:::     :::

'มิชาเอล ซอร์ค'คนพลิกชะตาดอร์ทมุนด์

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2565 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,025
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มิชาเอล ซอร์ค อำลา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังอยู่กับสโมสรมาอย่างยาวนานถึง 44 ปีทั้งในฐานะนักเตะและผู้อำนวยการกีฬาของทีมเสือเหลือง

มิชาเอล ซอร์ค คือตำนานของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทั้งในและนอกสนาม หลัง 44 ปีแห่งความทรงจำอันยิ่งใหญ่และน่าหลงใหลที่ตอกย้ำว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการฟุตบอลเยอรมนีอย่างแท้จริง

ซอร์ค วัย 59 ปีใช้เวลา 20 ปีในชุด 'ดำ-เหลือง' และอีก 24 ปีในฐานะผู้อำนวยการกีฬาของหนึ่งในสโมสรชั้นนำของบุนเดสลีกา ก่อนจะทิ้งมรดกที่ไม่มีใครเทียบได้ในเกมสมัยใหม่ 

'มิชาเอล ซอร์ค ได้ช่วยสร้างยุคสมัย ไม่มีใครรู้จักและเข้าใจสโมสรดีกว่าเขา' มาร์โก โรเซ่อ เฮดโค้ช เบเฟาเบ กล่าวถึงผู้ยิ่งใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ ที่จากไป 'เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้อำนวยการกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย' 

'ไม่มีใครใช้ชีวิตในสโมสรมากไปกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นคนสงบและเป็นกันเอง คุณสามารถมองเห็นประสบการณ์ของเขา ผมคิดว่าเราจะคิดถึงเขาอย่างมากแน่นอน'


ซอร์ค ออกจาก ทียูเอส เอวิ่ง-ลินเดนฮอร์สท์ เพื่อย้ายเข้าทีมเยาวชนของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตอนอายุ 16 เมื่อปี 1978 ซึ่งเป็นการเติมเต็มความฝันวัยเด็กของบุตรชาย ดีเตอร์ ซอร์ค อดีตผู้เล่นของ โบคุ่ม 

เขาสร้างความประทับใจอย่างรวดเร็วและไต่เต้าขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ จนกระทั่งได้ลงประเดิมสนามบนเวทีบุนเดสลีกาในช่วงปลายปี 1981 ซึ่งเป็นปีที่เข้าคว้าแชมป์ยุโรปรุ่นยู-18 ปี และแชมป์ เวิลด์ คัพ รุ่นยู-20 ปีกับ เยอรมันตะวันตก 

ซอร์ค ที่มีชื่อเล่นว่า 'ซูซี่' ที่ออกแนวเซ็กซี่เนื่องจากการไว้ผมยาวของเขา หลังการลงเล่น 9 เกมแรกในซีซั่น 1981-1982 ซอร์ค กลายเป็นสมาชิกในทีมเสือเหลือง ก่อน เบเฟาเบ จะเผชิญจุดตกต่ำสุดจนเกือบใกล้ตกชั้นในปี 1986 

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พ่าย ฟอร์ทูน่า โคโลญจน์ ในเกมเพลย์ออฟตกชั้น นัดแรก 0-2 ก่อนทีมเยือนจะทำประตูขึ้นนำ 1-0 ช่วงนาที 14 ของเกมที่สองเพิ่มความได้เปรียบมากขึ้น 


แต่ ซอร์ค ช่วยจุดประกายให้ทีมเสือเหลืองพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จากการสังหารจุดโทษช่วงนาที 54 ก่อน เดเฟาเบ จะแซงคว้าชัย 3-1 ผลรวมสองนัดเสมอกัน 3-3 ทั้งสองทีมจึงต้องลงเล่นเกมที่ 3 เพื่อชี้ขาด และ ซอร์ค ทำอีกสองประตูนำ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถลุงคู่แข่งขาดลอย 8-0 

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จึงยืนหยัดบนเวทีบุนเดสลีกาต่อไปและพวกเขาคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลถัดมา ซึ่งต้องขอบคุณผลงานที่ยอดเยี่ยมของ ซอร์ค หลังการทำ 14 ประตูในซีซั่นดังกล่าว

ซอร์ค เคยกล่าวถึงการทำประตูของเขาในเกมที่สองกับ ฟอร์ทูน่า โคโลญจน์ ว่า 'ถ้านั่น (ประตูในเกมที่สอง) ไม่เข้าไป เราน่าจะตกชั้น และใครจะรู้ว่าหน้าประวัติศาสตร์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะออกมาเป็นอย่างไร' 

ด้วยอิทธิพลของเขาที่เติบโตขึ้นทุกฤดูกาลที่ผ่านมา มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้เล่นจาก เอวิงเง้น ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมเสือเหลืองในปี 1989 และสวมปลอกแขนถึง 9 ปี กลายเป็นนักเตะที่เป็นกัปตันทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยาวนานสุดตลอดกาลของสโมสร 


การสวมปลอกแขนกัปตันทีมของ ซอร์ค สร้างผลกระทบในทันที หลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ เดเอฟเบ คัพ ครั้งแรกในรอบ 23 ปี ในฤดูกาลแรกของเขาฐานะกัปตันทีม อีก 3 ปีถัดมา เบเฟาเบ พลาดการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาแบบน่าเจ็บใจหลัง สตุ๊ตการ์ท ปาดหน้าคว้าแชมป์ลีกเมืองเบียร์ด้วยผลต่างประตูได้-เสียดีกว่า

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังพบกับความผิดหวังอีกครั้ง หลังการพ่ายแพ้ในเกมชิงชนะเลิศของศึก ยูฟ่า คัพ ปี 1993 จากการปราชัยต่อ ยูเวนตุส ทั้งสองเกม แต่ชัดเจนว่า เบเฟาเบ ดูจะมีอนาคตที่สดใส แต่มีเพียงไม่กี่คนที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีเพียงใด

2 ปีถัดมา ซอร์ค เป็นกัปตันทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ชูถาดแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยติดต่อกัน และในปี 1997 ซอร์ค นำทีมเสือเหลืองผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ต่อด้วย ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ โดยเป็นคนทำประตูในเกมชิงชนะเลิศที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

ก่อน ซอร์ค จะประกาศแขวนเกือกในปี 1998 หลังการลงเล่นมากสุดในประวัติศาสตร์สโมสรรวมกัน 572 เกม และทำ 159 ประตู ซึ่งเป็นผลงานอันน่าเหลือเชื่อในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับ 

'ผมเติบโตมาในย่านชานเมืองดอร์ทมุนด์ ใน อีวิ่ง เด็กชายทุกคนที่นั่นมีความฝันว่าจะได้เล่นให้ เดเฟาเบ ในวันหนึ่ง' ซอร์ค กล่าวในวันอำลาอาชีพค้าแข้ง 'ผมดีใจที่ใช้เวลาตลอดอาชีพกับ เบเฟาเบ บวกกับความสำเร็จต่างๆที่จบลงด้วยดี'

สำหรับคนส่วนใหญ่ ความสำเร็จเหล่านั้นในเกมก็เพียงพอแล้ว พวกเขาจะเดินออกไปยามพระอาทิตย์อัสดงด้วยสถานะตำนานสโมสรและปลอดภัยอย่างแท้จริง แต่งานของ ซอร์ค ยังห่างไกลความสำเร็จใน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เขาก้าวขึ้นมาทำงานฐานะผู้อำนวยการกีฬาหลังจากนั้น โดยมีภารกิจนำสโมสรก้าวไปสู่จุดสูงสุด


ซอร์ค ทำงานร่วมกับอดีตเพื่อนร่วมทีม มัทธีอัส ซามเมอร์ ซึ่งกุมบังเหียนทีมเสือเหลืองคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในซีซั่น 2001-2002 คว้าอีกหนึ่งความสำเร็จในวันสุดท้ายของฤดูกาล ในซีซั่นเดียวกันนั้น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังลงเล่นเกมชิงชนะเลิศของรายการ ยูฟ่า คัพ แต่พวกเขาพ่ายต่อ เฟเยนูร์ด ร็อตเธอร์ดัม ของเนเธอร์แลนด์ส

อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งปีถัดมา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ของสโมสร ก่อนจะแก้ไขสถานการณ์จนรอดพ้นการล้มละลาย ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณเงินกู้จากทีมคู่แข่งจาก บาเยิร์น มิวนิค 

หลังรอดพ้นจากการล้มละลาย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่งตั้ง ฮันส์-โยอาคิม วัตช์เค่อ เป็นซีอีโอในอีก 2 ปีถัดมา แต่มันต้องใช้เวลาจนถึงปี 2008 กว่าทีมเสือเหลืองจะหลุดออกจากพื้นที่สีแดง มันเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ ซอร์ค มองว่าเป็นความท้าทายที่สุดของเขา

'ทันทีที่วิกฤตทางการเงินของสโมสรเริ่มสังเกตอย่างเห็นได้ชัด ผมมีหน้าที่ลดงบประมาณลงครึ่งหนึ่งภายในเวลาเพียงครึ่งปี แม้จะเป็นเช่นนั้น ผู้คนก็ยังคาดหวังกับเราเหมือนสโมสรอื่นๆในแชมเปี้ยนส์ลีก' ซอร์ค เผย

'สนามยังคงเต็มความจุ หลายสิ่งหลายอย่างถูกขัดเกลาเพื่อให้เรายังคงความเซ็กซี่ เราไม่มีทีมที่ดีพอจะแข่งขันในระดับสูงได้อีกต่อไป สำหรับผมปี 2004 จนถึง 2008 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดที่สโมสร ผมรู้สึกซาบซึ้งมากที่ อากี้ วัตซ์เค่อ คอยช่วยเหลือผมเสมอ'


มันเป็นเพียงการจัดการอันชาญฉลาดเท่านั้นที่ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง และพวกเขายังแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยเป็นมาหลัง ซอร์ค จ้าง เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตโค้ช ไมน์ซ เป็นเทรนเนอร์คนใหม่ของ เบเฟาเบ 

ซอร์ค เปิดเผยถึงคำพูดของเขากับ คล็อปป์ ว่า ' เจอร์เก้น, คุณคือการเดิมพันครั้งสุดท้ายของผม' ส่วนที่เหลือคือประวัติศาสตร์ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กำลังสร้างตัวเองให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของประเทศและยุโรปอีกครั้ง

ภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์ พวกเขาคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยติดต่อกันในปี 2011 และ 2012 ทีมเสือเหลืองยังคว้าดับเบิ้ลแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในปี 2012 แต่น่าเสียดายที่ เบเฟาเบ เป็นเพียงรองแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก หลังการปราชัยต่อ บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2013

แต่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก้าวระดับขึ้นมาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สุดของทีมดังแคว้นบาวาเรียนับตั้งแต่นั้นมา


เบเฟาเบ ภายใต้การดูแลของ ซอร์ค ในฐานะผู้อำนวยการกีฬา ยังคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ในปี 2017 และ 2021 ในขณะที่ทีมเสือเหลืองคว้ารองแชมป์บุนเดสลีกา 6 ครั้งจาก 10 ปีหลังสุดที่ทีมเสือใต้ยึดครองบัลลังก์แชมป์ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา 

'เราให้ความสำคัญกับเยาวชนมาตลอด' ซอร์ค สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของสโมสร 'และ เจอร์เก้น ได้เติมชีวิตใหม่ให้สโมสรของเรา มันยากที่จะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แต่การจะคงอยู่บนนั้นมันยากยิ่งกว่า'

ผลงานโดดเด่นของ ซอร์ค ในตลาดนักเตะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สามารถไล่ตามทัน บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงเวลานั้น ด้วยการสรรหานักเตะเข้ามาเสริมทัพแบบไร้ที่ติ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในสนามเท่านั้น แต่ยังอยู่ภายใต้งบประมาณด้วย มันเป็นการทำให้แน่ใจว่าสโมสรจะคงอยู่ในอันดับต้นๆของลีกและอยู่ห่างไกลจากหายนะในช่วงต้นศตวรรษที่ 2000

เดเด้ ฟูลแบ็กชาวบราซิเลียนเป็นการเซ็นสัญญาแรกของ ซอร์ค ในขณะที่เขายังค้นพบเพชรเม็ดงามอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ เจดอน ซานโช่ นอกจากนี้เขายังเซ็นสัญญากับ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ จาก บาเยิร์น มิวนิค สองครั้ง และ อิลคาย กุนโดกาน จาก เนิร์นแบร์ก 


ซอร์ค ยังสร้างผลกำไรให้สโมสรจากการขาย ซานโช่, ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง, อุสมาน เดมเบเล่, คริสเตียน พูลิซิช, มาริโอ เกิตเซ่ และรายล่าสุด เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ 

เมื่อถูกถามถึงการเซ็นสัญญาดีที่สุดของเขา? 'จับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไว้ เพราะตอนนั้นมันยังไม่ชัดเจนนัก' ซอร์ค กล่าวถึงการดึง เลวานดอฟสกี้ มาจาก เลช พอซนัน ในช่วงซัมเมอร์ปี 2010 'เขาใช้เวลาพอสมควรในการสร้างตัวเองกับเราเช่นกัน คุณสามารถเห็นทักษะพิเศษของเขาในตอนนั้นได้อย่างง่ายดาย และเขาน่าจะเป็นกองหน้าที่เก่งสุดในโลก'

นักเตะจำนวนไม่น้อยทำแบบเดียวกันในช่วงที่ ซอร์ค ทำงานฐานะผู้อำนวยการกีฬา และประวัติของเขานั้นไม่มีใครสามารถเทียบได้ ยกตัวอย่างการเซ็นสัญญาครั้งสุดท้ายของเขากับสโมสร ทั้ง นิคลาส ซือเล่ จาก บาเยิร์น มิวนิค และ นีโค่ ชล็อตเทอร์เบ็ค จาก ไฟร์บวร์ก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเกมป้องกันที่เกิดขึ้นกับทีมเสือเหลืองในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา


มันเป็นการวางแผนงานสำหรับซีซั่นหน้าและเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ซอร์ค ได้ก้าวออกจากสโมสรด้วยวิธีที่สมบูรณ์แบบก่อนจะส่งไม้ต่อให้ เซบาสเตียน เคห์ล อีกหนึ่งอดีตกัปตันทีมและตำนานของสโมสรสานงานต่อไป 

'มันเป็นวันที่ยากลำบากมาก แต่ก็เป็นวันที่สวยงามมากในเวลาเดียวกัน' ซอร์ค กล่าวในวันอำลาตำแหน่ง 'มันรู้สึกเหมือนเดินทางย้อนเวลาในวันนี้ เมื่อ 47 ปีที่แล้ว ผมยืนอยู่ตรงที่ที่คุณยืนอยู่ในวันนี้เป็นครั้งแรก ผมขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของคุณและทำได้เพียงโค้งคำนับต่อหน้าคุณ เบเฟาเบ เสมอ!'


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด