:::     :::

บุนเดสลีกา : บันไดไปสู่ระดับโลก

วันศุกร์ที่ 01 เมษายน 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
952
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จู๊ด เบลลิงแฮม เป็นหนึ่งในดาวรุ่งชั้นนำที่เลือกย้ายไปเยอรมันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อะไรที่ทำให้ลีกนี้ดึงดูดใจได้ขนาดนั้น?

การเพิ่มขึ้นของดาวรุ่งชั้นนำของวงการลูกหนังในบุนเดสลีกา นั้นคือเทรนด์ หรือเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่ แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้เยอรมันเป็นบ้านของเหล่าแข้งอายุน้อยมากพรสวรรค์ของโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ผู้เล่นจากทั่วทุกมุมโลกยังคงแห่ไปกันที่นั่น และมันก็ไม่มีทีท่าจะหยุดเนื่องจากมีดาราหน้าใหม่เข้ามาทุกปีด้วยความหวังที่ว่าจะก้าวไปเป็นบิ๊กเนมของวงการในอนาคต

เหล่าสตาร์ดังเมื่อวันเก่าๆ อย่าง เจดอน ซานโช่, คริสเตียน พูลิซิช และ ไค ฮาแวร์ทซ์ ได้จากไปแล้ว และในไม่ช้าเราก็อาจได้เห็น เออร์ลิง ฮาแลนด์ โยกย้ายออกไปอีกราย

แต่การพัฒนาพรสวรรค์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของวงการฟุตบอลเยอรมันไปแล้ว

เมื่อมองไปยังรายชื่อของเหล่าเด็กเทพของวงการลูกหนังในปี 2022 มันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลลีกเยอรมันที่มีต่อเหล่าวันเดอร์คิด

เบลลิงแฮม เลือก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แทนที่จะเป็นหลายทีมในพรีเมียร์ลีก โดยรู้ว่าการเล่นที่เยอรมันจะทำให้เขาก้าวไปยังระดับที่แตกต่างออกไป

จามาล มูเซียล่า ก็มีเส้นทางที่คล้ายกัน เมื่อเลือกออกจาก เชลซี ไปยัง บาเยิร์น มิวนิค ด้วยความหวังที่จะกลายเป็นนักเตะชั้นเวิลด์คลาส

ด้าน ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ สตาร์ท้องถิ่นของ เลเวอร์คูเซ่น ก็ถูกยอมรับระดับสูงในเวทีบุนเดสลีกา ขณะที่ก็มีอีกหลายรายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วสโมสรในเยอรมัน

อายุเฉลี่ยของผู้เล่นในบุนเดสลีกา ฤดูกาลนี้ไม่เกิน 26 ปี โดยมีเพียงลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่ค่าเฉลี่ยน้อยกว่า ด้านเซเรีย อา นั้นค่าเฉลี่ยไม่เกิน 27 ปี ขณะที่พรีเมียร์ลีก และลา ลีกา ตัวเลขมากกว่าเท่าๆ กัน

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากความพยายามอย่างปราณีตจากเหล่าสโมสรในเยอรมันนับตั้งแต่ทีมชั้นนำไปยังท้ายตาราง

ตัวอย่างที่ดีที่สุดของความพยายามนั้นก็คือ ดอร์ทมุนด์ โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่มีสโมสรใดที่จะพัฒนาพรสวรรค์ได้มากกว่าทีมจากถิ่นเวสต์ฟาเล่นสตาดิโอน อีกแล้ว

เบลลิงแฮม, ฮาแลนด์, พูลิซิช, ซานโช่, อุสมาน เดมเบเล่, ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง, โจวานนี่ เรย์น่า, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้... ชื่อเหล่านี้ถูกนำมาจากลีกอื่นทั้งหมด และทุกคนก็กลายเป็นดาวเด่นแห่งอนาคต และก็ในปัจจุบันนี้ด้วย

มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็นส่วนสำคัญของปรัชญาสโมสร ดอร์ทมุนด์ ไม่ได้มีเจ้าของเป็นมหาเศรษฐีอย่าง แมนฯ ซิตี้ หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง และพวกเขาก็ไม่ได้มีเงิน หรือมรดกตกทอดอย่าง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด หรือ บาเยิร์น

ดังนั้นการหันหาผู้เล่นเยาวชนในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากพวกเขาก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในฟุตบอลยุโรป

มันไม่ได้เกี่ยวกับความต้องการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมด้วย ดอร์ทมุนด์ เองก็ภาคภูมิใจในการเป็นประตูที่ส่งทุกคนให้ก้าวไปอีกระดับ

คาร์สเท่น คราเมอร์ กรรมการผู้จัดการ ดอร์ทมุนด์ กล่าวว่า "มันเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอของเราที่ไม่สามารถซื้อพวกบิ๊กเนมได้ แต่เราจะปั้นดาวรุ่ง และสร้างให้เขาเป็นสตาร์"

"ถ้าคุณทำให้ให้ยั่งยืน และน่าเชื่อถือเป็นเวลากว่า 10-15 ปี และถ้าทุกคนรู้ว่านั่นเป็นทางเลือกเดียวที่สามารถแข่งขันได้ ผมแน่ใจมากว่าผู้เล่นจะคิดว่า ดอร์ทมุนด์ เป็นที่ที่เหมาะสม"

"อีกหนึ่งเหตุผลอาจเป็นเพราะเราไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงอย่างลอนดอน หรือปารีส ดอร์ทมุนด์ เป็นที่ที่เงียบสงบ คุณสามารถใช้เวลาของคุณได้อย่างเต็มที่ เรามีทีมยู-23 และเราก็มีการโค้ชเยาวชนที่สมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน"

"ดังนั้นแม้ว่าผู้เล่นจะไม่ได้ก้าวไปยังทีมชุดใหญ่ พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาจะถูกจับตามอง และเฝ้ามองทั้งในทีมที่สอง และทีมเยาวชน"

มันไม่ใช่แค่ ดอร์ทมุนด์ เท่านั้น แต่บรรดาดาวรุ่งเก่งๆ ก็กระจายไปทั่วทั้งลีก ตั้งแต่ มูเซียล่า ที่ บาเยิร์น ไปจนถึงทีมท้ายตาราง

ในช่วงตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา เอาก์สบวร์ก ที่กำลังหนีตกชั้นทุ่มเงิน 18 ล้านยูโร คว้าตัว ริคาร์โด้ เปปี้ จนเป็นสถิติสโมสร

เปปี้ วัย 19 ปี ไม่ได้ถูกนำเข้ามาเพื่ออนาคตเท่านั้น แต่ก็เพื่อปัจจุบันในการช่วยทีมหนีตายด้วย แม้จะเป็นภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกไว้บนบ่า แต่เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งปกติในลีกที่เต็มไปด้วยสโมสรซึ่งเรียนรู้วิธีการสร้างสมดุลระหว่างการทดสอบครั้งใหญ่ในระยะเวลาที่เหมาะสม

เช่นเดียวกับเหล่าดาวรุ่งส่วนใหญ่ เปปี้ ต้องเผชิญหน้ากับทางเลือก เขาเป็นที่ต้องการของสโมสรทั่วโลก แต่เขาเลือกบุนเดสลีกา และมันคือทีมที่กำลังลำบากอย่าง เอาก์สบวร์ก เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นโอกาสดีที่สุดที่เขาจะได้ลงเล่น

บางคนมองว่ามันเป็นการย้ายทีมก่อนที่จะย้ายไปที่อื่นอีกทีเช่นเดียวกับ เบลลิงแฮม ซึ่งคาดว่าจะได้กลับไปยังพรีเมียร์ลีก ในอนาคต แต่ เปปี้ เชื่อว่าเขาจะลงหลักปักฐานในเยอรมันสำหรับอนาคตอันใกล้นี้

"ผมต้องการประสบความสำเร็จในลีกนี้ และมันเป็นที่ที่ทุกคนต้องการมาเล่น ในอเมริกา ผู้เล่นทุกคนต้องการมาเล่นในบุนเดสลีกา"

"ผมจะไม่พูดว่ามันเป็นขั้นบันไดหรอก แต่นี่เป็นลีกที่ยอดเยี่ยมที่ได้เข้ามา ถ้าผมจะอยู่ที่นี่ 5 ปี ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร"

เรื่องของเขาก็คล้ายๆ กับ โจ สคัลลี่ อีกผู้เล่นอเมริกันที่ย้ายจาก นิวยอร์ก ซิตี้ มายัง มึนเช่นกลัดบัค ในปี 2020 ก่อนจะก้าวมายึดตัวจริงได้มากขึ้นในฤดูกาลนี้

"พวกเขาให้โอกาสผู้เล่นอายุน้อย ถ้าพวกเขาเห็นเด็กๆ ทำผิดพลาด มันก็จะไม่ได้ทำลายอาชีพของคุณ คุณจะได้รับโอกาสอีกครั้ง" สคัลลี่ กล่าว

"ผมคิดว่ามันแสดงให้เห็นมาโดยตลอด มันได้รับการพิสูจน์แล้ว และสำหรับผู้เล่นชาวอเมริกัน นักเตะทุกคนที่มาที่นี่ต่างทำได้ดี"

อย่างที่ สคัลลี่ ได้บอกเอาไว้ บุนเดสลีกา ไม่ใช่ลีกที่ไม่ให้อภัยเหมือนอย่างพรีเมียร์ลีก ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากทั้งภายนอก และภายใน ซึ่งสามารถทำลายผู้เล่นจำนวนมากได้

แต่ที่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่ง่ายๆ เช่นกัน เนื่องจากผู้เล่นจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าสโมสรชั้นนำของโลกอยู่เป็นประจำ

วิธีการเหล่านี้ยอดเยี่ยมสำหรับสโมสร นักเตะอย่าง เดมเบเล่, พูลิซิช และ ซานโช่ แจ้งเกิดในเยอรมัน และออกจาก ดอร์ทมุนด์ ไปด้วยค่าตัวก้อนยักษ์ เช่นเดียวกับดาราดังในพรีเมียร์ลีก ปัจจุบันอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซน ฮึง-มิน, อิบราฮิมา โกนาเต้, นาบี เกอิต้า และ กรานิต ชาคา ที่ย้ายมายังบุนเดสลีกา ตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนจะถูกขายออกไปเพื่อผลกำไรมหาศาล

สำหรับหลายๆ สโมสรนอกจาก บาเยิร์น นี่เป็นวิธีเดียวในการทำธุรกิจ และคงไว้ซึ่งความมั่นคง ด้วยการหาคนเก่ง พัฒนาคนเก่ง ขายคนเก่ง นั่นเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดในการทำให้ตัวเองอยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

บุนเดสลีกา อยู่ในระดับที่สูงกว่าเอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นลีกที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในการสร้างเหล่าดาวรุ่งโดยเฉพาะ

ขณะเดียวกัน บุนเดสลีกา ก็เป็นลีกที่มีเงินใช้ แม้จะไม่เท่ากับพรีเมียร์ลีก แต่พวกเขาก็สามารถนำผู้เล่นอายุน้อยที่เก่งที่สุดเข้ามา ก่อนที่พวกเขาจะก้าวไปเป็นดาราดัง

อีกหนึ่งปัจัยหลักที่มีส่วนสำคัญสำหรับลีกนี้นอกจากผู้เล่น และสโมสร นั่นก็คือโค้ช

โค้ชมีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาผู้เล่นอย่างแท้จริง พวกเขาจะเลือกทีมตัวจริง, ออกแบบเซสชั่นการซ้อม และเลือกว่าจะเชื่อใจเรื่องใดๆ และเมื่อไหร่

ที่เยอรมันนั้นเต็มไปด้วยโค้ชที่พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับผู้เล่นที่พวกเขาต้องจัดการ พวกเขาจะถูกดึงออกมาจากความมืด และหล่อเลี้ยงตัวเอง

เจอร์เก้น คล็อปป์ เติบโตจากที่ที่ไม่มีใครรู้จักจนกลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมชั้นนำของโลกในบ้านเกิดของเขา หรืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ก็เคยเป็นโค้ชเยาวชนที่พัฒนาทั้ง มาริโอ โกเมซ และ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ขณะที่ ราล์ฟ รังนิก ก็สร้าง ไลป์ซิก และสโมสรในเครือเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเหล่าดาวรุ่ง

แน่นอนว่าฟุตบอลเยอรมันจะยังคงโฟกัสไปที่ดาวดวงใหม่สำหรับวันพรุ่งนี้ไม่เปลี่ยนแปลง มันฝังแน่นในวัฒนธรรมของพวกเขาไปแล้ว เช่นเดียวกับตั๋วราคาถูก, กฎ 50+1 และเบียร์บนอัฒจันทร์


พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด