หลังบุกชนะ เชลซี 4-2 ในคืนวันพุธ อาร์เซน่อล คลายกล้ามเนื้อเบาๆ ในวันพฤหัสบดี และได้ซ้อมเต็มที่วันเดียวในวันศุกร์ที่ใช้สนามจริง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในการเตรียมตัวรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงเที่ยงวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น

แม้มีเวลาฟื้นตัวน้อยกว่าทัพผีแดงหนึ่งวันเต็มๆ แต่ มิเกล อาร์เตต้า ก็เลือกปรับทีมเพียงตำแหน่งเดียวคือเรียก เซดริก โซอาเรส กลับมาเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาเพื่อขยับ เบน ไวท์ กลับไปเล่นเซนเตอร์เหมือนเดิม ร็อบ โฮลดิ้ง หลุดไปนั่งสำรองอีกครั้ง

ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับหลายจุดจากศึกแดงเดือดที่แพ้ยับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เพิ่งสูญเสียลูกชายฝาแฝดตอนคลอด สภาพจิตใจดีขึ้นได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง เช่นเดียวกับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ ราฟาแอล วาราน ที่หายเจ็บ 

แม็คโทมิเนย์ ได้เสียบแทนตำแหน่งของ ป็อกบา ที่เจ็บจากเกมกับหงส์แดง ส่วน วาราน ก็แทนที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ถูกดร็อปเป็นสำรองหลังเจอข่าวไม่สู้ดีโดนขู่วางระเบิดจากแฟนบอลหัวร้อนที่ไม่พอใจฟอร์มการเล่นของเจ้าตัว

ก่อนเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศข่าวแต่งตั้ง เอริก เทน ฮาก กุนซือ อาแจ็กซ์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเริ่มงานต่อจาก ราล์ฟ รังนิก ในจบฤดูกาลนี้ 

ทัพผีแดงหวังจะส่งต่อทีมชุดนี้ให้กุนซือใหม่ด้วยตำแหน่งที่ดีสุดเท่าที่จะทำได้นั่นคือการติด "ท็อปโฟร์" เพื่อได้เล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ดังนั้นการมาเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จึงต้องพยายามคว้าสามคะแนนให้ได้ ผลการแข่งขันอย่างอื่นไม่เป็นผลดีทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ 3 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด กลับเสียประตูรวดเร็วจากการเคลียร์บอลไม่ดีของ วาราน ที่ อเล็กซ์ เตลลิส ก็แก้ไขสถานการณ์ต่อเนื่องไม่ได้ บูคาโย่ ซาก้า เก็บตกก่อนปั่นด้วยซ้ายติดเซฟ ดาบิด เด เคอา เด้งเข้าทาง นูโน่ ตาวาเรส ได้ซ้ำระยะเผาขนเข้าไป

สำหรับ อาร์เซน่อล คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเริ่มต้นด้วยประตูขึ้นนำตั้งแต่หัววันเพราะเป็นการรักษาโมเมนตัมจากชัยชนะที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ให้มีความต่อเนื่อง

ย้อนไปในเกมกลางสัปดาห์ อาร์เซน่อล กับ เชลซี มีจังหวะผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วน แต่เป็นปืนใหญ่ที่พลาดน้อยกว่าจึงควักสามคะแนนกลับออกมาได้

การเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ต่างกัน ความผิดพลาดเกิดขึ้นเป็นระยะโดยเฉพาะจังหวะเตะเปิดไม่ดีของ อารอน แรมส์เดล ที่ แม็คโทมิเนย์ ตัดได้ก่อนไหลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงโล่งๆ ทว่าซัดหลุดกรอบไม่น่าเชื่อ

นอกจากจังหวะส้มหล่นนี้แล้ว ทีมเยือนก็มีโอกาสอีกเพียบทั้ง แอนโธนี่ เอลังก้า หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาติดเซฟ และลูกยิงไกลของ ดีโอโก้ ดาโล่ต์ ที่ชนคานอย่างจัง

แต่พอรอดพ้นการเสียประตูตีเสมอ อาร์เซน่อล ก็มาได้ประตูนำ 2-0 ในจังหวะที่ผู้ตัดสินใช้เวลาในการเช็ก "วีเออาร์" อยู่นานก่อนชี้ขาดเป็นจุดโทษ

ในตอนแรก อาร์เซน่อล ชิ่งบอลเข้าเขตโทษและจบด้วยการยิงของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่ได้ล่อเป้า ดาบิด เด เคอา แต่ว่าถูก วีเออาร์ ริบคืนเพราะหัวหอกดาวรุ่งปืนโตล้ำหน้า

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน ไปดู วีเออาร์ ด้วยตัวเองเพื่อเช็กจังหวะที่ บูคาโย่ ซาก้า ถูก อเล็กซ์ เตลลิส เข้าฟาวล์จากด้านหลัง ก็เลยเป่าให้จุดโทษก่อนเป็น ซาก้า รับหน้าที่ยิงจุดโทษเป็นนัดที่สองติดต่อกันหลังเพิ่งยิงฝัง เชลซี ที่เดอะ บริดจ์ มาหมาดๆ

อาร์เซน่อล น่าจะปิดเกมด้วยการนำห่าง 2-0 ในครึ่งแรก ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็เสียประตูตีไข่แตกง่ายๆ เนมานย่า มาติช เปิดบอลเข้าเขตโทษ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สอดมายิงโล่งๆ เข้าไป ตาวาเรส และ กาเบรียล มากัลเลญ ช่วยกันยืนประกบอยู่ดีๆ ทว่ากลับชะงักปล่อยให้สตาร์ผีแดงได้วิ่งไปยิงง่ายๆ อารอน แรมส์เดล ถึงกับโวยเพื่อนที่ป้องกันหละหลวม 

การได้ประตูตีไข่แตกและตามหลังประตูเดียว ทำให้โอกาสคัมแบ็กของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นไปได้มากกว่าการตามหลัง 0-2 พอสมควร และพวกเขาก็โหมเข้าใส่เจ้าถิ่นได้ต่อเนื่องในช่วงยี่สิบนาทีแรกของครึ่งหลัง

อาร์เซน่อล พลาดแบบไม่จำเป็นอีกครั้งในจังหวะที่ ตาวาเรส จงใจใช้มือปัดบอลในจังหวะป้องกันลูกเตะมุม ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ทว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซัดเล่นทางมากไปหน่อย บอลจึงชนเสาและออกหลังไม่ได้ซ้ำด้วย

การพลาดจุดโทษของ บรูโน่ คือจังหวะสำคัญในเกมเพราะหากยิงเข้า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสแซงนำทันทีกับอีก 3 โอกาสทองที่น่าจะเป็นประตูทั้งหมด

ลูกยิงไกลของ ชาก้า ฝังผีแดงทันที

เอลังก้า ได้ยิงเต็มข้อ แต่ แรมส์เดล ก็ปัดได้อีก จากนั้น โรนัลโด้ ตวัดบอลตุงตาข่าย แต่ถูกวีเออาร์จับล้ำหน้าแค่ส้นเท้า และอีกจังหวะ โรนัลโด้ ไหลให้ ดาโลต์ ตามไปยิงในเขตโทษ แต่ แรมส์เดล ปัดปลายมือบอลไปชนเสาอย่างจัง 

3 จังหวะนี้เกิดขึ้นในเวลา 4 นาทีหลังจุดโทษของ บรูโน่ ทว่าไม่เป็นประตูแม้แต่ลูกเดียว และหลังจากนั้นไปนาน อาร์เซน่อล มาได้ประตูตอกฝาโลงจากลูกยิงไกลสุดเด็ดขาดของ กรานิต ชาก้า ที่เล่นงานผีแดงอีกครั้งกับประตูที่ 3 ที่ยิงได้นับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ

ประตูของ ชาก้า ทำให้เกมจบในทันทีเพราะแม้เหลือเวลาอีกมากถึงยี่สิบนาที แต่จากโอกาสมากมายที่พลาดไปเองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ อาร์เซน่อล ทำได้ ทุกคนก็พอมองออกว่าวันนี้คืออีกวันแย่ๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด 

อาร์เซน่อล ไม่ได้เล่นดีเลิศไร้ที่ติเพราะมีความผิดพลาดมากมายโดยเฉพาะแบ็กสองข้าง อีกทั้งมีจังหวะที่ก่ำกึ่งว่าจะเสียจุดโทษทั้ง ตาวาเรส ไปเหนี่ยว เอลังก้า สองครั้ง รวมถึงจังหวะบอลโดนแขน เซดริก โซอาเรส ที่ล้มแล้วใช้มือยันพื้นพร้อมออกท่าทางเหมือนจงใจปัดบอล 

แต่เมื่อเทียบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ก็พลาดพอสมควรเช่นกัน ลูกทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังดูดีกว่าตรงที่ระบบการเล่นแน่นอน การเซตบอลจากแดนหลัง การต่อบอลเท้าสู่เท้า การเล่นร่วมกันของผู้เล่นในแนวรุกมีแบบแผนชัดเจน ไม่ได้สะเปะสะปะเหมือนต่างคนต่างเล่นแบบผู้มาเยือน 

อีกจุดที่ทำให้ อาร์เซน่อล ชนะได้คือ ความมุ่งมั่นและแรงกระหายที่มีมากกว่าผู้มาเยือน ตัวอย่างชัดสุดคือ อารมณ์ร่วมและปฏิกิริยาที่ต่างกันสุดขั้วของผู้เล่นทั้งสองทีมหลัง บรูโน่ พลาดจุดโทษ 

ปืนใหญ่มีช่วงผิดพลาด มีช่วงเหวอ มีฟาวล์แบบไม่น่าฟาวล์ มีใบเหลืองแบบไม่น่าโดนเช่นจังหวะเตะบอลทิ้งดื้อๆ ของ ชาก้า แต่พวกเขาก็พยายามตั้งสติเพื่อกลับสู่เกมให้ได้ 

ต่างจากทัพปีศาจแดงที่พลาดโอกาสไปหลายครั้งในต้นครึ่งหลัง และมาโดนยิงลูกที่สาม ก็แทบหมดใจยอมรับสภาพในทันที สำรองในช่วงท้ายทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจสซี่ ลินการ์ด และ ฆวน มาต้า แทบไม่มีผลใดๆ ต่อเกม

อาร์เซน่อล ปิดเกมให้แน่นหนามากขึ้นด้วยการส่งกองหลังทั้ง ร็อบ โฮลดิ้ง และ ทาเคฮิโร โทมิยาสึ ที่หายเจ็บได้เล่นครั้งแรกรอบสามเดือน ลงมาช่วยเกมรับ ก่อนเก็บชัยชนะที่สำคัญได้อีกนัด

6 คะแนนเต็มจากสองเกมใหญ่ในช่วงเวลาห่างกันเพียง 4 วัน เปลี่ยนสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล ได้อย่างมาก แถมคู่แข่งสำคัญ สเปอร์ส สะดุดอีกนัดได้เพียงเสมอ เบรนท์ฟอร์ด ทำให้ปืนใหญ่แซงกลับไปยึดอันดับ 4 ที่คุ้นเคย 

อาร์เตต้า พาทีมกลับมาอยู่ในจุดที่กุมชะตาตัวเองเอาไว้ในมือที่หากชนะทุกนัดที่เหลือก็จะจบอันดับ 4 แน่นอน และยังเป็นการตัด แมนฯ ยูไนเต็ด ออกจากวงโคจรอีกด้วย

โมเมนตัมตอนนี้ "เข้าทาง" อาร์เซน่อล อีกครั้ง ที่เหลือก็ลุ้นแค่ว่า มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมจะคว้าเอาไว้ได้หรือทำหลุดมือไปเองอีก