อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ อดีตกัปตันทีมและตำนานนักเตะของ ยูเวนตุส ตกเป็นข่าวว่าเขามีโอกาสหวนคืนสโมสรเพื่อรับตำแหน่งประธานต่อจาก อันเดรีย อันเญลลี่ หรืออาจกลับมาทำงานในบทบาทเดียวกับ เปาโล มัลดินี่ ฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคคนปัจจุบันของ เอซี มิลาน 

อดีตกองหน้าระดับตำนานวัย 47 ปี เคยค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ในช่วงปี 1993-2012 ลงเล่นรวมกัน 705 เกมและทำ 290 ประตูกับ 150 แอสซิสต์ ร่วมคว้าแชมป์ เซเรีย อา 6 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 1 ครั้ง, ซูเปอร์ โคปปา อิตาเลีย 4 ครั้ง, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง และ อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ อีก 1 สมัย

เดล ปิเอโร่ ออกจากสโมสรเมื่อ 10 ปีที่แล้วเนื่องจากไม่ได้รับข้อเสนอใหม่ ก่อนจะย้ายไปเล่นกับ ซิดนี่ย์ เอฟซี ในปี 2012 และยุติอาชีพค้าแข้งกับ เดห์ลี ไดนามอส เมื่อปี 2014 

ตำนานกองหน้าของทีมเบียงโคเนรี่กลับมาที่สังเวียน 'อัลลีอันซ์ สเตเดี้ยม' ครั้งแรกในรอบทศวรรษเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเพื่อพบปะพูดคุยกับ อันเดรีย อันเญลลี่ และ พาเวล เนดเวด สองผู้บริหารระดับสูงของทีมม้าลาย

นั่นจึงเป็นที่มาของการคาดเดาไปต่างๆนานาเกี่ยวกับอนาคตของ เดล ปิเอโร่ ว่ามีโอกาสหวนคืนสโมสรอีกครั้ง โดยอาจเข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ หรือการทำงานในบทบาทเดียวกับ มัลดินี่ ของทีมปีศาจแดง-ดำ อย่างไรก็ตามอดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลีชุดแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 ปฏิเสธในเบื้องต้นว่าการกลับมาทำงานกับสโมสรยังไม่อยู่ในทางเลือกของเขา

'ผมซาบซึ้งกับความปรารถนาในการสืบสาวราวเรื่อง แต่ในตอนนี้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ มันไม่เหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ไม่ได้อยู่บนโต๊ะ' อดีตกองหน้าวัย 47 ปี กล่าวกับ สกาย สปอร์ต อิตาเลีย

'ต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา, ความผูกพันระหว่างผมกับสีสันเหล่านี้ช่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรามาหลีกเลี่ยงความคิดเห็นเกี่ยวกับสมมติฐานและมองไปข้างหน้า ขอบคุณสำหรับความลำบากใจ'

'ไม่มีอะไร, ไม่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นหรือการประชุมลับ ผมทักทายทุกคน : อันเดรีย (อันเญลลี่), พาเวล (เนดเวด) และอดีตเพื่อนร่วมทีมของผมอีกหลายคน ผมยินดีที่จะทักทายพวกเขาด้วยตัวเอง'

ขณะ เมาริซิโอ อาร์ริวาเบเน่ ซีอีโอของ ยูเวนตุส ยืนยันอีกเสียงว่าเขายังไม่มีแผนการจะนำ เดล ปิเอโร่ กลับมาทำงานร่วมกับสโมสรในอนาคต

'การปรากฎตัวของเขาไม่ใช่ปัญหาแน่นอน เดล ปิเอโร่ และเด็กๆจากอะคาเดมี่ของเชาเป็นแขกรับเชิญของเราในเกมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเราคิดว่ามักถูกต้องเหมาะสมที่จะให้โอกาสเขาแสดงความยินดีกับแฟนๆของเขาเท่านั้น' 

'เดล ปิเอโร่ คือไอคอนของ ยูเวนตุส ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว' อาร์ริวาเบเน่ ยืนยัน

อย่างไรก็ตาม มาร์โก ทาร์เดลลี่ อีกหนึ่งตำนานนักเตะของ 'โอลด์ เลดี้' สนับสนุนให้ทีมเบียงโคเนรี่ดึง เดล ปิเอโร่ กลับมาทำงานกับสโมสรอีกครั้งตามรอย จามปิเอโร โบนิแปร์ตี้ ซึ่งเคยเป็นทั้งนักเตะและผู้อำนวยการสโมสรของทีมม้าลายและประสบความสำเร็จทั้งสองบทบาท

'เขาจะยอดเยี่ยมในแบบพิมพ์ของ จามปิเอโร โบนิแปร์ตี้ มันคงจะวิเศษมาก และผมจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น' ทาร์เดลลี่ กล่าวกับ ลา กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต

'บางทีใครบางคนในสโมสรอาจไม่ได้มองเขาในแง่ดี แต่แฟนๆต่างชื่นชอบ เดล ปิเอโร่ เสมอ มันเป็นสิ่งสำคัญเสมอที่สโมสรจะต้องมีตำนานในบทบาทผู้อำนวยการ แต่มันมีความเสี่ยงที่อาจย้อนกลับมาได้เช่นกัน'

'ตัวอย่างเช่น เปาโล มัลดินี่ ถูกมองว่าเกือบจะสร้างความไม่พอใจให้ มิลาน ในช่วงหลายปีหลังการรีไทร์ของเขา แต่ตอนนี้เขากำลังพิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงการเป็นคนสำคัญในมิลานยุคใหม่นี้ มันเป็นเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม'

ยูเวนตุส ดึง เนดเวด อดีตนักเตะกลับมาทำงานในฐานะรองประธานสโมสร แต่หาก เดล ปิเอโร่ จะกลับมาทำงานกับสโมสรอาจจะไม่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลหรือ อันเญลลี่ เสมอไป 

'ผมคิดว่า เดล ปิเอโร่ ควรจะมีบทบาทที่แตกต่างไปจาก เดล เวด, เดล ปิเอโร่ เป็นนักเตะฉลาด เขามีความคิดและไม่เคยพูดซ้ำซาก ข้อกำหนดหลักในการเป็นผู้อำนวยการคือความน่าเชื่อถือ และ เดล ปิเอโร่ ไม่ขาดสิ่งนั้น, มัลดินี่ ก็เช่นเดียวกัน'

'ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เดล ปิเอโร่ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเก็บรายละเอียดเล็กน้อยและรักษาความอ่อนน้อมถ่อมตนแม้แต่ในบางสถานการณ์ที่น่าเกลียดก็ตาม' ทาร์เดลลี่ กล่าว

การกลับมาเยือน 'อัลลีอัซ์ สเตเดี้ยม' ครั้งแรกในรอบ 10 ปีของ เดล ปิเอโร่ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆทีมเบียงโคเนรี่ อดีตกัปตันทีมม้าลายยังได้ทักทายและถ่ายรูปร่วมกับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ก่อนเกมกับ โบโลญญ่า 

อย่างไรก็ตามการกลับมาทำงานกับสโมสรของ เดล ปิเอโร่ อาจจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากอดีตกองหน้าวัย 47 ปียังมีความสุขกับการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา ยกเว้นจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในถิ่น 'อัลลีอันซ์ สเตเดี้ยม' โดยเฉพาะการก้าวลงจากตำแหน่งประธานสโมสรของ อันเดรีย อันเญลลี่