เขาเมินคำแนะนำจากที่ปรึกษาของเขา

แม้จะมีปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่นักธุรกิจวัย 45 ปียังยืนยันถึงความมุ่งมั่นของตนเองเช่นเดิม 'ผมจะไม่ยอมให้ใครผลาญเงิน 375 ล้านยูโร และนั่นคือเหตุผลที่ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมจะนำพาการลงทุนไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าที่วางแผนไว้ในตอนแรกก็ตาม'

นั่นคือปัญหาภายในที่เกิดขึ้นกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะลงเอยในรูปแบบใด เช่นเดียวกับวิกฤตทางกีฬาของสโมสร ซึ่งอาจลงเอยด้วยการตกชั้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขาในซีซั่น 2009-2010


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด