:::     :::

อีกหนึ่งวันอัปยศ

วันอาทิตย์ที่ 08 พฤษภาคม 2565 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,439
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความพ่ายแพ้ในเกมฟุตบอลเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่มีทีมไหนหนีจากมัน เพราะสักวันหนึ่งต้องพบเจอหรือประสบเหตุการณ์เช่นนั้น

แต่สิ่งที่น่าอดสูคือการปราชัยแบบสู้ไม่ได้ การปราชัยแบบไร้ใจสู้ หรือการปราชัยแบบหมดหนทางที่ทำให้แฟนบอลหดหู่กับสิ่งที่เห็น

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปราชัยแบบหมดรูป ซึ่งหนนี้คือการบุกไปโดน ไบรท์ตัน ถล่มยับเยินชนิดที่รูปเกมบางช่วงสู้ไม่ได้และโดนกดดันจนแทบโงหัวไม่ขึ้น

ถือเป็นอีกการปราชัยอันอัปยศในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาของ ปิศาจแดง ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะโดน ลิเวอร์พูล จัดหนักแบบไปกลับชนิดที่แทบมุดแผ่นดินหนี หรือการปราชัยให้อริร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

ยังมีเกมที่โดน ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ บุกถล่มคาบ้านที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจสาวกผีแดง เกมเหล่านี้คือหนึ่งในจำนวนความพ่ายแพ้ที่แฟนบอลคงจำไปอีกนาน และมีอีกหลายนัดที่ไม่ได้พูดถึง อาทิ การปราชัยให้ วัตฟอร์ด ซึ่งส่งผล โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กระเด็นตกเก้าอี้





ไปว่ากันที่ความพ่ายแพ้ ณ เอเม็กซ์ สเตเดียม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ไบรท์ตัน ทำได้ดีกว่า ผีแดง ตั้งแต่ต้นเกมทั้งในแง่ของความคึกคัก เอาจริงเอาจัง และการเดินเกมที่เล่นงานทีมเยือนจนเกิดปัญหา

แม้ทาง เดอะ ซีกัลส์ ไม่ได้เพรสซิ่งหนักหน่วงรุนแรงแบบที่ ปิศาจแดง แพ้ทาง แต่เจ้าบ้านอาศัยการยืนคุมพื้นที่ครอบคลุมและจำกัดบีบให้ผู้เล่นทีมเยือนต้องถ่ายบอลออกด้านข้าง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นยามที่แบ็กทั้งสองฝั่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้บอลจะโดนบีบเร็ว บ่อยครั้งที่เสียบอล บ่อยครั้งที่ต้องเร่งจังหวะจ่ายจนทำให้คนอื่นๆ เล่นยาก 

แดนกลางก็ไม่ต่างกันเพราะจะโดนมิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามคอยตอดคอยทำลายจังหวะจนเล่นไม่ถนัด และมันส่งผลให้ทีมทำเกมไม่ได้ แถมยังโดนสวนกลับหรือโดนพลิกหน้ากระดานจากรุกเป็นรับในทันที

อีกมุมหนึ่งต้องชม ไบรท์ตัน ที่เล่นได้ตามแผนการของ แกรม พ็อตเตอร์ เพราะเหมือนว่าเขาทราบดีถึงจุดอ่อนปิศาจแดงที่แก้ไม่ตกในยามที่ต้องโดนบีบเร็วตรงกลาง หรือการบีบให้ลูกทีม ราล์ฟ รังนิก ต้องไปเล่นแถวๆ ริมเส้นซึ่งไม่ได้สร้างความอันตรายให้เจ้าบ้านเสียเท่าไหร่

นอกจากนี้ด้วยความมุ่งมั่น ดุดัน ส่งผลให้ต้นครึ่งหลัง ไบรท์ตัน มากระหน่ำสกอร์ยิงขาดลอยแบบที่เห็น และต้องชมริมเส้นสองฝั่งของเจ้าบ้านที่โดดเด่นโดยเฉพาะ มาร์ก กูกูเรย่า (ซึ่งคอยสลับเติมเกมตลอด) ที่เล่นงานฝั่งขวาของ ผีแดง จนเสียทรงบอล

แม้หลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จะครองเกมหรือเดินหน้าได้มากขึ้น แต่มันก็มาจากการที่ ไบรท์ตัน ผ่อนเกมรออาศัยจังหวะสวนกลับเล่นงาน 





แน่นอนว่า ผีแดง มีโอกาสตีไข่แตกแบบจะแจ้ง แต่มันเหมือนเป็นวันของเจ้าบ้านอย่างแท้จริง เพราะทีมเยือนยิงแล้วยิงอีกก็ไม่ผ่านการป้องกัน โรเบิร์ต ซานเชซ 

ท้ายที่สุด เป็นอีกวันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจอกับความพ่ายแพ้หมดรูป ทุกคนไร้ข้อแก้ตัว ไม่มีข้ออ้างใดๆ ฟังขึ้น และมันยิ่งทำให้ความโกรธสุมในอกแฟนบอลมากกว่าเดิม

มันคือสิ่งที่กัดกินกำลังใจของแฟนบอลปิศาจแดง โดยเฉพาะผลงานที่ไร้ความคงเส้นคงวา บางครั้งมันก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ เพราะอย่าลืมว่าทีมเพิ่งถล่ม เบรนท์ฟอร์ด มาสดๆ ร้อนๆ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แต่หลังจากนั้นเหมือนเป็นคนละทีม (ทั้งที่ส่งนักเตะชุดเดิมลงสนาม) เหมือนอยู่คนละมิติ

จึงไม่แปลกใจที่หลังจบเกมล่าสุดจะมีการแซวกันว่า 'ทีมหนึ่งสวมเครื่องแบบลงไปเตะบอล แต่อีกทีมสวมชุดเตรียมพร้อมไปพักร้อนล่วงหน้าแล้ว' สกอร์ที่ออกมาทำให้แฟนบอลคิดไปต่างๆ นานา ไม่เฉพาะสาวกปิศาจแดง แต่ทีมอื่นๆ พร้อมรุมแซวและเห็นเป็นเรื่องน่าหัวเราะ กลายเป็น 'มีม' ขำขันในโลกออนไลน์

ฝั่ง ยูไนเต็ด มันคือเรื่องที่น่ากังวลว่านักเตะจะสามารถสลัดหลุดพ้นความคิดดังกล่าวไปได้หรือไม่ สภาพจิตใจที่ยังคงบอบช้ำและโดนเล่นงานอย่างหนัก ซึ่งตอนนี้แม้แต่ชัยชนะก็ไม่สามารถเยียวยาหรือทำให้ดีขึ้น มันเป็นแค่เพียงการประคองอาการให้คงที่เท่านั้น เพราะท้ายที่สุดทีมนี้เหมือนคนนอนโคม่าที่แทบจะไม่มีการตอบสนองใดๆ 

สิ่งที่น่าสนใจหลังจากนี้คือการมาของ เอริก เทน ฮาก ที่คงต้องไล่ตามแก้ทีละจุด ปรับปรุงสิ่งที่เน่าเฟะ ค่อยๆ รักษาอาการของทีมให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องใช้ 'เวลา' อย่างมากในการผ่าตัดทีม






อย่างที่ รังนิก เคยกล่าวไปในงานแถลงข่าวว่า 'หลังจากนี้มันคือการผ่าตัดไม่ใช่การปกปิดหรือตกแต่งฉากหน้าให้ดูดี' มันคือการถ่ายของเสียออกจากทีมและค่อยๆ เติมสิ่งใหม่เข้ามา (ซึ่งยังต้องภาวนาด้วยว่าจะเข้ากับทีมได้ดีไม่ใช่โดนหลอกขายของมือ 2 หรือหมดสภาพเหมือนที่ผ่านมา)

อย่าเสียดายหากว่าการตัดหรือปล่อยนักเตะคนนั้นๆ จะส่งผลดีกับอนาคต อย่าเสียดายหากการปฏิวัติทีมครั้งต่อไปจะทำให้เหลือนักเตะชุดปัจจุบันแค่ไม่กี่คน เพราะที่ผ่านมามันแสดงให้เห็นแล้วว่าหลายคนแทบจะไม่เหมาะสวมชุดอสูรแดงแต่อย่างใด

นอกเหนือจากการปรับปรุงทีมให้สภาพดีขึ้น มันยังรวมไปถึงในแง่จิตใจที่ต้องเสริมแกร่งและทัศนคติของผู้ชนะ นั่นคือจุดสำคัญของนักเตะทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถถานการณ์ใด หรือพบเจออะไรมา จิตใจต้องไม่สั่นคลอน ต้องมั่นคงและมุ่งมั่นเดินหน้าไปยังเป้าหมาย ที่สำคัญคือการแสดงออกต่อหน้าแฟนบอลต้องคอยส่งต่อความมั่นใจและเชื่อมั่นไปยังสาวกที่คอยหนุนหลังอยู่เสมอ

วันเวลาผ่านไปพร้อมกับแผลที่เหวอะหวะเน่าเฟะได้เกาะกุมอยู่บนตัว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมันยิ่งส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่แผลโดนสะกิดจนน้ำหนองไหลเยิ้มไปทั่วชายฝั่งทางตอนใต้

หลังจากนี้แฟนบอลได้เพียงหวังว่าทีมงานชุดใหม่จะเข้ามาผ่าตัดเปลี่ยนแปลงความเป็นไปภายในทีมให้ดีขึ้น ตัดส่วนเกินหรือส่วนที่ไม่เข้ากับระบบออกไป และเสริมด้วยส่วนใหม่ที่ (หวังว่าจะ) ดีกว่าเดิม

ถึงตรงนี้แฟนบอลหลายคนคงไม่ได้คิดถึงเกมนัดสุดท้ายกับ คริสตัล พาเลซ ที่รออยู่ปลายเดือน แต่มองไปถึงช่วงตลาดหน้าร้อนและการมาของกุนซือคนใหม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})