เจาะใจ "จู๊ด เบลลิงแฮม"
สำหรับ จู๊ด เบลลิงแฮม ดาวเตะพรสวรรค์สูงของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่ย้ายมาเล่นในฟุตบอลลีกของเยอรมัน เบลลิงแฮม ก็ฉายแววความเก่งกาจออกมา โดยเฉพาในะฤดูกาลนี้ เขาทำผลงานในศึกบุนเดสลีกา 3 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมพอสมควร
ปัจจุบัน ดาวเตะวัย 18 ปี สามารถก้าวมาเป็นตัวหลักของพลพรรค “เสือเหลือง” ได้อย่างภาคภูมิ พร้อมทั้งได้รับโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอ โดยมีแชมป์รายการแรกอย่างเดเอฟเบ โพคาล ติดมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ช่วงนี้ เราลองไปย้อนดูเส้นทาง และชีวิตของเบลลิงแฮม กันหน่อย ลองไปดูว่า เด็กปั้นจากทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ สามารถก้าวมาเล่นกับทีมดังระดับโลกอย่างโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างไร รวมถึงการก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยด้วย
“ฮีโร่ของผมคือสตีเว่น เจอร์ราร์ด และเวย์น รูนี่ย์”
เบลลิงแฮม ย้อนความทรงจำ เขาคือเด็กจากสเตาร์บริดจ์ ย่านทางทิศตะวันตกของเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เขาเหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไป ที่ใช้ชีวิตของตัวเอง กระทั่งเขาค้นพบสิ่งที่ตัวเองสนใจอย่างการเล่นฟุตบอล ทำให้ชีวิตของเขาเพิ่มความพิเศษขึ้นมา
เขาเล่าต่อว่า “ผมมาจากครอบครัวที่เป็นชนชั้นแรงงาน ผมก็เหมือนกับเด็กทั่วไป นั่นคือการไปโรงเรียน และเล่นกับเพื่อน มันมีแค่นี้จริงๆ สิ่งที่ผมโดดเด่นคือการเล่นฟุตบอล อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของผมมักจะให้ความสำคัญกับการศึกษาก่อนเสมอ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำ ถึงจะก้าวมาเล่นฟุตบอลได้”
“พูดกันตามตรง ผมเริ่มเล่นฟุตบอลค่อนข้างช้า คืออายุราว 7 ขวบ โดยผมคิดว่าเด็กสมัยนี้ พออายุ 3-4 ขวบ ก็เริ่มเล่นฟุตบอลกันแล้ว ตอนนั้น ผมยังไม่ค่อยสนุกกับมันเท่าไหร่ แต่ผมยังมีพรสวรรค์ติดตัวอยู่บ้าง กระทั่งผมถูกเบอร์มิงแฮม รับตัวเข้าอะคาเดมี่ สโมสรดูแลผมอย่างดี”
พรสวรรค์ที่ฉายแววออกมา ทำให้เบลลิงแฮม สามารถสร้างสถิติ ด้วยการเป็นนักเตะของทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ชุดใหญ่ ที่ลงสนามด้วยอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ 16 ปี 38 วัน จนสื่อหลายสำนักนำเขาไปเปรียบเทียบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานของลิเวอร์พูล ที่ลงเล่นในแบบฉบับกองกลางแบบ “บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์”
“ไอดอลของผมคือสตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกคนก็เป็นเวย์น รูนี่ย์”
เบลลิงแฮม เปิดเผยแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลของตัวเอง “ความฝันวัยเด็กของผม คือการเป็นนักเตะของเบอร์มิงแฮม ซิตี้ หลังจากนั้น ผมเริ่มติดตามรูนี่ย์ มากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเจอร์ราร์ด ด้วย ผมอยากแลกเสื้อกับสองคนนี้มาก”
“สำหรับมุมมองของผม ทั้งเจอร์ราร์ด และรูนี่ย์ ถือเป็นนักฟุตบอลที่หล่อหลอมสไตล์การเล่นของผม เนื่องจากผมชื่นชมในตัวพวกเขามาก ใช่แล้วล่ะ พวกเขาเป็นสองถือว่าเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลกลูกหนังของผมเลย” เบลลิงแฮม กล่าวแบบนั้น
ช่วงฤดูกาล 2020-21 เบลลิงแฮม ถูกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซื้อตัวไปร่วมทีม โดยเขาให้เหตุผลว่า พลพรรค “เสือเหลือง” เป็นสโมสรที่ชอบเปิดโอกาสให้กับนักเตะดาวรุ่งแสดงฝีเท้า นั่นเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
โดยการย้ายทีมครั้งนั้น เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ถึงกับประกาศยกเลิกเสื้อแข่งหมายเลข 22 ของเขา เพราะอยากให้เป็นแรงบันดาลใจที่ดีต่อคนรุ่นหลัง ปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กที่เพิ่งก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และแจ้งเกิดจนโด่งดัง ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย
เขากล่าวว่า “ตัวเลือกเดียวในใจของผมคือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ผมชอบแนวทาง ในการผสมผสานผู้เล่นอายุน้อย เข้ากับนักเตะในทีมชุดใหญ่ ไม่มีสโมสรไหนในลีกยุโรป ที่จะทำเหมือนกับพวกเขา อีกหนึ่งปัจจัยคือ การมอบโอกาสลงสนามให้กับกลุ่มดาวรุ่ง”
การแจ้งเกิดตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เบลลิงแฮม จะสามารถรับมือกับการแข่งขันระดับสูงได้หรือไม่ แต่เขาออกมาบอกแล้วว่า ประสบการณ์บังคับให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่มานานมากแล้ว ซึ่งเขาไม่มีปัญหากับความท้าทายเบื้องหน้าเลย
“ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาตั้งแต่อายุ 15 ปี ผมอยู่กับทีมชุดใหญ่เสมอ ถ้าไม่ใช่ระดับชุดใหญ่ ผมก็อยู่กับทีมสำรอง ผมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้มาตลอด ทำให้ผมปรับตัวเข้ากับมันได้เป็นอย่างดี ไม่มีอะไรรบกวนใจผมได้เลย”
“ความแตกต่างระหว่างบุนเดสลีกา เยอรมัน กับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ? ผมมองว่ามันแตกต่างกันมากเลย บุนเดสลีกา ไม่มีการเล่นแบบถึงลูกถึงคนมากนัก แต่นี่คือลีกที่เต็มไปด้วยเทคนิค มันช่วยให้ผมสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น”เบลลิงแฮม ทิ้งท้าย