:::     :::

เส้นทางความสำเร็จกับ "แซร์ช นาบรี้"

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
867
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ช่วยบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ฤดูกาลล่าสุดมาครอง

สำหรับ แซร์ช นาบรี้ ดาวเตะวัย 26 ปี ถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของเยอรมัน เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันของเขา รวมกับแชมป์รายการอื่นกับเสือใต้ไม่ว่าจะเป็นรายการอย่าง เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก ถือว่าเขาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากพอสมควร 


อย่างไรก็ตาม กว่าที่ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน จะก้าวมาประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แน่นอนว่า เขาต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการไปเล่นในลีกอังกฤษ ในการเล่นอะคาเดมี่ และทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อล พ่วงด้วยการถูกส่งไปเล่นกับทีมอื่นในรูปแบบของการยืมตัว


ช่วงนี้ เราลองไปย้อนดูเส้นทางลูกหนังของเขากันหน่อย 

ย้อนเวลากลับไป ในช่วงสิงหาคม 2015 แซร์ช นาบรี้ ที่เวลานั้น เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยเพียง 20 ปี ย้ายออกจากอาร์เซน่อล ในรูปแบบของการยืมตัว 


สำหรับดาวรุ่งอย่างเขา ถือเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผ่านโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้น เขาเดินทางจากลอนดอน มุ่งสู่เวสต์ มิดแลนด์ส โดยมี เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เป็นจุดหมายปลายทาง โดยมาพร้อมกับแบบทดสอบสุดโหดมากมาย 


อย่างไรก็ตาม ระยะเวลายืมตัว 1 ฤดูกาล ต้องหยุดเอาไว้ที่กลางทาง เมื่อเขาลงเล่นในเดอะ ฮอว์ธอร์นสเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น ก่อนถูกอาร์เซน่อล ดึงตัวกลับมาทันที เนื่องจากมองไม่เห็นการเปิดโอกาสการพัฒนาฝีเท้าเลย


คำว่าลงเล่นอาจตีความหมายเกินจริงไปหน่อย เมื่อตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้รับโอกาสลงสัมผัสผืนหญ้าในพรีเมียร์ลีก เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น แถมยังเกิดขึ้นในฐานะตัวสำรองอีกต่างหาก “12 นาทีคือจำนวนเวลาแสนสั้น ในการพิสูจน์ และผลักดันตัวเอง

เขายังดีไม่พอสำหรับพรีเมียร์ลีกโทนี่ พูลิส ผู้จัดการทีมของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในช่วงเวลานั้น กล่าวอย่างตรงไปตรงมา 


เขาถูกยืมตัวมาเล่นที่นี่ เพื่อต้องการโอกาสในการลงสนามแข่งขัน แน่นอนว่า เขามาจากฟุตบอลในระดับอะคาเดมี่ และไม่ได้สัมผัสประสบการณ์ในฟุตบอลลีกมากนักพูลิส ย้ำหนักแน่น 


พูลิส กล่าวต่อว่าเรากำลังพูดถึงลีกมหาโหดอย่างพรีเมียร์ลีก ในฐานะของกุนซือ ที่ต้องการเก็บชัยชนะ ผมจำเป็นต้องเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม คุณไม่สามารถจับคนใดคนหนึ่งอยู่บนม้านั่งสำรอง เพียงแค่ไม่ชอบหน้าเป็นการส่วนตัวได้หรอก


การไม่เป็นที่ต้องการ ไม่ได้หมายความว่า ความศรัทธาในตัวเองต้องลดน้อยลงไป ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่มีคุณค่า แต่เพราะบางครั้ง เขาที่อยู่ผิดที่ และผิดเวลา อาจก้าวไปข้างหน้าช้ากว่าที่เคย ซึ่งเขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี

จากการเป็นเพียงแค่ดาวรุ่ง ที่แทบไม่มีโอกาสลงสนาม แม้กับทีมขนาดเล็กอย่างเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รวมถึงการเบียดแย่งตำแหน่งภายในทีมอาร์เซน่อล ที่จำนวนการลงสนามอย่างเป็นทางการแทบนับนิ้วได้ การกลับบ้านเกิดที่เยอรมัน จึงเป็นทางออกสุดท้าย


ผมต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบากเขาเริ่มเล่าในมุมของตัวเองฟุตบอลอังกฤษ เป็นอะไรที่ยากมาก แต่สุดท้าย สิ่งเหล่านั้นคอยมอบประสบการณ์ และช่วยให้ผมเติบโตขึ้น


การตัดสินใจกลับมาเล่นที่เยอรมัน ส่วนสำคัญเกิดจากความผิดหวังที่เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รวมถึงการไม่เห็นโอกาสลงเล่นที่อาร์เซน่อล


สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญ ผมต้องการลงเล่นฟุตบอลในระดับสูง การกลับมาที่เล่นที่บ้านเกิด จึงเป็นทางออกที่ดี ผมไม่เคยสูญเสียความสุขในการเล่นฟุตบอล มันควรอยู่ในทุกกีฬา และสาขาอาชีพ


สำหรับผมแล้ว เราไม่ควรสูญเสียความสุขกับสิ่งที่ตัวเองหลงใหล ผมเชื่อว่าทุกคนต่างมีความสามารถในแบบฉบับของตัวเอง หากคุณลงมือทำมันแบบจริงจังมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์จะออกมาไวขึ้นเท่านั้น 


แซร์ช นาบรี้ ทิ้งท้าย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด