ความทรงจำอันเจ็บปวดกับ เซบาสเตียน ไดส์เลอร์
นี่คือดาวเตะพรสวรรค์สูงคนหนึ่งของวงการฟุตบอลเยอรมัน แฟนบอลรุ่นก่อนๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตาของเขาเป็นอย่างดี เพราะนี่คือนักเตะที่เคยเล่นกับสโมสรดังอย่างโบรุสเซีย มึนเช่นกลัคบัค, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และบาเยิร์น มิวนิค
นอกจากนี้ ช่วงระหว่างปี 2000-2006 เซบาสเตียน ไดส์เลอร์ เคยก้าวไปเล่นกับทีมชาติเยอรมัน ชุดใหญ่มาแล้ว อย่างไรก็ตาม เส้นทางลูกหนังของเขากลับไม่ทอดยาวเหมือนที่ควรจะเป็น
ระหว่างการค้าแข้ง ไดส์เลอร์ เป็นนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บบ่อยมาก โดยสุดท้าย เขาต้องใช้เวลาพักรักษาตัว มากกว่าการลงสนามแข่งขัน ก่อนลามไปถึงเรื่องของสภาพจิตใจ ทำให้เขาประกาศแขวนสตั๊ด ด้วยวัยเพียง 27 ปี
ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำกับชายที่ชื่อ ไดส์เลอร์ กันหน่อยดีว่า เราลองไปดูกันว่า เขาต้องเจอกับแบบทดสอบสุดหินอะไรบ้าง พร้อมกับเบื้องหลังที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน เกี่ยวกับชีวิตของเขา
“บางคนมองผมเป็นดวงดาวพราวแสง แต่สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมคือโคมไฟที่ถูกแขวนอยู่บนเพดานอย่างโดดเดี่ยว"
ไดส์เลอร์ ออกมาเปิดเผยความในใจ ที่สามารถบ่งบอกว่า เขาถูกความเศร้าโศกกัดกินมากเพียงใด จากเด็กชายธรรมดา ที่เป็นลูกของช่างไฟฟ้า และแม่บ้าน สู่ดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลเยอรมัน ผู้ซึ่งแบกความหวังเอาไว้อย่างมหาศาล
"ฮีโร่ในวัยเด็กของผมคือซีเนดีน ซีดาน เขาเป็นถึงแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติฝรั่งเศส เพราะผมชอบโครงสร้างร่างกาย และศิลปะเชิงลูกหนังที่เขาสร้างสรรค์" ไดส์เลอร์ เล่าต่อ "ตอนนั้นผมเป็นเด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 19-20 ปี ผู้คนต่างพากันบอกว่า ผมคือความหวัง ที่จะมากอบกู้วงการฟุตบอลเยอรมัน"
อย่างที่บอกไป เส้นทางลูกหนังของไดส์เลอร์ ผ่านการค้าแข้งกับบรรดาทีมดังอย่าง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัคบัค, แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และสุดท้ายกับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาทั้งหมด ไม่ได้เสียไปกับการสวมสตั๊ดโลดแล่นบนผืนหญ้า
แต่มันหมดไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ แน่นอนว่า เขาต้องผ่านการผ่าตัดหัวเข่า และโคนขาหนีบมากกว่า 7 ครั้งด้วยกัน ผลสุดท้าย มันลุกลามจนทำให้เขากลายเป็น "โรคซึมเศร้า" และต้องประกาศแขวนสตั๊ด ด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น
สถิติบ่งบอกว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีนั้น เขาลงสนามให้กับพลพรรค "เสือใต้" เพียงแค่ 62 เกมเท่านั้น ถือเป็นตัวเลขที่น้อยพอสมควร เมื่อเทียบกับจำนวนเกมในแต่ละซีซั่น
ไดส์เลอร์ กล่าวต่อว่า “ย้อนเวลากลับไป ในช่วง 8 เดือนแรกกับบาเยิร์น มิวนิค ผมไม่ได้ลงสนามเลย เนื่องจากบาดเจ็บหนักบริเวณหัวเข่า ผมได้รับค่าจ้างในจำนวนที่สูงมาก แต่กลับไม่ได้ตอบแทนคืนด้วยผลงานการเล่น"
ไดส์เลอร์ กล่าวถึงเหตุการ์หลังจากนั้นว่า อาการบาดเจ็บ และการไม่ได้ลงสนามไปเล่นฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่เขารักนั้น ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีปัญหาในด้านของจิตใจ ที่ต้องได้รับการหาทางออก
โดยบอกว่า “ผมกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ผมไม่ต้องการพบหน้าใครที่คลีนิค แม้แต่ครอบครัวของผมเองก็ตาม ผมไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท พร้อมกับมีแต่ความหวาดกลัวยามตื่น”
“บางครั้งผมก็กลัวว่า ผมจะหลับไป และไม่ตื่นขึ้นมาอีก แพทย์ให้คำแนะนำว่า ควรเปิดโทรทัศน์เป็นเพื่อนแก้เหงา และทิ้งสิ่งที่คุกคามจิตใจไป" ไดส์เลอร์ เล่าถึงการแก้ไขปัญหาของตัวเอง
"ผมมีความหวังว่า จะสามารถสนุกกับการเล่นฟุตบอลให้นานสุดเท่าที่สามารถทำได้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล และอยู่ห่างไกลจากทีม"
ไดส์เลอร์ ออกมาทิ้งท้ายว่า หลังจากหันหลังให้กับวงการฟุตบอล เขาใช้เวลาที่เหลืออยู่กับตัวเองมากขึ้น และกลับไปเยี่ยมครอบครัวในบางครั้ง ทำให้เขามีความสุขในชีวิตขึ้นไม่มากก็น้อย
"ผมไม่อยากทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว และไม่อยากทำอะไรร่วมกับใครด้วย ผมดีใจมากที่ฟุตบอลมอบสถานะทางการเงินให้กับผม มันคุ้มค่ามาก แต่ที่เหลือจากนั้น คือการรองรับความเจ็บปวด"