5 ประเด็นน่าสนใจเกมนัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก
1) จุดโทษของ แมนฯ ซิตี้
แม้จะเป็นทีมที่เล่นเกมรุกดุดันและถล่มประตูได้มากที่สุดของลีก ทว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นกลับมีสถิติอันย่ำแย่อย่างหนึ่งนั่นก็คือเรื่องการยิงจุดโทษ
ลูกที่ ริยาด มาห์เรซ ซัดไปติดเซฟของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ในเกมล่าสุด คือการพลาดจุดโทษครั้งที่ 16 จาก 50 ครั้งหลังสุดของนักเตะเรือใบในรอบ 6 ฤดูกาลหลังสุด ซึ่งความคมในการยิงจุดโทษของ ซิตี้ นั้นอยู่ที่ 68% เท่านั้น น้อยที่สุดในบรรดาทีมท็อปซิกซ์ของลีกเลยทีเดียว
หากได้จุดโทษในเกมนัดสุดท้าย ก็น่าจับตามองเช่นกันนะครับว่าพลพรรคเรือใบจะส่งใครมายิง และจะทำหน้าที่นี้ได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะการต้องดวลกับ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายทวารฝีมือดีที่ฤดูกาลนี้เซฟจุดโทษในลีกไปแล้ว 2 จาก 6 ลูก มีค่าเฉลี่ยการเซฟจุดโทษสูงถึง 33% อยู่ในท็อปลิสต์ของลีกเลยก็ว่าได้
แต่เรื่องดี ๆ เรื่องนึงก็คือในฤดูกาลหน้าพวกเขาจะได้ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ มาเสริมทัพแล้ว ซึ่งค่าเฉลี่ยความคมในการยิงจุดโทษของ ฮาแลนด์ นั้นอยู่ที่ 92% ซึ่งน่าจะเข้ามาช่วยให้ทีมกลบจุดด้อยตรงนี้ไปได้เยอะเลยทีเดียว
2) หงส์เจอหมาป่าไม่ใช่งานง่าย
ถึงแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะแอบหวังให้ แอสตัน วิลล่า สร้างปาฏิหาริย์ในเกมกับ ซิตี้ ก็จริง แต่งานแรกของพวกเขาที่ต้องเร่งทำให้ลุล่วงก่อนเลยนั่นก็คือเอาชนะ วูลฟ์แฮมป์ตัน ให้ได้ ซึ่งการเจอกันครั้งล่าสุดก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหมาป่าตัวนี้ไม่ใช่หมูให้เคี้ยวง่าย ๆ เลยสักนิดเดียว
หากยังจำกันได้ เกมที่โมลินิวซ์ กราวนด์ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล ยกพลมาเยือนทีมของบรูโน่ ลาจ พร้อมกับเจอแท็กติกที่ยอดเยี่ยม ทั้งเพรสซิ่งสู้อย่างสูสี และเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นแบบสุด ๆ กว่าที่หงส์แดงจะมาได้ประตูชัยต้องรอจนถึงนาทีที่ 90+4 จาก ดิว็อค โอริกี้ ก่อนจะเฉือนชัยไปแบบหืดจับ
วูลฟ์ฯ ฤดูกาลนี้เล่นเกมเยือนได้ดี 18 นัดในฐานะอาคันตุกะพวกเขาแพ้ไปแค่ 7 นัด น้อยที่สุดเป็นอันดับ 6 ของลีกหากนับแค่ผลงานเกมเยือน โดยที่เสียไปแค่ 15 ประตูเท่านั้น ซึ่งความน่าสนใจคือยามที่เล่นทีมเยือน วูลฟ์ฯ ไม่เคยเสียประตูเกิน 2 ลูกในเกมเดียวมาก่อน และคลีนชีตไปถึง 7 นัด อีกทั้งยังเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 และชนะ สเปอร์ส ด้วยสกอร์ 2-0 อีกต่างหาก นี่จึงถือว่าเป็นทีมที่ไม่ใช่งานง่ายเลยสำหรับ ลิเวอร์พูล
3) เอริค เทน ฮาก มาดูเกมของปีศาจแดงข้างสนามเป็นครั้งแรก
หลังจากมีข่าวว่าได้เริ่มทำงานในสนามซ้อมไปบ้างแล้ว เกมนัดนี้จะเป็นเกมแรกที่ เอริค เทน ฮาก นายใหญ่คนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเข้ามาชมเกมในสนามด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกอีกด้วย
แมนฯ ยูไนเต็ด จะออกไปเยือนทีมแกร่งอีกทีมในฤดูกาลนี้อย่าง คริสตัล พาเลซ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเกมที่มีความหมายต่อฤดูกาลหน้าของปีศาจแดงมาก ๆ เพราะหากพวกเขาแพ้หรือเสมอที่เซลเฮิร์สท ปาร์ค แล้วทางด้าน เวสต์แฮม ดันไปชนะ ไบรท์ตัน ได้ ขุนค้อนจะทำอันดับแซงหน้าคว้าอันดับ 6 ไปครองในทันที และส่งผลให้ต้องร่วงไปเล่นในถ้วย ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ทันที
และในกรณีที่เลวร้ายสุด ๆ ก็คือหากปีศาจแดงแพ้ พาเลซ มากกว่า 2 ลูกขึ้นไป พวกเขาจะทำสถิติมีผลต่างประตูได้เสียติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี ซึ่งครั้งสุดท้ายที่มีลูกได้เสียติดลบคือในฤดูกาล 1989-1990 โน่นเลย
อีกสถิติที่ย่ำแย่อยู่แล้วในตอนนี้ก็คือ นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เล่นพรีเมียร์ลีกเป็นต้นมาที่ปีศาจแดงเสียประตูมากกว่าทีมอันดับ 17 อย่าง เบิร์นลี่ย์ อีกด้วย
4) สเปอร์ส จะเขี่ยปืนไปเล่นยูโรป้า ลีก
นี่เป็นเหมือนการย้อนเวลากลับไปในฤดูกาล 2005106 ที่เป็นหนึ่งในเกมนัดสุดท้ายที่มีเรื่องราวสุดดราม่า กับการลุ้นพื้นที่ยุโรประหว่างอริร่วมเมืองลอนดอนอย่าง อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส ในฤดูกาล 2005-06
สถานการณ์ก่อนเกมนัดสุดท้ายตอนนั้น ไก่เดือยทองมีคะแนนนำปืนใหญ่อยู่ 1 คะแนน โดยเกมปิดฤดูกาลพวกเขาต้องไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขอแค่เอาชนะขุนค้อนได้ พวกเขาก็จะได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในทันที
ดราม่ามาบังเกิดเมื่อ สเปอร์ส ดันฟอร์มหลุดพ่ายขุนค้อนที่อัพตัน ปาร์ค ไป 2-1 โดยในเกมนัดดังกล่าวมีรายงานว่านักเตะไก่เดือยทองถึง 10 ที่ท้องเสียจนลงสนามไม่ได้ ต้นเหตุมาจากลาซานญ่าที่ทานในโรงแรมคืนก่อนเตะ จนต้องส่งสำรองหลายตำแหน่งและแพ้ไปในที่สุด
ส่วน อาร์เซน่อล ที่เจอกับ วีแกน ซึ่งทัพปืนโตไล่ต้อนเอาชนะไปได้สบาย 4-2 จากการทำแฮตทริคของ เธียร์รี่ อองรี ส่งผลให้พวกเขาพลิกแซงจบที่อันดับ 4 คว้าโควต้าสุดท้ายของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ แถมเกมนัดนั้นยังเป็นเกมนัดสุดท้ายที่เตะในไฮบิวรี่อีกด้วย
แต่กับในปีนี้เหตุการณ์พลิกล็อคแบบนั้นอาจเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจาก สเปอร์ส มีคะแนนนำ อาร์เซน่อล อยู่ 2 คะแนนแถมลูกได้เสียห่างถึง 15 ลูก ซึ่งเกมนัดสุดท้ายไก่เดือยทองไปเยือนบ๊วยอย่าง นอริช และน่าจะไม่พลาดสำหรับ 3 แต้ม ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ อาร์เซน่อล จะต้องลงไปเล่น ยูโรป้า ลีก ฤดูกาลหน้าอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่มีช่วงนึงเกาะท็อปโฟร์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแล้วก็ตาม
5) นัดสุดท้ายอย่างเป็นทางการของอาณาจักรโรมัน
แม้ว่า โรมัน อบราโมวิช จะอำลาทีมไปหลายเดือนแล้วก็จริง แต่ถ้าพูดตามความรู้สึกแล้ว เกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดนี้เหมือนเป็นเกมสุดท้ายของอาณาจักรโรมันอย่างแท้จริง
ท็อด โบห์ลี่ย์ จะเริ่มต้นสร้างอาณาจักรของตัวเองเต็มตัวในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ และเกมนัดนี้อาจเป็นเกมสุดท้ายของนักเตะ เชลซี หลายต่อหลายคนในเวลาเดียวกัน
ไล่ตั้งแต่ อันเดรส คริสเตียนเซ่น, อันโตนิโอ รือดึเกอร์, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และอาจรวมไปถึง โรเมลู ลูกากู ที่ร่ำ ๆ อยากจะกลับอิตาลี ก็ต้องมาจับตาดูกันว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรในฤดูกาลหน้า
เชลซี จะพบ วัตฟอร์ด ที่ตกชั้นไปแล้ว ดังนั้นแฟนบอลต่างคาดหวังว่าจะเห็นการถล่มประตูเพื่อเลี้ยงอำลาอาณาจักรโรมันอย่างสวย ๆ เป็นการส่งท้ายอย่างแน่นอน