สำหรับ ชาคีล ฟาน เพอร์ซี่ ลูกชายของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตดาวยิงทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดยหลังจากเติบโตมากับอะคาเดมี่ของเฟเยนูร์ด ล่าสุด ในวัย 15 ขวบ ชาคีล เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เส้นทางเดินของชาคีล ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องผ่านแบบทดสอบอย่างมากมาย นอกจากความกดดันในการเป็นลูกชายของอดีตนักฟุตบอลชื่อดังแล้ว เขายังต้องพยายามสร้างโลกฟุตบอลด้วยตัวเองด้วย โดยมีพ่อเป็นผู้ช่วยข้างกาย
ช่วงนี้ เราลองไปย้อนดูชีวิตของชาคีล กันหน่อยดีกว่า พร้อมกับดูว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มีแนวทางการเลี้ยงลูกชายคนนี้เป็นอย่างไร จนผลักดันจนก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้เป็นผลสำเร็จ
เด็กหลายคนเติบโตมา พร้อมกับมีคุณพ่อของตัวเองเป็นฮีโร่ในดวงใจ ทั้งคำสอน และคำแนะนำ ที่หล่อหลอมจนก่อให้เกิดความรู้สึกดังกล่าว สำหรับ ”ชาคีล" เด็กหนุ่มก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน
เขามีพ่อคอยนำทาง โดยเฉพาะในเรื่องราวของฟุตบอล เขาตระหนักดีว่า ไม่มีอะไรคุ้มค่ามากไปกว่าคำพูดของพ่อ ที่เป็นถึงดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของเนเธอร์แลนด์ (ที่จำนวน 50 ประตู) นามว่า "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่"
ฟาน เพอร์ซี่ ออกมาเผยถึงเคล็ดลับการเลี้ยงลูกของตัวเองว่า เขามักใช้ความตรงไปตรงมา เพื่อให้บทสนทนาแปรเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อให้ลูกชายเก็บเอาไว้ใช้ในการพัฒนาตัวเอง เผื่อสักวันหนึ่ง ลูกชายต้องเข้ามาสู่วงการลูกหนังอาชีพอย่างเต็มตัว เหมือนที่เขาเคยเป็นมา
"ผมเพิ่งมีบทสนทนาหนึ่งกับลูกชาย" ฟาน เพอร์ซี่ ย้อนความทรงจำ "ตอนนั้น ลูกชายของผมกำลังเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของเฟเยนูร์ด เขามีโปรแกรมเจอกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี อย่างไรก็ตาม โค้ชวางตัวเขาเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น ผลสุดท้าย เขาก็ไม่ถูกส่งลงสนามแข่งขัน"
อาร์วีพี เล่าต่อว่า "ระหว่างทางที่เรากำลังขับรถกลับบ้านนั้น ลูกชายของผมอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ผสมไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง และกล่าวโทษอะไรต่างๆ เช่นกล่าวโทษคนอื่น, โค้ช และอีกมากมาย"
"ผมเริ่มพูดกับเขาว่า -ฟังพ่อนะ ชาคีล, ลูกกำลังทำตัวเหมือนพวกขี้แพ้เลยรู้มั้ย ? หากลูกเลือกจะพูดในแนวทางนี้ ทุกอย่างที่ลูกเอ่ยออกมา เหมือนกับถ้อยคำของพวกขี้แพ้ ลูกกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ กล่าวโทษนั่นนี่ และกล่าวโทษทุกสิ่งอย่าง ...... แต่พ่อไม่เห็นลูกกล่าวถึงตัวเองเลย-"
"ผมพูดต่ออีกว่า -ผู้ชนะจะสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ พวกเขาจะกล่าวโทษตัวเองเสมอ และหาหนทางในการพัฒนาตนเอง นี่คือสิ่งที่ลูกควรเก็บนำไปคิด ลูกควรถามตัวเองนะว่า ลูกเป็นผู้ชนะ หรือเป็นพวกขี้แพ้ ?-"
"ผมบอกกับเขาไปอีกว่า สำหรับผมแล้วมันไม่สำคัญเลย เพราะว่าผมคือพ่อของเขา หน้าที่อย่างเดียวของผม กับภรรยาคือการเลี้ยงเขาให้เป็นเด็กดี และพร้อมสำหรับการใช้ชีวิต เขาสามารถทำในสิ่งที่ผิดพลาดได้ พร้อมกับทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ สุดท้ายแล้ว ผมยังรักเขาเหมือนเดิม มันไม่สำคัญด้วยว่า เขาจะก้าวมาเป็นนักฟุตบอลหรือไม่"
"แต่ผมย้ำกับเขาเสมอว่า -ลูกเคยบอกกับพ่อว่า ฟุตบอลคือความหลงใหลของลูก ดังนั้น ลูกควรควบคุมชีวิตของตัวเอง และหยุดกล่าวโทษคนอื่นได้แล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกขี้แพ้เลือกทำกัน พ่อไม่ได้สนใจหรอกนะว่า ลูกอยากเป็นพวกขี้แพ้ ลูกเลือกเป็นแบบนั้นได้เลย พ่อยังรักลูกเหมือนที่เคยเป็นมา อย่างไรก็ตาม หากลูกอยากเป็นผู้ชนะ จงควบคุมตนเอง และหยุดโยนความผิดให้กับคนอื่นเสียที-"
ฟาน เพอร์ซี่ กล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากที่เขาสอนลูกชายสุดที่รักไปแล้วว่า "เช้าวันต่อมา ผมเห็นลูกชายออกไปฝึกซ้อมฟุตบอล ภรรยาของผมเอ่ยปากถามผมว่า -คุณจะไปไหนน่ะ ?- ผมตอบกลับเธอไปว่า ผมจะไปดูลูกซ้อมสักหน่อย"
"ที่สนามซ้อม, ผมคอยนั่งเฝ้ามองเขา ท่ามกลางอากาศที่หนาวจับใจ ผมมองออกไป พร้อมกับเห็นการฝึกซ้อมที่เต็มกำลังความสามารถ ผ่านการวิ่งแบบลืมตาย และทำงานอย่างหนักหน่วง ผมคิดในใจคนเดียวว่า -ต้องแบบนี้ซิวะไอ้ลูกชาย !!- ลูกสามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้ กับการเป็นเด็กที่มีอายุเพียงแค่ 13 ปี" โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ทิ้งท้าย
ขณะที่การเซ็นสัญญาการเป็นนักเตะอาชีพของชาคีล จะยาวไปถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2025 โดยปัจจุบัน เขาเป็นกองหน้า และกัปตันทีมเฟเยนูร์ด รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีอยู่ด้วย โดยเขาอยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2017
ชาคีล เปิดใจว่า ”ผมเล่นให้กับสโมสร ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ วันนี้จึงถือเป็นวันที่แสนพิเศษ เพราะเฟเยนูร์ด เปรียบเหมือนกับบ้านหลังที่สองของผมเลย ทั้งแฟนบอล, สนามแข่งขัน และทุกอย่าง ความฝันของผมคือการได้เล่นที่สนามเดอ ไคป์ พร้อมกับสร้างผลงานให้ดี”
