:::     :::

ใครพลาดมากกว่า...แพ้

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บิ๊กแมตช์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงพลิกความคาดหมายไม่น้อยเมื่อ อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายบุกชนะ เชลซี ได้ถึง 4-2

"ปืนใหญ่" เพิ่งปราชัยมา 3 นัดติดต่อกันจนทำให้โอกาสลุ้นท็อปโฟร์เริ่มสั่นคลอน ขณะที่ "สิงห์บลูส์" คว้าตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ หลังดับซ่า คริสตัล พาเลซ 2-0 

โมเมนตัมและความได้เปรียบในฐานะเจ้าถิ่นมีมากพอที่จะเก็บสามคะแนนได้ ทว่าดันเป็นทีมเยือนจากลอนดอนเหนือที่เค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ในเกมที่มีถึง 6 ประตู 

โธมัส ทูเคิ่ล ปรับทีมหลายตำแหน่งหลังเสร็จภารกิจในเอฟเอ คัพ โรเมลู ลูกากู ได้คืนตัวจริง เช่นเดียวกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ รูเบน ลอฟตัส ชีค ที่ได้ลุยแดนกลาง ส่วนเกมรับ มาล็อง ซาร์ ได้โอกาส อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง 

ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า ก็ปรับ 3 จุดสำคัญคือส่ง ร็อบ โฮลดิ้ง ลงยืนเซนเอร์แบ็กร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส เพื่อถ่าง เบน ไวท์ ไปเล่นแบ็กขวาแทน เซดริก โซอาเรส ส่วน ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ที่กลับมาซ้อมได้อีกรอบ ยังไม่ฟิตพอติดทีม

ตรงกลางให้ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ลงเล่นในรอบสามเดือนครึ่ง ขณะที่แนวรุกสลับให้ เอมิล สมิธ โรว์ เล่นแทน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โดยยังมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เป็นตัวจริงเพราะ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ เพิ่งหายป่วยมีชื่อเป็นแค่สำรอง

ทั้งสองทีมพยายามเซตบอลสู้กันตั้งแต่เริ่มเกม ทว่าต่อบอลได้ไม่กี่จังหวะก็โดนตัด หรือไม่ก็จ่ายพลาดง่ายๆ ซึ่ง อาร์เซน่อล หลุดก่อนที่ สมิธ โรว์ คืนหลังไม่เข้าใจกับเพื่อน ลูกากู จึงได้ลุ้นยิงเน้นๆ ทว่าไม่เข้ากรอบ 

เห็นได้ชัดว่าหัวหอกทีมชาติเบลเยียมไม่ได้อยู่ในช่วงที่มั่นใจในการเล่น หากเป็นช่วงแรกที่เพิ่งย้ายมาและเปิดตัวได้ดี คงได้ลุ้นประตูมากกว่านี้

แต่ครั้งแรกที่ เชลซี พลาดบ้างก็เสียประตูเลย อันเดรียส คริสเตนเซ่น ใจอาจลอยไปที่คัมป์ นู พยายามดีดบอลคืนให้ เอดูอาร์ เมนดี้ แต่โดนไม่ดีกลายเป็นเข้าทาง เอ็นเคเทียห์ ได้หลุดก่อนลากต่อเข้าไปล่อเป้าไม่พลาด มาล็อง ซาร์ วิ่งทันแต่ไม่กล้าเข้าฟาวล์เพราะเหลี่ยมเสียเปรียบ


เอ็นเคเทียห์ ทำ 2 ประตู

ทว่า อาร์เซน่อล ดีใจได้เพียง 4 นาทีก็เสียประตูคืนให้ เชลซี ที่มาจากความผิดพลาดเช่นกัน พวกเขาพยายามเซตบอลจากข้างหลังแต่ไม่ละเอียดจึงโดน รูเบน ลอฟตัส ชีค ตัดได้ บอลมาถึง ติโม แวร์เนอร์ แตะต่อเข้าในแล้วยิงแฉลบ กรานิต ชาก้า นำหนักบอลไม่แรง แต่ อารอน แรมส์เดล เสียจังหวะไปแล้วจึงพุ่งเซฟไม่ทัน 

รูปแบบการได้ประตูสองลูกแรกสะท้อนอย่างดีว่าเกมเปิดมากๆ บอลถึงเขตโทษอีกฝ่ายรวดเร็ว เช่นเดียวกับประตู 2-1 ของ อาร์เซน่อล 

เชลซี ไล่บีบการเซตบอลจากข้างหลังของ อาร์เซน่อล ได้อีกครั้ง อลอนโซ่ จิ้มให้ แวร์เนอร์ ในเขตโทษ แต่พอแต่งหาจังหวะยิงก็โดนรุมจนเสียบอล กรานิต ชาก้า โชว์ความนิ่งพาบอลหนี ลูกากู และ อลอนโซ่ ออกมาจากเขตโทษตัวเองก่อนถ่ายต่อให้ มาร์ติน โอเดการ์ด โต้เร็วแทงขึ้นหน้าไปถึง ซาก้า ที่ไหลคืนให้ โอเดการ์ด ก่อนสุดท้ายเป็น สมิธ โรว์ วิ่งมายิงเข้าเสาไกลแม่นยำ

สมิธ โรว์ ยิงลูกนี้ดีมาก ไม่เน้นแรง แต่ทิศทางร้อยเปอร์เซ็นต์ ปีก่อนที่ อาร์เซน่อล บุกชนะ เชลซี 1-0 ก็เป็นไอ้หนุ่มจากครอยดอนคนนี้ที่ทำประตูชัย 

แต่ อาร์เซน่อล ก็ไม่สามารถรักษาสกอร์นำครั้งที่สองได้เพราะเพียงแค่ 5 นาทีก็เสียประตูให้ เชลซี อีกในลักษณะคล้ายๆ เดิม เชลซี รุมแย่งบอลคืนก่อนเป็น เมสัน เมาน์ท โยนไปหน้าประตูให้ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า วิ่งโฉบตัดหน้า นูโน่ ตาวาเรส สะกิดบอลง่ายๆ เข้าไป

เป็น 45 นาทีแรกที่มีข้อผิดพลาดมากมายจากทั้งสองทีม และต่างฝ่ายต่างฉวยโอกาสยิงประตูได้ 

ครึ่งหลัง ทูเคิ่ล แก้เกมทันทีส่ง ติอาโก้ ซิลวา ลงแทน คริสเตนเซ่น ที่พลาดประตูแรกและดูจะเสียความมั่นใจไปพอสมควร 

อาร์เซน่อล ขึ้นนำรอบสามจากการจ่ายพลาดของ เชลซี อีกครั้ง อัซปิลิกวยต้า ตวัดบอลออกด้านข้างให้เพื่อนแต่โดน ตาวาเรส ฉกได้ แบ็กซ้ายโปรตุเกสเปิดยัดเข้ากลางให้ เอ็นเคเทียห์ ได้คล้องหาเหลี่ยมยิง แต่โดน ติอาโก้ ซิลวา จิ้มได้ ทว่าบอลก็โดน มาล็อง ซาร์ กับ ก็องเต้ กระเด้งกระดอนเข้าทาง เอ็นเคเทียห์ ได้ดีดระยะ 12 หลาผ่านมือ เมนดี้ ตุงตาข่ายอีกครั้ง


ซาก้า สะใจสุดๆ กับแฟนบอล

ก่อนเกมนี้ เอ็นเคเทียห์ ยิงประตูในลีกไม่ได้เลยจาก 14 นัดที่ได้โอกาส แต่พอปลดล็อกได้ก็ทำได้ในทีเดียวสองประตูและในเกมที  อาร์เซน่อล ต้องการมากๆ 

คราวนี้ ทูเคิ่ล อยู่เฉยไม่ได้ต้องส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงแทน ลูกากู ที่เงียบสนิทยกเว้นเพียงจังหวะได้ส้มหล่นต้นเกม 

อาร์เซน่อล ไม่พลาดเสียประตูคืนให้ เชลซี เป็นคำรบสาม การเล่นของปืนใหญ่ในครึ่งหลังรัดกุมมากขึ้น และเริ่มเปลี่ยนตัวคนแรกเมื่อเข้าสู่ 20 นาทีสุดท้าย ไม่ถูกบีบให้ต้องแก้สถานการณ์แบบ เชลซี

15 นาทีสุดท้าย อาร์เตต้า จึงแพ็คเกมเพื่อรักษาสกอร์นำ เซดริก โซอาเรส ถูกส่งลงแทน สมิธ โรว์ เกมรับ อาร์เซน่อล จึงมีกองหลัง 5 คน บวกกับ กรานิต ชาก้า กับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ที่ลงมาช่วยเกมรับตลอดโดยเฉพาะรายหลังที่เด่นมาก 

เอลเนนี่ แทบไม่มีบทบาทในทีมและได้เล่นเพียง 6 นาทีตลอดปี 2022 แต่ 90 นาทีเต็มที่เดอะ บริดจ์ กองกลางทีมชาติอียิปต์เล่นได้ตามแท็กติกที่ อาร์เตต้า วางแผนมากับการวิ่งไล่บอล และตัดบอล คอยช่วยสกรีนเกมรุกของ เชลซี ก่อนถึงกองหลัง 

หลังจาก โธมัส ปาร์เตย์ บาดเจ็บไป อาร์เตต้า ลองผิดลองถูกและพยายามให้โอกาส แซมบี้ โลคองก้า แต่ผลงานล่าสุดของ เอลเนนี่ ในการจับคู่กับ ชาก้า ทำได้ดีกว่าชัดเจน ประสบการณ์ของทั้งคู่มีประโยชน์มาก 


ปืนใหญ่กลับมาชนะได้ในเกมสุดสำคัญ

ชาก้า กับ เอลเนนี่ เสียบอลเพียงคนละครั้งตลอดทั้งเกม ขณะที่ เมาน์ท กับ ลอฟตัส-ชีค ทำเสียบอลรวมกันถึง 8 ครั้ง 

ช่วงท้าย วันแห่งความผิดพลาดเทไปฝั่ง เชลซี โดยสมบูรณ์แบบเมื่อ อัซปิลิกวยต้า เสียเหลี่ยมไปเหนี่ยว ซาก้า ซึ่งกลายเป็นเข้าทางปีกดาวรุ่งปืนใหญ่ได้ 'หนีบ' ไม่ให้กัปตันเชลซีดึงแขนกลับได้ มุมของผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ที่เห็นจึงไม่ลังเลในการเป่าให้ทีมเยือนได้จุดโทษ ซาก้า ลุกขึ้นมาสังหารเองปิดท้ายในชัยชนะที่น่าจดจำอีกนัดในฤดูกาลนี้

เชลซี ครองบอลครึ่งหลังมากถึง 77 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีโอกาสยิงบอลเข้ากรอบเลย ส่วน 2 ครั้งที่ อาร์เซน่อล ยิงเข้ากรอบก็คือ 2 ประตู

ทูเคิ่ล กล่าวอย่างหัวเสียหลังเกมว่า "ในเกมระดับนี้มันไม่ควรผิดพลาดแบบ เราเอื้อประโยชน์ให้กับพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะหากคุณก่อความผิดพลาดอย่างที่เห็น"

ในเกมที่ทั้งสองทีมเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ชัดเจนว่า เชลซี พลาดมากกว่า ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็ฉกฉวยประโยชน์ได้และได้ชัยชนะที่สำคัญยิ่งยวด 

เป็น 3 คะแนนที่ทำให้ปืนใหญ่ขึ้นไปทาบ สเปอร์ส อีกครั้ง และเรียกความมั่นใจกลับคืนได้อย่างมากหลังดร็อปลงไปพอสมควรจากการแพ้มา 3 นัดติด 

อาร์เซน่อล กลับมาได้ถูกที่ถูกเวลา ก่อนลงสนามในเกมที่เป็นการแย่งท็อปโฟร์โดยตรงนั่นคือเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งบอบช้ำมาหมาดๆ จากศึกแดงเดือด


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด