:::     :::

11ผู้เล่นตลอดกาลบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกของมาดริด

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม 2565 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,550
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ส่วน 11 ผู้เล่นดีที่สุดตลอดกาลของทีมชุดขาวในรายการนี้มีใครกันบ้างไปติดตามกันครับ

เรอัล มาดริด เป็นเบอร์หนึ่งของวงการลูกหนังยุโรปจากการคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน รวมถึง 13 สมัย และกำลังจะลงเล่นนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 15 ในวันเสาร์นี้กับ ลิเวอร์พูล คู่ปรับเก่าในเกมชิงดำเมื่อฤดูกาล 2017-2018 

ผลงานดังกล่าวเพียงพอที่จะพูดว่า เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลและวิธีที่พวกเขานำหน้าสโมสรอื่นทั่วยุโรป 

มีนักเตะจำนวนมากที่มีส่วนช่วยทีมชุดขาวประสบความสำเร็จบนเวทียุโรปจนกลายเป็นตำนานของสโมสร ส่วนมีใครบ้างที่เป็นผู้เล่นดีที่สุด 11 คนตลอดกาลในการแข่งขันรายการนี้ 

ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซียาส (1999-2015)

กาซียาส เป็นผู้รักษาประตูยิ่งใหญ่สุดที่เคยเล่นกับ เรอัล มาดริด และเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็น 11 ผู้เล่นยิ่งใหญ่สุดของทัพ 'โลส บลังโกส' บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ตลอด 16 ปีกับทีมชุดขาว กาซียาส คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ 3 สมัย (1999–2000, 2001–2002, 2013–14) และยังทำสถิติลงเล่นรายการนี้มากสุดถึง 152 เกม

มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเลือกเกมดีที่สุดจากอาชีพที่ยาวนานเช่นนี้ แต่เกมที่น่าจดจำมากสุดในอาชีพของ กาซียาส บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกคือนัดชิงชนะเลิศกับ เลเวอร์คูเซ่น เมื่อปี 2002 เขาถูกเปลี่ยนลงมาเฝ้าเสาแทน เซซ่าร์ ซานเชซ ที่บาดเจ็บในช่วงครึ่งหลัง และเขาเซฟชอตสำคัญ 3 ครั้งในช่วงท้ายเกม ก่อนทีมชุดขาวจะคว้าแชมป์สมัยที่ 9 จากชัยชนะเหนือทีมห้างยา 2-1

มันเป็นเกมที่ทำให้ กาซียาส ก้าวขึ้นมาเป็นนายทวารมือหนึ่งของทีมชุดขาวไปอีกหลายปีข้างหน้า

แบ็กซ้าย : มาร์เซโล่ วิเอยร่า (2007-ปัจจุบัน)

มันอาจเป็นการตัดสินใจยากในการเลือกระหว่าง มาร์เซโล่ กับ โรแบร์โต้ การ์ลอส สองแบ็กซ้ายยิ่งใหญ่สุดตลอดกาล โดยฝ่ายหลังอาจมีความได้เปรียบเหนือแบ็กรุ่นน้องเล็กน้อยหากพิจารณาจากอาชีพโดยรวมของเขา แต่ มาร์เซโล่ ทำผลงานเหนือกว่าจากความสำเร็จบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก จากการคว้าแชมป์ 4 สมัย (2013–2014, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) 

มาร์เซโล่ เป็นฟูลแบ็กที่เน้นเกมรุก เขาทำ 9 ประตูและ 24 แอสซิสต์จากการลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก 102 เกม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรอบน็อกเอาท์ และบ่อยครั้งที่การทำประตูของเขาเป็นตัวชี้ขาดเกม โดยเฉพาะการทำประตูในเกมชิงชนะเลิศที่มีส่วนช่วยทีมชุดขาวคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 และแบ็กซ้ายชาวบราซิเลียนยังมีเกมโดดเด่นสุดในดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค รอบตัดเชือก นัดสอง ของซีซั่น 2016-2017

เซนเตอร์ : เซร์คิโอ รามอส (2005-2021)

เมื่อพูดถึง 11 ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาลบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกของ เรอัล มาดริด ย่อมต้องมีชื่อ เซร์คิโอ รามอส อยู่ในนั้น จากการคว้าแชมป์ 4 สมัย (2013–2014, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) ซึ่งเป็นการชูโทรฟี่แชมป์ 3 ครั้งในฐานะกัปตันทีม และเป็นแบบอย่างในการทำประตูที่น่าจดจำมากมายในการแข่งขันรายการนี้ รวมทั้งสองประตูใน 2 เกมชิงชนะเลิศกับ แอตเลติโก มาดริด 

รามอส เป็นนักเตะที่ได้เขียนนิยามใหม่ของความเป็นผู้นำด้วยความสำเร็จของเขาในฐานะกัปตันทีม เรอัล มาดริด ผู้นำที่มีเสน่ห์และเป็นหนึ่งในกองหลังที่ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาลของสโมสร

ช่วงเวลาดีที่สุดของเขาบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกคือการโหม่งประตูตีเสมอในเกมชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 ช่วงนาที 92.48 ก่อนทีมชุดขาวจะแซงชนะทีมตราหมีในช่วงต่อเวลาพิเศษ มันไม่มีช่วงเวลาใดที่ดีไปกว่านั้นในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของแชมเปี้ยนส์ลีก

เซนเตอร์ : เฟร์นานโด เอียร์โร่ (1989-2003) 

เมื่อเวลาผ่านไป เราอาจลืมเลือน เฟร์นานโด เอียร์โร่ แต่หนึ่งในกองหลังระดับตำนานนั้นไม่เหมือนใคร และชื่อของเขาจะไม่ถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร เขาเป็นนักเตะที่มีความหลากหลาย สามารถเล่นได้ทั้งเซนเตอร์และมิดฟิลด์ตัวกลาง 

เอียร์โร่ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความสามารถทางเทคนิคและความเป็นนักกีฬา เขายังสามารถทำประตูที่น่าทึ่งได้อีกด้วย โดยทำรวมกัน 7 ประตูบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก จากการลงเล่น 109 เกม

เขาคว้าแชมป์ยุโรปร่วมกับทัพ 'โลส บลังโกส' 3 สมัย (1997–1998, 1999–2000, 2001–2002) ตลอดอาชีพ 14 ปีกับ เรอัล มาดริด และมีบทบาทสำคัญในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 1998 จากการเอาชนะ ยูเวนตุส 1-0 โดยการลงเล่นร่วมกับ มานูเอล ซานชีส ช่วยต้นสังกัดเก็บคลีนชีตและเป็นเหตุผลสำคัญสำหรับความสำเร็จในปีนั้น

แบ็กขวา : ดาเนียล การ์บาฆาล (2013-ปัจจุบัน)

เรอัล มาดริด มีแบ็กขวาที่ยอดเยี่ยมมากมายสำหรับพวกเขาในยุคแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ดีที่สุดคือแบ็กขวาคนปัจจุบัน ดาเนียล การ์บาฆาล หลังมีบทบาทสำคัญต่อการคว้าแชมป์ยุโรป 4 สมัยล่าสุดของทีมชุดขาว (2013–2014, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) 

การ์บาฆาล คว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกตั้งแต่ปีแรกที่เขาเล่นกับ เรอัล มาดริด หลังย้ายกลับมาจาก เลเวอร์คูเซ่น โดยลงเล่นรายการนี้รวมกัน 67 เกมและทำหนึ่งประตู แบ็กขวาวัย 30 ปียังมีโอกาสคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เขายังมีอาชีพที่ยาวนานรออยู่ข้างหน้าเขาและสามารถสร้างมรดกของเขาให้ยิ่งใหญ่ขึ้นตามกาลเวลา

มิดฟิลด์ : ลูก้า โมดริช (2012-ปัจจุบัน)

โมดริช เจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์ ปี 2018 เป็นหนึ่งในตำนานของเกมและเขาคือคนที่จะติดเป็น 1 ใน 11 ผู้เล่นดีที่สุดตลอดกาลในรายการแชมเปี้ยนส์ลีกของ เรอัล มาดริด ในฐานะคนผ่านบอลให้ เซร์คิโอ รามอส โหม่งประตูตีเสมอช่วงนาที 92.48 ของนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 ก่อนจะคว้าแชมป์รวมกัน 4 สมัย (2013–2014, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) 

แม้จะประสบความสำเร็จมากมาย แต่มิดฟิลด์ชาวโครแอตยังแสดงให้เห็นถึงความต้องการคว้าแชมป์มากกว่านี้ 

โมดริช มี 3 ช่วงเวลาที่น่าประทับใจบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ไล่จากการยิงไกลอันน่าทึ่งของเขาในเกมกับ แมนฯยูไนเต็ด เมื่อปี 2013, การผ่านบอลให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำประตูในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2017 และการแอสซิสต์แบบเหนือชั้นให้ คาริม เบนเซม่า ยิงประตูในเกมชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีม นัดสอง ของฤดูกาลนี้ 

มิดฟิลด์ : โทนี่ โครส (2014-ปัจจุบัน)

หนึ่งในนักเตะเยอรมนีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล โทนี่ โครส จึงมีชื่อติดอยู่ในลิสต์แบบไม่ยากนัก หลังการคว้าแชมป์ยุโรปร่วมกับทีมชุดขาว 3 สมัย (2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) เขายังคว้าแชมป์รายการนี้่ร่วมกับทีมเก่า บาเยิร์น มิวนิค อีกหนึ่งสมัย (2012–2013) 

มันอาจไม่สามารถระบุเพียงเกมเดียวที่บ่งบอกถึงความยอดเยี่ยมของมิดฟิลด์ชาวเยอรมันบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ทุกการเล่นของเขาในรายการนี้เป็นมาสเตอร์คลาสในตัวมันเอง และมันเป็นความสม่ำเสมอที่ไม่มีใครเทียบได้ที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาล ส่วนชอตที่น่าประทับใจสุดคือการแอสซิสต์ให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ทำประตูในเกมกับ ลิเวอร์พูล ฤดูกาลที่แล้ว แม้จะเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสง่างาม

มิดฟิลด์ : ซีเนดีน ซีดาน (2001-2006)

ซีดาน เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ยิ่งใหญ่สุดตลอดกาลของวงการลูกหนังและ เรอัล มาดริด แม้ว่าเขาจะเล่นเพียง 5 ฤดูกาลและลงโม่แข้งบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกแค่ 45 นัดก็ตาม แต่ก็ยังทำได้มากพอที่จะทำให้เขาอยู่ในอันดับต้นๆของตำนานที่ยิ่งใหญ่สุดของทัพ 'โลส บลังโกส' 

เขาทำ 9 ประตูกับ 13 แอสซิสต์บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เรอัล มาดริด และหนึ่งในนั้นคือการวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายในเกมชิงชนะเลิศเมื่อปี 2002 ก่อนนำทีมชุดขาวคว้าแชมป์ด้วยชัยชนะเหนือ เลเวอร์คูเซ่น 2-1 มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสุดของตำนานแข้งชาวเมืองน้ำหอม

กองหน้า : ราอูล กอนซาเลซ (1994-2010)

ราอูล เป็นเจ้าของสถิติทำประตูมากสุดอันดับ 3 ของ เรอัล มาดริด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยผลงาน 66 ประตู และเป็นนักเตะที่ลงเล่นบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกมากสุดอันดับ 2 ของสโมสร จากการลงเล่น 132 เกม 

เขาเป็นตัวเลือกอัตโนมัติสำหรับทีมนี้ และเป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยคว้าแชมป์รายการนี้ 3 สมัย (1997–1998, 1999–2000, 2001–2002) เขายังทำประตูในการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง และยังเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ทำแฮตทริคในรายการนี้ด้วย

กองหน้า : คาริม เบนเซม่า (2009-ปัจจุบัน)

เบนเซม่า คว้าแชมป์รายการนี้ร่วมกับ เรอัล มาดริด 4 สมัย (2013–2014, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) ตอนนี้เขาเป็นคนทำประตูสูงสุดอันดับ 3 ร่วมตลอดกาลและเป็นคนทำประตูสูงสุดอันดับ 2 ของ เรอัล มาดริด หลังการยิง 323 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 604 เกม เขายังยิง 74 ประตูจากการลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก 122 นัด 

ฤดูกาลนี้ เบนเซม่า ยังทำผลงานในซีซั่นนี้ขึ้นมาอีกระดับ หลังการทำรวมกัน 15 ประตู รวมถึงการทำแฮตทริค 2 เกมติดต่อกันในการเผชิญหน้ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ เชลซี ในรอบ 16 กับ 8 ทีม ตามลำดับ รวมถึงการทำสองประตูกับ แมนฯซิตี้ ในรอบตัดเชือกด้วย 

กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (2009-2018)

โรนัลโด้ เป็นคนทำประตูมากสุดบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก และยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ เรอัล มาดริด ในรายการนี้ หลังการกระทุ้ง 105 ประตูจากการลงเล่น 101 เกม โดยคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชุดขาว 4 สมัย (2013–2014, 2015–2016, 2016–2017, 2017–2018) รวมถึงการคว้าแชมป์ร่วมกับ แมนฯยูไนเต็ด อีกหนึ่งสมัย (2007-2008)

ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก มีชื่อย่อว่า UCL แต่บางคนอาจคิดว่า UCL เป็นคำย่อมาจาก UEFA Cristiano League และชื่อของเขายังถูกบันทึกเกือบทุกสถิติของรายการนี้ จนมีการกล่าวกันว่า 'คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือมิสเตอร์แชมเปี้ยนส์ลีก' 

จากผลงานดังกล่าวก็เพียงพอสำหรับการเป็นหนึ่งในนักเตะดีสุดตลอดกาลบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกของ เรอัล มาดริด 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด