ทศวรรษกับเรือใบสีฟ้า "แฟร์นันดินโญ่"
สำหรับ “แฟร์นันดินโญ่” ที่ปิดฉากเส้นทางค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยตลอด 9 ฤดูกาลเต็มของเขา สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีก คัพ 6 สมัย
ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำกับ “แฟร์นันดินโญ่” กันหน่อย ตั้งแต่ย้ายมาเล่นในลีกยุโรป เป็นครั้งแรกในชีวิต รวมถึงการพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก จนสามารถก้าวมาเป็นกำลังหลักของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นผลสำเร็จ
“ผมรู้สึกว่าเหมือนกับมีเฮอร์ริเคน และทอร์นาโด หมุนอยู่ในหัวของตัวเอง”
แฟร์นานดินโญ่ ออกมากล่าวถึงอุปนิสัยส่วนตัว เมื่อต้องเจอกับผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจ ถือว่าเป็นแนวทางในการเล่นฟุตบอลของเขา ช่วยให้เขาก้าวมาเป็นนักเตะระดับโลกที่เกลียดความพ่ายแพ้
ดาวเตะวัย 37 ปี กล่าวว่า “ผมนอนไม่หลับ หากว่าวันนั้น เราต้องพบกับความพ่ายแพ้ กว่าที่ผมจะข่มตานอนได้ ก็ปาเข้าไปช่วงตี 4 แล้วล่ะ มันมีหลากหลายอารมณ์ผสมกัน ในใจผมมีแค่ว่า เราทำอะไรผิดไป และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?”
ย้อนกลับไปปี 2005 แฟร์นานดินโญ่ คือเด็กหนุ่มชาวบราซิเลี่ยน ที่ออกมาผจญภัย และค้าแข้งต่างแดนเป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการย้ายมาร่วมสโมสรดังของยูเครน อย่างชัคตาร์ โดเนตส์ค
แน่นอนว่า เขากัดฟันสู้ไม่ถอย และพยายามพิสูจน์ตัวเอง ท่ามกลางสิ่งมากมายที่ต้องปรับตัว ผลตอบแทนที่ได้คือการคว้าแชมป์ลีกยูเครน 6 สมัย รวมถึงถ้วยยุโรปใบเล็กอย่างยูฟ่า คัพ 1 ครั้ง ถือเป็นการปักหมุดที่ยอดเยี่ยมมาก
แฟร์นานดินโญ่ ออกมาเล่าต่อถึงประสบการณ์ในการย้ายมาเล่นในลีกยูเครน ว่า “เมื่อคุณพูดถึงนักเตะบราซิเลี่ยน ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเล่นในยุโรป มันอาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจ หรือน่าหวาดกลัว”
“แต่ผมเตรียมตัวกับเรื่องนี้มากว่า 10 ปี ตอนนี้ ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว สิ่งที่อยู่ในหัวของผมเสมอคือ ผมต้องก้าวไปเล่นให้กับสโมสรใหญ่ และลีกใหญ่ ผมเฝ้าดู และติดตามฟุตบอลลีกยุโรปอยู่เสมอ เพื่อดูว่า พวกเขาเล่นกันยังไง และอะไรคือสิ่งที่พวกเขาทำ”
“แน่นอนว่า ผู้เล่นบราซิเลี่ยน หลายคนย้ายมา และทำผลงานไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันอาจเป็นเรื่องแปลกนะ เพราะสำหรับผมแล้ว ผมไม่เคยมีปัญหาเลย”
แฟร์นันดินโญ่ ทิ้งท้ายว่า “ผมออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 ขวบ เพื่อย้ายไปเล่นฟุตบอลในตัวเมือง และทำมันออกมาให้ดี หลังจากนั้น ผมก็ย้ายไปเล่นในยูเครน ซึ่งถือเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับบราซิล”
“อะไรจะเกิดขึ้นกับนักฟุตบอลส่วนใหญ่ เมื่อต้องประสบปัญหากับสภาพอากาศ, อาหาร และวัฒนธรรม ผมไม่ได้คิดถึงอะไรเกี่ยวกับยูเครน หรือบราซิล ผมเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ผ่านชีวิตทีละช่วง ดังนั้น ผมจึงมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้”
สิ่งที่แฟร์นานดินโญ่ ฝากเอาไว้กับต้นสังกัดปัจจุบัน คือการเป็นกระดูกสันหลังของทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนกลายเป็นหนึ่งในตำนาน ที่ร่วมกันขีดเขียนหน้าประวัติศาสตร์กับสโมสรเป็นที่เรียบร้อย