ฟ้าหลังฝนของ "เจ" ชนาธิป
ในการเป็นนักฟุตบอลของชายที่ชื่อ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เอาชนะปัญหามานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการสู้กับเสียงดูถูกว่า “ตัวเล็กแบบนี้คงเป็นนักฟุตบอลไม่ได้”
แต่เขาเอาชนะน้ำลาย และเดินหน้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ประสบความสำเร็จกับสโมสรต้นสังกัด ก้าวไปติดทีมชาติไทย มอบความสุขให้แฟนบอลไทย และได้ย้ายไปเล่นลีกระดับเอเชียอย่าง เจลีก ญี่ปุ่น
เขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชนะใจโค้ช “มิไฮโล เปโตรวิช” และเพื่อนร่วมทีม ก่อนจะยึดตัวจริงชนิดที่ทีมขาดไม่ได้ในเวลาต่อมา
จากนั้นเขาถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ “คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่” และกลายเป็นขวัญใจของชาวฮอกไกโด
เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เขาก้าวออกจากคอมฟอร์ดโซนไปเล่นให้ยอดทีมของลูกหนังแดนปลาดิบอย่าง “คาวาซากิ ฟรอนตาเล่” ด้วยค่าตัวสูงเป็นประวัติศาสตร์สโมสรและวงการฟุตบอลญี่ปุ่น
แน่นอนด้วยมูลค่ามหาศาลทำให้เขาถูกคาดหวังว่าจะพา “ฟรอนตาเล่” ป้องกันแชมป์เจลีกให้ได้อีกครั้ง หลังจากฟาดแชมป์ลูกหนังลีกแดนซามูไรมา 2 ปี ติดต่อกัน
แต่ชีวิตในถิ่น โทโดโรกิ สเตเดียม ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด แม้จะมีประสบการณ์ค้าแข้งในเจลีกมากมาย แต่ที่นี่แตกต่างออกไป
แท็คติคของ “เทรุ โอนิกิ” แยบยลซับซ้อน แถมการขาดหลายไปของตัวหลักหลายคนที่ย้ายไปเล่นในยุโรป ทำให้ทีมไม่ได้แกร่งเหมือนในอดีต
นั่นทำให้ความคาดหวังต่างๆ ของแฟนบอลตกมาอยู่ที่ 2 บ่าของ “เจ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้จะทำไปแล้ว 1 แอสซิสต์ในเจลีก แต่มันยังไม่เพียงพอ แถมฟอร์มการเล่นของ “ฟรอนตาเล่” เองยังไม่เสถียร ทำให้ฟอร์มของ “เจ” จึงแกว่งตามไปด้วย จนถูกดร็อปจากทีมตัวจริงไป 3 นัด
แบ่งออกไปเป็น เจลีก 2 นัด ในเกมเสมอ จูบิโล่ อิวาตะ ไป 1-1 และ เอาชนะ คาชิว่า เรย์โซล ไป 1-0 และฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม สาย ไอ นัดแรกที่เสมอกับ อูลซาน ฮุนได จากเกาหลีใต้ ไป 1-1
ทว่าเกมต่อมาในศึกชิงเจ้าสโมสรเอเชีย “เทรุ โอนิกิ” ตัดสินใจมอบโอกาสให้ “เจ” พิสูจน์” ฝีเท้าอีกครั้ง นับเป็นการกลับมาเล่นฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มในเกมเจอ กว่างโจว เอฟซี
ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีของ เจ ที่ได้กลับมาวาดลวดลายในรายการนี้อีกครั้งนับตั้งแต่เล่นให้ “เมืองทอง ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2017
ซึ่ง “เจ” พาบิ๊กทีมจากแดนปลาดิบโชว์ฟอร์มโหดเอาชนะบิ๊กทีมจากแดนมังกรที่ขนผู้เล่นดาวรุ่งมาแข่งขันไป 8-0
โดยตลอดเวลา 90 นาที ในสนามเขาเล่นได้อย่างมั่นใจและทำไป 1 ประตู เมื่อเลี้ยงฝ่าแนวรับ กว่างโจว แล้วสับไกยิงบอลตุงตาข่ายอย่างสุดสวย จังหวะดีใจพนมมือมองขึ้นไปบนฟ้าบ่งบอกเลยว่า “เจ” คลายความกดดันลงไปไม่น้อย
เมื่อเปิดเผยสถิติต่างๆ ออกมา ปรากฎว่า “เจ” จ่ายบอลแม่นยำถึง 85.7% และจ่ายบอลสำเร็จไป 66 ครั้ง สร้างสรรค์โอกาสทำประตู 2 ครั้ง และยิงไป 1 ประตู
หวังว่าประตูนี้จะเป็นประตูปลุกความมั่นใจให้ “เจ” คืนฟอร์มเทพ และกลับมายึดตัวจริงของ “ฟรอนตาเล่” ให้ได้
และฟ้าหลังฝนของ “เจ” ครั้งนี้จะสดใส และทำให้ชีวิตนักเตะอาชีพในคราบ “ฟรอนตาเล่” ซาบซ่านอีกหน
ตลอดชีวิต 28 ปี เขาเอาชนะ อุปสรรค มาได้ตลอดหวังว่าครั้งนี้เขาจะทำได้อีกครั้ง
เป็นกำลังใจให้...ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นหินครับ