ก่อนลงสนาม มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมมีข่าวดีเมื่อคู่แข่งในสถานการณ์เดียวกันไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยไล่ตั้งแต่ เชลซี โดน วูล์ฟแฮมป์ตัน ตามตีเสมอ 2-2 , แมนฯ ยูไนเต็ด โดน ไบรท์ตัน ทะลวงไส้แต้ม 4-0 และ สเปอร์ส เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

อาร์เตต้า ปรับทัพตำแหน่งเดียวจากเกมชนะ เวสต์แฮม สัปดาห์ก่อน เซดริก โซอาเรส ได้คืนตัวจริงตำแหน่งแบ็กขวาเพื่อโยก ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ไปเล่นแบ็กซ้ายจำเป็นแทน นูโน่ ตาวาเรส ที่ยังวางใจไม่ได้ ขณะที่ ร็อบ โฮลดิ้ง ลุยต่อในตำแหน่งเซนเตอร์อีกนัดเพราะ เบน ไวท์ ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ 

ขณะที่ผู้มาเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กำลังลุ้นหนีตกชั้น เสียกำลังใจไปไม่น้อยหลังถูก แมนฯ ซิตี้ สกัดดาวรุ่ง แถมยังเสียตัวหลักอย่าง สจ๊วร์ต ดัลลัส ที่เดี้ยงยาวปิดเทอมไปอีกราย

จากสถานการณ์ก่อนเกมที่เข้าทางอยู่แล้ว อาร์เซน่อล เพิ่มโมเมนตัมให้ตัวเองมากยิ่งกับการออกนำก่อนถึง 2-0 ในช่วงสิบนาทีแรก

ความขยันในการวิ่งไล่บอลของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และความประมาทของ อิลลัน เมส์ลิเย่ร์  ที่จับบอลเล่นในเขตโทษทำให้เกิดประตูแรกอย่างรวดเร็ว เป็นฝันร้ายของนายทวาร ลีดส์ อย่างแท้จริง

ในช่วงที่แข้งยูงทองกำลังเสียขวัญ อาร์เซน่อล โจมตีทางซ้ายอีกครั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หาจังหวะเปิดเข้ากลางให้ เอ็นเคเทียห์ ตวัดยิงเข้าไปอีกลูก 

อาร์เซน่อล คอนโทรลทุกอย่างได้อยู่หมัด ลีดส์ แทบไม่ได้พาบอลบุกขึ้นมาสร้างความอันตรายใดๆ ให้แนวรับปืนใหญ่ รูปเกมแทบจะเป็นการบุกแบบวันเวย์ฝ่ายเดียวของเจ้าถิ่น

ยังไม่ถึงชั่วโมงแรก ปืนใหญ่ได้เปรียบมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อ ลุค เอลิ่ง กัปตัน ลีดส์ ในเกมนี้เข้าบอลแรงเสียบสองเท้าใส่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ บริเวณมุมธง ตอนแรกผู้ตัดสิน คริส คาวานาฟ ให้แค่ใบเหลือง แต่หลังเดินมาเช็กเหตุการณ์ที่หน้าจอข้างสนามด้วยตัวเองก็เปลี่ยนเป็นใบแดงทันที ท่ามกลางการประท้วงของแข้งทีมเยือน

เสียสองประตูเร็วในสิบนาทีแรก และมีผู้เล่นโดนไล่ออกตั้งแต่กลางครึ่งแรก ผู้เล่น ลีดส์ ที่เหลือออกอาการหงุดหวิดชัดเจน ราฟินญ่า และ มาเตอุสซ์ คลิช โดนใบเหลืองตามไปติดๆ ในช่วงเวลาไม่ห่างกัน

เอ็นเคเทียห์ เล่นงาน เมส์ลิเย่ร์ ตั้งแต่ 5 นาทีแรก

หลังเหลือผู้เล่น 10 คน เจสซี่ มาร์ช ต้องตัดสินใจถอดตัวรุกอย่าง โจ เกลฮาร์ดท ออกแล้วส่ง ปาสกาล สเตร๊าจ์ ลงไปช่วยเกมรับ 

อาร์เซน่อล ไม่ได้ประตูเพิ่มใน 45 นาทีแรก แต่ทุกอย่างเป็นใจให้หมดทั้งรูปเกมที่หาโอกาสอยู่ตลอด ลีดส์ ไม่ได้ลุ้นแม้แต่ฝ่ายเดียว สกอร์ที่นำ 2-0 ตัวผู้เล่นมากกว่า และการเล่นในบ้าน

กลับมาเริ่มครึ่งหลัง มาเตอุสซ์ คลิช กองกลาง ลีดส์ ที่ติดเหลืองตั้งแต่ครึ่งแรก โดนถอดเช่นกัน ลูอิส เบท ได้เล่นแทน แต่ อาร์เซน่อล ยังไม่มีเหตุผลให้ต้องเปลี่ยนตัวใดๆ 

เข็มนาฬิกาผ่านครบหนึ่งชั่วโมง อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิง 16 ครั้ง เข้ากรอบ 8 ครั้ง เป็น 2 ประตู แต่โอกาสของ ลีดส์ ยังอยู่ที่ "0"

ทว่าจังหวะลุ้นครั้งแรกจากลูกเตะมุม ยูงทองที่ตัวผู้เล่นน้อยกว่ากลับมาสามารถทำประตูตีไข่แตกได้จาก ดีเอโก้ ยอเรนเต้ ที่ยิงได้ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองอีกด้วย 

แฟนบอล ลีดส์ เดินทางไกลลงมากรุงลอลดอนหลายพันชีวิต ประตูของ ยอเรนเต้ ปลุกความหวังให้กับทีมได้อย่างมาก เสียงเชียร์กระหึ่มจนข่มเจ้าถิ่น นี่คือสิ่งที่นักฟุตบอลทุกทีมต้องการจากแฟนบอลตัวเอง

มิเกล อาร์เตต้า ปรับเกมทันทีส่ง นิโกล่าส์ เปเป้ ลงแทน บูคาโย่ ซาก้า ที่ค่อนข้างเงียบในเกมนี้ จากนั้น เอมิล สมิธ โรว์ ได้เล่นแทน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ 

จากเกมที่น่าจะเก็บชัยชนะได้สบายๆ อาร์เซน่อล กลับทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากเพราะไม่สามารถทำประตูที่สามได้ แถมปล่อยให้ชีพจรของ ลีดส์ เต้นรัวๆ อีกครั้ง ความกดดันเริ่มเทมาอยู่ฝั่งปืนใหญ่ 

ช่วงทดเจ็บ อาร์เซน่อล น่าจะได้ประตูฝังทีมเยือนที่ อิลลัน เมส์ลิเย่ร์ ขึ้นมาช่วยทีมเล่นลูกเตะมุมก่อนโดนโต้กลับ นิโกล่าส์ เปเป้ มีโอกาสกระชากบอลจากกลางสนามเข้าไปยิงประตูโล่งๆ แต่ดันเล่นยากเลือกที่จะชะลอเพื่อล็อกหนี แดเนียล เจมส์ ทำให้ถูกตัดบอลได้ง่ายดาย

ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล เอาตัวรอดได้ด้วยชัยชนะเพียง 2-1 แบบที่แฟนบอลต้องลุ้นเหนื่อยในครึ่งหลัง 

มิเกล อาร์เตต้า พาทีมเก็บ 3 คะแนนตามเป้าพร้อมกับไล่จี้ เชลซี เหลือคะแนนเดียว และทิ้งห่าง สเปอร์ส เป็น 4 คะแนน 

นัดหน้าในวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคมนี้ มีเงื่อนไขไม่ยากในการจบท็อปโฟร์คือ บุกชนะให้ได้ก็จะปิดจ๊อบคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทันที

เงื่อนไขไม่ยาก แต่ลงมือทำจริงไม่ง่ายแน่นอน สเปอร์ส พร้อมสู้ถวายหัวไม่ยอมให้คู่แค้นตลอดกาลได้บุกเย้ยถึงบ้านแน่นอน อีกทั้งถ้าชนะได้ก็จะบีบช่องว่างเหลือคะแนนเดียว ได้ลุ้นต่อในสองนัดสุดท้าย

และในมุม อาร์เซน่อล หากไม่เลิกนิสัยทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากแบบครึ่งหลังนัดล่าสุด ภารกิจที่รังไก่เดือยทองที่แน่นอนว่าสุดหินอยู่แล้ว ก็อาจหินโหดยิ่งขึ้นหลายเท่าและอาจทำให้ อาร์เตต้า และลูกทีมน้ำตาตกในบั้นปลายก็เป็นได้