สตีฟ แม็คมานามาน: ผมชอบทั้งสองทีม แต่อยากเห็น ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์มากกว่า
ผมเชื่อว่าเดอะ ค็อป ที่เริ่มต้นเชียร์ ลิเวอร์พูล ในช่วงยุค 90 ส่วนใหญ่จะมีฮีโร่ในดวงใจแค่ 3-4 ชื่อหลัก ๆ ที่เป็นแม่เหล็กในการดึงดูดให้หันมาเชียร์ทีมนี้ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, ไมเคิ่ล โอเว่น, เจมี่ เร้ดแนปป์ และอีกคนคงหนีไม่พ้น สตีฟ แม็คมานามาน แม็คก้า เป็นซูเปอร์สตาร์ตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ในยุคนั้นชนิดที่หากเทียบความสำคัญแล้ว เขาคงมีค่าเท่ากับ ซาดิโอ มาเน่ หรือไม่ก็ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ แต่ด้วยการย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 1999 แบบไม่มีค่าตัว ส่งผลให้เดอะ ค็อป หลายคนผิดหวังและโกรธ แม็คมานามาน อยู่พอสมควร บ้างก็ว่าเขาเป็นคนทรยศทิ้งทีมไปโดยสโมสรไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว บ้างก็ว่าเขาเห็นแก่เงิน แต่ในมุมของ แม็คมานามาน เองนั้น เขาเคยอธิบายถึงเรื่องการย้ายออกจากแอนฟิลด์เอาไว้อย่างมีเหตุผลไม่น้อยเลยทีเดียว "ลิเวอร์พูล เข้ามาคุยกับผมในเรื่องสัญญาใหม่ช้าเกินไป จาก 2 ปี, ปีครึ่ง เรื่อยมาจนถึงปีสุดท้าย จนในที่สุดผมรู้สึกว่าอยากย้ายไปเล่นต่างประเทศดูบ้าง เพราะในชีวิตนี้ยังไม่เคยได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยสักครั้ง" "ผมน่าจะเป็นนักเตะที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของทีม แต่ก็ได้รับค่าเหนื่อยน้อยกว่าคนมาใหม่หลายคน ตอนนั้นผมไม่มีเอเย่นต์ ไม่เคยเรียกร้องเรื่องเงินเลยตลอดเวลาที่อยู่กับทีม ผมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของสโมสร แต่ในบางความคิดของผมเมื่อเห็นคนมาใหม่ได้รับค่าเหนื่อยมากกว่าผม 2-3 เท่า ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า สโมสรไม่ได้เห็นความสำคัญของเด็กท้องถิ่นแบบผมมากเท่าไหร่" "ตอนที่สโมสรยื่นสัญญาใหม่มาให้ครั้งแรก ทุกอย่างจบลงไม่ถึงหนึ่งนาที ผมปฏิเสธข้อเสนอนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผมว่านั่นแหละคือจุดที่สโมสรเริ่มรู้แล้วว่าผมไม่พอใจกับข้อเสนอตรงหน้า" "จากนั้น สโมสรก็เพิ่มตัวเลขมาให้เรื่อย ๆ ยิ่งใกล้หมดสัญญายิ่งมากขึ้นไปเป็นเท่าตัว ผมยังคงปฏิเสธไปเพราะผมรู้สึกว่า ทำไมถึงไม่ยื่นสัญญาแบบนี้มาให้ผมตั้งแต่แรก ถ้าข้อเสนอนี้ยื่นมาตั้งแต่ตอนนั้น ความรู้สึกของผมคงต่างออกไปและตอนจบของเรื่องนี้ก็คงต่างออกไปด้วยเช่นกัน" แม็คมานามาน มีเหตุผลของตัวเองคือเขาอยากเล่นในฟุตบอลระดับสูง และอีกเหตุผลคือเขารู้สึกน้อยใจ ลิเวอร์พูล ที่มองข้ามคุณค่าของเขาไป จนสุดท้ายเขาเลือกไปเล่นในสเปนกับราชันชุดขาว พร้อมกับรับค่าเหนื่อยในเรตที่สูงถึง 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าสูงเอาเรื่องเลยทีเดียว ชีวิตใหม่ที่ เบร์นาเบว ของ แม็คมานามาน เข้าขั้นประสบความสําเร็จอย่างที่เขาวาดหวัง ดาวเตะจอมเทคนิคสวมเสื้อหมายเลข 8 ให้ราชันชุดขาวพร้อมกับคว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ถึง 2 สมัย, บอลถ้วยในประเทศ 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย และที่พีคสุด ๆ คือได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 2 สมัย ซึ่งในนัดชิงฤดูกาล 2000-01 นั้น เขากระโดดวอลเล่ย์ทำประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ได้อีกต่างหาก แม้ว่าจะเคยถูกมองว่าเป็นคนทรยศ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่องรอยของความบาดหมางเหล่านั้นก็เจือจางลางเลือนลงไปตามกาลเวลา เพราะ แม็คมานามาน เองก็ไม่เคยออกมาพูดอะไรในเชิงลบเกี่ยวกับ ลิเวอร์พูล มากนัก ยกเว้นการอธิบายถึงเหตุผลในการอำลาทีม อีกทั้งหลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้ว เขายังแวะเวียนมาที่สโมสรอยู่บ่อย ๆ ทั้งในฐานะแฟนบอลรวมไปถึงการมาเล่นเกมเกียรติยศหรือเกมการกุศล จนทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับแฟน ลิเวอร์พูล กลับมาดีเหมือนเดิม และในวาระที่ ลิเวอร์พูล จะต้องลงเล่นรอบชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เรอัล มาดริด ในคืนวันเสาร์นี้ สตีฟ แม็คมานามาน ซึ่งเคยค้าแข้งทั้งสองสโมสรจึงถูก เดอะ การ์เดี้ยน สื่อของอังกฤษขอสัมภาษณ์ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเกมคู่นี้ แม็คมานามาน ตอบว่า เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อทั้งสองสโมสร แต่ถ้าต้องเลือกจริง ๆ เขาขอเลือกเชียร์ ลิเวอร์พูล ให้คว้าแชมป์ใบนี้ไปครอง เพราะตัวเขาเองนั้นผูกพันกับที่นี่มากกว่า อีกทั้งยังคิดว่านี่คือเกมที่หงส์แดงสมควรแก่การล้างตาจากความพ่ายแพ้เมื่อปี 2018 อีกด้วย แม็คมานามาน ไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ดีต่อสโมสรนี้เลยสักครั้ง แม้จะแยกทางกันไปแบบไม่ค่อยสวย แต่เหนือสิ่งอืืนใดคือความรักที่เขามีให้ทีมนี้ มันเป็นกาวซึ่งสุดท้ายสามารถนำมาเชื่อมต่อจนความสัมพันธ์กลับมาเหนียวแน่นได้ดีดังเดิม ซึ่งแตกต่างจาก ไมเคิ่ล โอเว่นทที่แม้ว่าจะเคยเล่นให้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด เช่นกัน แต่เขาก็ไม่เคยได้เข้าไปนั่งในหัวใจของแฟนบอลทั้งสองทีมเลยตั้งแต่ย้ายออกมา ด้วยเหตุนี้นี่แหละครับ สตีฟ แม็คมานามาน ถึงได้เข้าไปนั่งในหัวใจแฟนหงส์ได้อย่างแนบสนิท ต่างกับ ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ทำร้ายจิตใจแฟนบอลครั้งแล้วครั้งเล่า มันคือจุดเล็ก ๆ ที่เป็นเส้นบาง ๆ คั่นระหว่างคำว่า "ตำนาน" กับคำว่า "ยอดนักเตะ" มันต่างกันแค่นั้นจริง ๆ