เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ กลายเป็นแบ็คขวาตัวหลักของลิเวอร์พูล ชนิดที่รักษาตำแหน่งดังกล่าวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมพาทีมไล่ล่าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ยังเหลือเส้นทางลูกหนังอีกยาวไกลให้เก็บเกี่ยวเกียรติยศ
อย่างที่บอกไป ในวัย 23 ปี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ พาลิเวอร์พูล คว้าแชมป์รายการหลักมาครองได้แทบทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ บอกว่า หนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้ลิเวอร์พูล พุ่งชนกับความสำเร็จ นั่นคือการใส่ใจรายละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ หรือเรื่องเล็ก เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาทีมเหมือนกันหมด
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ เปิดเผยถึงรายละเอียด ผ่านสื่อดังอย่าง เดอะ ไทม์ส ถึงความลับของลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของเจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมที่มุ่งเน้นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป เพราะนี่อาจเป็นกุญแจอีกหนึ่งดอก ที่ช่วยไขสู่ความสำเร็จ
เทรนต์ บอกว่า สไตล์การทำทีมของคล็อปป์ เน้นไปที่การเคลื่อนที่ในสนามเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้น นักเตะแต่ละคนต่างต้องวิ่งเป็นระยะทางที่แสนไกล และใช้พลังงานเยอะมากในแต่ละเกม รวมถึงเขาที่รับบทบาทแบ็คขวา ตำแหน่งที่ต้องใช้ความฟิตอย่างมหาศาล ในการเติมเกมบุก และช่วยเกมรับ
“ในสนามแข่งขัน ภาษากายของผมถูกจับตามองเป็นอย่างมากเลย” เทรนต์ เล่าต่อ ถึงภาษากายของเขา ที่ถูกสตาฟที่เมลวูด ช่วยกันวิเคราะห์อย่างละเอียด “เมื่อผมรู้สึกเหนื่อยล้า ผมจะเริ่มตัวงอ และนั่งยองๆ การที่ตะคริวถามหา ผมมักแสดงออกด้วยการยืดร่างกายคลายกล้ามเนื้อ”
เทรนต์ มองว่า ภาษากายที่แสดงออกถึงความเหนื่อยล้าถือเป็นจุดอ่อน ซึ่งคู่ต่อสู้จะใช้จุดนี้ เป็นข้อได้เปรียบในการเผชิญหน้ากัน แน่นอนว่า คล็อปป์ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“ผู้จัดการทีมบอกผมเสมอว่า เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย หากคู่แข่งเห็นผมเป่าปากจากอาการเหนื่อย คู่แข่งจะคิดในใจว่า พวกเขาสามารถเล่นงานผมได้ เพราะผมกำลังเสียสมาธิ”
“ในทางกลับกัน หากผมเห็นแบ็คซ้าย หรือปีกซ้ายของคู่ต่อสู้ แสดงอาการเหนื่อยออกมา มันสามารถช่วยให้ผมมีแรงฮึด สำหรับการไล่บดขยี้พวกเขา โดยคุณไม่ต้องการเป็นจุดอ่อนของทีมหรอก ผมจดจ่อกับปัจจัยนี้มาก ผมต้องทำให้แน่ใจว่า เมื่อใดก็ตามที่ผมเหนื่อย ผมจะไม่แสดงออกมาให้โลกเห็นอย่างเด็ดขาด”
เทรนต์ ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่คล็อปป์ นำมาปรับใช้กับทีม ส่งผลให้เขาต้องปรับ และยกระดับตัวเองขึ้นมาด้วย เพราะเขารู้ดีว่า นี่คือการระดับสูง ที่เต็มไปด้วยความกดดัน หากเขาไม่พัฒนาตัวเอง ก็จะมีคนที่ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทน
โดยบอกว่า “เคล็ดลับการฝึกซ้อมของผม คือการทำให้ทุกอย่างเป็นการแข่งขัน ผมคิดว่าการแข่งขันมีประโยชน์ หากผมต้องการฝึกส่งบอลระยะไกล ผมก็จะเปลี่ยนมันเป็นการแข่งขัน”
“นั่นคือวิธีที่ผมพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด ผมมักท้าทายใครสักคน ด้วยการพูดว่า -ฉันเดิมพันเลยว่า นายทำไม่ได้หรอก- ผมต้องทำให้แน่ใจว่า ผมดีกว่าคู่แข่ง มันเป็นเรื่องบ้าเหมือนกัน”
“ความกลัวที่จะพ่ายแพ้ ถือเป็นแรงผลักดันของผม เมื่อผมแพ้ในเกมระดับเยาวชน ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ผมทำให้ทุกคนต้องรู้สึกผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่เดินทางมาเชียร์ผมที่สนาม, พี่ชาย, เพื่อนร่วมทีม และผู้จัดการทีมของผม นี่เป็นหน้าที่ของผม ที่ต้องทำให้ทีมพบกับชัยชนะ ผมสนุกกับมันนะ”
“ช่วงเวลาวัยเด็ก ผมอยากเป็นผู้ชนะ และเป็นคนที่ถูกพูดถึง ผมอยากชนะทุกรายการ และคว้ารางวัลดาวซัลโวด้วย !!! ผมรู้เสมอว่า ผมเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุด ในรุ่นอายุเดียวกัน ถึงอย่างนั้น ผมไม่ใช่นักเตะที่เก่งที่สุด ผมอยู่แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ผมไม่ชอบอะไรแบบนั้นเลย”
“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมต่างจากคนอื่นคือการแข่งขัน ผมต้องการชัยชนะมากกว่าใครๆ ไม่มีใครในทีมที่เจ็บปวดไปมากกว่าผมอีกแล้ว เวลาที่ต้องเจอกับความพ่ายแพ้ในการแข่งขัน รวมถึงช่วงการฝึกซ้อม” เทรนต์ ทิ้งท้าย
