เส้นทางความสำเร็จกับ "แซร์ช นาบรี้"
สำหรับ แซร์ช นาบรี้ ดาวเตะวัย 26 ปี ถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของเยอรมัน เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันของเขา รวมกับแชมป์รายการอื่นกับ “เสือใต้” ไม่ว่าจะเป็นรายการอย่าง เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก ถือว่าเขาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม กว่าที่ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน จะก้าวมาประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แน่นอนว่า เขาต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการไปเล่นในลีกอังกฤษ ในการเล่นอะคาเดมี่ และทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อล พ่วงด้วยการถูกส่งไปเล่นกับทีมอื่นในรูปแบบของการยืมตัว
ช่วงนี้ เราลองไปย้อนดูเส้นทางลูกหนังของเขากันหน่อย
ย้อนเวลากลับไป ในช่วงสิงหาคม 2015 แซร์ช นาบรี้ ที่เวลานั้น เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยเพียง 20 ปี ย้ายออกจากอาร์เซน่อล ในรูปแบบของการยืมตัว
สำหรับดาวรุ่งอย่างเขา ถือเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผ่านโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้น เขาเดินทางจากลอนดอน มุ่งสู่เวสต์ มิดแลนด์ส โดยมี เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เป็นจุดหมายปลายทาง โดยมาพร้อมกับแบบทดสอบสุดโหดมากมาย
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลายืมตัว 1 ฤดูกาล ต้องหยุดเอาไว้ที่กลางทาง เมื่อเขาลงเล่นใน“เดอะ ฮอว์ธอร์นส” เพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น ก่อนถูกอาร์เซน่อล ดึงตัวกลับมาทันที เนื่องจากมองไม่เห็นการเปิดโอกาสการพัฒนาฝีเท้าเลย
คำว่า “ลงเล่น” อาจตีความหมายเกินจริงไปหน่อย เมื่อตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้รับโอกาสลงสัมผัสผืนหญ้าในพรีเมียร์ลีก เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น แถมยังเกิดขึ้นในฐานะตัวสำรองอีกต่างหาก “12 นาที” คือจำนวนเวลาแสนสั้น ในการพิสูจน์ และผลักดันตัวเอง
“เขายังดีไม่พอสำหรับพรีเมียร์ลีก” โทนี่ พูลิส ผู้จัดการทีมของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในช่วงเวลานั้น กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“เขาถูกยืมตัวมาเล่นที่นี่ เพื่อต้องการโอกาสในการลงสนามแข่งขัน แน่นอนว่า เขามาจากฟุตบอลในระดับอะคาเดมี่ และไม่ได้สัมผัสประสบการณ์ในฟุตบอลลีกมากนัก” พูลิส ย้ำหนักแน่น
พูลิส กล่าวต่อว่า “เรากำลังพูดถึงลีกมหาโหดอย่างพรีเมียร์ลีก ในฐานะของกุนซือ ที่ต้องการเก็บชัยชนะ ผมจำเป็นต้องเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม คุณไม่สามารถจับคนใดคนหนึ่งอยู่บนม้านั่งสำรอง เพียงแค่ไม่ชอบหน้าเป็นการส่วนตัวได้หรอก”
การไม่เป็นที่ต้องการ ไม่ได้หมายความว่า ความศรัทธาในตัวเองต้องลดน้อยลงไป ไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่มีคุณค่า แต่เพราะบางครั้ง เขาที่อยู่ผิดที่ และผิดเวลา อาจก้าวไปข้างหน้าช้ากว่าที่เคย ซึ่งเขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี
จากการเป็นเพียงแค่ดาวรุ่ง ที่แทบไม่มีโอกาสลงสนาม แม้กับทีมขนาดเล็กอย่างเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รวมถึงการเบียดแย่งตำแหน่งภายในทีมอาร์เซน่อล ที่จำนวนการลงสนามอย่างเป็นทางการแทบนับนิ้วได้ การกลับบ้านเกิดที่เยอรมัน จึงเป็นทางออกสุดท้าย
“ผมต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบาก” เขาเริ่มเล่าในมุมของตัวเอง “ฟุตบอลอังกฤษ เป็นอะไรที่ยากมาก แต่สุดท้าย สิ่งเหล่านั้นคอยมอบประสบการณ์ และช่วยให้ผมเติบโตขึ้น”
“การตัดสินใจกลับมาเล่นที่เยอรมัน ส่วนสำคัญเกิดจากความผิดหวังที่เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รวมถึงการไม่เห็นโอกาสลงเล่นที่อาร์เซน่อล”
“สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญ ผมต้องการลงเล่นฟุตบอลในระดับสูง การกลับมาที่เล่นที่บ้านเกิด จึงเป็นทางออกที่ดี ผมไม่เคยสูญเสียความสุขในการเล่นฟุตบอล มันควรอยู่ในทุกกีฬา และสาขาอาชีพ”
“สำหรับผมแล้ว เราไม่ควรสูญเสียความสุขกับสิ่งที่ตัวเองหลงใหล ผมเชื่อว่าทุกคนต่างมีความสามารถในแบบฉบับของตัวเอง หากคุณลงมือทำมันแบบจริงจังมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์จะออกมาไวขึ้นเท่านั้น”
แซร์ช นาบรี้ ทิ้งท้าย