:::     :::

คล็อปป์ ยังเชื่อ...เราก็ควรเชื่อ

วันอังคารที่ 12 เมษายน 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,238
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลเสมอ 2-2 เมื่อวันอาทิตย์หมายความว่าการชิงชัยแชมป์พรีเมียร์ลีกยังคงเปิดกว้างอยู่สำหรับทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งเหลืออีก 7 เกมสุดท้าย แต่ใครที่น่ากังวลกว่าล่ะ?

หลายเสียยังคงชี้เป้าไปที่ แมนฯ ซิตี้ แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มีความคิดอื่น

ช่วง 20 นาทีหลังจากจบเกมนั้น คล็อปป์ ออกจากข้างสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม และเดินตรงไปยังกองเชียร์ฝ่ายเยือนเพื่อแสดงการท้าทายอันเร้าใจ

"ผมกำลังหาภรรยาของผมอยู่!"

เขากล่าวหลังจากนั้นว่าเขาไม่พบเธอ แต่เขาได้เห็นกองเชียร์ 2,880 คน ที่แสดงความขอบคุณให้กับผู้ชายที่พวกเขารัก ชายผู้กำลังทำให้พวกเขาได้ฝัน และกำลังพาพวกเขาไปสู่การเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงน่าจดจำที่สุดในชีวิต

พวกเขายังคงมีความเชื่ออยู่แล้ว แล้วทำไมเราถึงไม่เชื่อมั่นล่ะ? การลุ้นแชมป์อาจจะเข้าทาง เรือใบ อยู่ แต่ หงส์แดง ก็ยังอยู่ตรงนั้น ทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนายังอยู่ที่นั่น อยู่ไม่ไกลเลย

เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทีมของ คล็อปป์ ต้องฝ่านรกเพื่อรักษาความหวังในการลุ้น 4 แชมป์ของพวกเขาเอาไว้ ผลเสมอ 2-2 ที่ หงส์แดง ได้รับจาก แมนฯ ซิตี้ อาจทำให้มันเป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

ลิเวอร์พูล ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลัง 2 ครั้ง แต่พวกเขาก็ลุกขึ้นสู้ และเอาคืนได้ทั้ง 2 ครั้ง แม้จะสะบักสะบอม เจียนอยู่เจียนไปหลายครั้ง แต่พวกเขาก็เอาตัวรอดจนถึงเสียงนกหวีดสุดท้ายได้

หนึ่งแต้มนั้นโดยธรรมชาติแล้วมันทำให้ความได้เปรียบอยู่ในมือ ซิตี้ กับ 7 เกมที่เหลืออยู่พวกเขารู้ว่าชัยชนะทั้ง 7 นัดจะรับประกันว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกได้ครั้งที่ 4 จาก 5 ปีหลัง และโปรแกรมของ เรือใบ ก็ถือว่าดูดีกว่าอย่างชัดเจน

กระนั้น มันกลับเป็นฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ที่ดูจะเซ็งกว่าหลังเกมสำคัญนั้น "เราปล่อยให้พวกเขายังมีชีวิตอยู่" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าว และคุณก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร

อย่างเกมที่แอนฟิลด์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้ ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายนำสองครั้ง แต่เอาจริงๆ ซิตี้ นั้นผิดพลาดในการเปลี่ยนโอกาสที่มากมายในช่วงต้นเกมให้เป็น 3 แต้ม

"หากคุณไม่มีโชคในชีวิตคุณก็คงแย่" คล็อปป์ กล่าว โดยเขาก็คงรู้ว่าหากเป็นวันอื่น ราฮีม สเตอร์ลิง คงเลี้ยงไลน์ตัวเองดีกว่านี้ หรือ ริยาด มาห์เรซ ก็อาจจะมีทางเลือกที่ถูกต้องกว่าการชิพข้ามคานในวินาทีสุดท้าย

เขารู้ว่า ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า โชคดีเล็กน้อยที่หลีกเลี่ยงใบแดงในครึ่งหลัง และทีมของเขาก็น่าจะเล่นได้ดีกว่านี้

เขารู้ว่าความสมบูรณ์แบบจำเป็นในตอนนี้ 7 นัดที่บังคับให้พวกเขาต้องชนะนั้นเป็นการเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, นิวคาสเซิ่ล, สเปอร์ส, แอสตัน วิลล่า, เซาธ์แฮมป์ตัน และ วูล์ฟส์ ทีมเหล่านี้จะต้องเป็นฝ่ายแพ้หาก ลิเวอร์พูล จะมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20

"เรารู้เรื่องนี้ในเดือนมกราคม" คล็อปป์ ยืนยัน

"เรารู้ว่าเราต้องชนะ 18 เกม และถ้ามีสักเกมที่จะหลุดเสมอ มันก็เป็นวันนี้ เราเสมอแล้ว ทีนี้มาดูกัน"

เมื่อเทียบกันแล้ว โปรแกรมของ ลิเวอร์พูล นั้นยากกว่า แมนฯ ซิตี้ แต่เมื่อคุณชนะได้ 10 จาก 11 นัดหลังสุดในลีก คุณก็ไม่ต้องกลัวใครแล้ว สองทีมที่เก็บแต้มได้จาก หงส์แดง ในปี 2022 ก็คือทีมที่มีอันดับเหนือ และอยู่ล่างพวกเขาติดกันโดยตรง (แมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี)

แมนฯ ยูไนเต็ด และ เอฟเวอร์ตัน อาจเป็นคู่แค้นตามประเพณี แต่หาก คล็อปป์ ได้ดูเกมที่กูดิสัน พาร์ค ของคู่เร็ววันเสาร์ เขาก็จะไม่ได้เห็นอะไรที่น่ากังวลเลย ยิ่งเป็นที่แอนฟิลด์ด้วย ลิเวอร์พูล ก็น่าจะแกร่งเกินไปสำหรับทั้งสองทีมนั้น

สเปอร์ส น่าจะเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่สุด ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ อยู่ในฟอร์มที่ดี มี แฮร์รี่ เคน, ซน ฮึง-มิน และ เดยัน คูลูเซฟสกี้ เป็น 3 แนวรุก แต่ก็ ไก่เดือยทอง อีกนั่นแหละที่ช่วยลาก หงส์แดง ให้กลับเข้าสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ด้วยการบุกไปเอาชนะ ซิตี้ ถึงเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

แมนฯ ซิตี้ คาดว่าจะเอาชนะได้ทั้ง 4 เกมเหย้าที่พบ วัตฟอร์ด, ไบรท์ตัน, นิวคาสเซิ่ล และ แอสตัน วิลล่า แต่การไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม และ วูล์ฟส์ นั้นก็อันตรายใช่ไหมล่ะ? ทีมของ เป๊ป ในฤดูกาลนี้ก็มีปัญหาให้เห็นมาบ้างเหมือนกันในการเจอพบทีมกลางตาราง

ทว่าเราก็สามารถที่จะมองไปยังปี 2018-19 ได้เหมือนกัน เมื่อ ลิเวอร์พูล เอาชนะได้ทั้ง 9 นัดหลังสุดในลีกฤดูกาลนั้น แต่ ซิตี้ ก็ดันคว้าชัยได้ใน 14 เกมหลังสุดแบบไม่น่าเชื่อ

เมื่อพิจารณาถึงคุณภาพทีมในปีนี้ มันคงไม่น่าแปลกใจหากพวกเขาจะลงเล่นแบบไร้ข้อผิดพลาดในลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ก็แชมเปี้ยนส์ลีกที่อาจทำให้เสียสมาธิได้ เมื่อทั้งคู่เป็นทีมเต็งที่จะผ่านเข้ารอบตัดเชือก แม้ว่า ซิตี้ จะต้องเผชิญหน้ากับความอึดอัดในการไปเยือน แอต. มาดริด ในสัปดาห์นี้

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ยังน่าติดตามชมอยู่ดี ผู้จัดการทีมที่น่าทึ่งทั้งสองคนนำทีมที่น่าทึ่งทั้งสองทีม กับ 7 เกมที่จะหาผู้ชนะ และนี่เรายังไม่ได้พูดถึงเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศในสัปดาห์หน้าที่เวมบลีย์ หรือโอกาสไปเจอกันในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกที่กรุงปารีสในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมอีก

นี่เป็นเวลาที่เราจะได้เป็นสักขีพยาน ถึงเวลานั่งเอนหลัง และเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่ทั้งสองทีมมอบให้ หากคุณไม่เคารพในคุณภาพของ ซิตี้ และหากคุณไม่สามารถที่จะสนุกไปกับ ลิเวอร์พูล บอกตามตรงเลยว่าคุณคงไม่ได้ชื่นชอบฟุตบอลหรอก

เกมเมื่อวันอาทิตย์มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงการปิดตายแชมป์พรีเมียร์ลีก นั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ดราม่า ตึงเครียด และอันตราย นี่แหละคือฟุตบอล และระหว่างนี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคมก็น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกมาก

ใครจะเป็นผู้ชนะ เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของ คล็อปป์ หลังเกมที่เอติฮัด แล้ว ความคิดของ ลิเวอร์พูล คือพวกเขายังมีโอกาสอีกมากกว่าครึ่ง


พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด