:::     :::

11 ตัวจริงแรกของ 'เสี่ยหมี' กับปัจจุบัน

วันศุกร์ที่ 03 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
3,092
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถึงตอนนี้ โรมัน อบราโมวิช กับ เชลซี กลายเป็นอดีตไปแล้วจากผลพวงเรื่องสงครามระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน

         ความสำเร็จในยุค "เสี่ยหมี" เป็นสิ่งที่แฟนบอลไม่มีวันลืมลงไปได้ กับความทุ่มเทและเม็ดเงินหมาศาลที่มอบให้กับสโมสรจนยกระดับขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำไม่ใช่แค่ในลีก แต่ในระดับยุโรปรวมถึงระดับโลก

         ตลอด 19 ปี เชลซี ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 ครัง, เอฟเอ คัพ 1 ครั้ง, ลีก คัพ 3 ครั้ง, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้ง ยังมี ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กับ สโมสรโลก

         วันนี้จะย้อนกลับไปดู 11 ตัวจริงเกมแรกภายใต้ยุคของ โรมัน อบราโมวิช ที่ลงเล่นในเกมรอบคัดเลือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2003 ว่ามีใครบ้างและทุกวันนี้ทำอะไรกันอยู่

ผู้รักษาประตู : คาร์โล คูดิชินี่


         ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมนับตั้ง้ขาสู่ยคมิลเลี่ยนแนร์ แต่ปีเดียวที่ได้เป็นตัวจริงหลังการเปลี่ยนแปลงของสโมสร คาร์โล คูดิชินี่ ก็ต้องกลายเป็นตัวสำรองเมื่อทีมดึง ปีเตอร์ เช็ก มาร่วมทีมในปีถัดมา

         อย่างไรก็ตามนายทวาาวอิตาลียังอยู่กับทีมยาวจนถึงปี 2009 ก่อนย้ายไปเล่นกับ สเปอร์ส ต่อด้วย แอลเอ แกแล็กซี่ ในเมเจอร์ฃีก ซอคเกอร์

         หลังจากแขวนถุงมือไปในปี 2014 คูดิชินี่ ว่างงานอยู่สองปีก่อนจะกลับมาทำงานกับ เชลซี อีกครั้ง โดยปัจจุบันเป็นโค้ชฝ่ายเทคนิคของสโมสรสำหรับนักเตะยืมตัว

แบ็กขวา : เกล็น จอห์นสัน


         ถือเป็นนักเตะรายงานในยุคของ โรมัน อบราโมวิช ที่จ่ายเงินซื้อมาร่วมทีม โดยย้ายมาจาก เวสต์แฮม ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์และประเดิมเกมแรกเลย

         เช่นเดียวกับ คาร์โล คูดิชินี่ แบ็กขวาชาวอังกฤษมีปีแรกที่ได้ลงเล่นต่อเนื่อง แต่หลังการมาของ เปาโล แฟร์ไรร่า ในปีถัดมาโอกาสก็น้อยลงเรื่อยๆกระทั่งย้ายออกจากทีมไปในปี 2007 

         ปัจจุบัน เกล็น จอห์นสัน ทำงานเป็นกูรูกับทาง บีบีซี และ ทอล์คสปอร์ต แต่ก็ยังทำอย่างอื่นร่วมด้วยโดยมีการลงทุนทางการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย

เซนเตอร์ : จอห์น เทอร์รี่


         หนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในปีแรกที่ โรมัน อบราโมวิช มาเทคโอเวอร์สโมสรเจ้าตัวเป็นรองกัปตันทีม ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสวมปลอกแขนในปีถัดมา

         จอห์น เทอร์รี่ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดกับสโมสร โดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย ถือเป็นกัปตันทีมที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด โดยอยู่กับทีมมาอย่างยาวนานตั้งแต่เป็นเยาวชนในปี 1995 และขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1998 จนกระทั่งออกจากสโมสรไปในปี 2017

         กองหลังชาวอังกฤษไปเล่นกับย แอสตัน วิลล่า ในปี 2017/18 ก่อนแขวนสตั๊ดไปและขึ้นไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ ดีน สมิธ จนถึงปี 2021 โดยปัจจุบันกลับมาที่ เชลซี เพื่อรักตำแหน่งที่ปรึกษาการฝึกสอนของทีมอะคาเดมี่

เซนเตอร์ : มาร์กเซล เดอไซยี่


         ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ตั้งแต่ปี 1998 ในฐานะแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติฝรั่งเศส และเป็นกำลังสำคัญในแนวรับของทีมมาตั้งแต่นั้นจนมาถึงยุคของ โรมัน อบราโมวิช

         แต่เซนเตอร์คนดังก็เล่นแค่ปีเดียวหลังการเทคโอเวอร์ของ "เสี่ยหมี" ก่อนจะย้ายไปเล่นในกาตาร์กับ อัล-การาฟา ตามด้วย กาตาร์ เอสซี 

         มาร์กเซล เดอไซยี่ แขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2006 โดยตอนนี้ทำงานอยู่กับบีอิน สปอร์ตส์ในฐานะกูรู

แบ็กซ้าย : เวย์น บริดจ์


         อีกหนึ่งแข้งที่ทีมซื้อมาร่วมทีมในปีแรกที่ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ด้วยวค่าตัว 7 ล้านปอนด์จาก เซาธ์แฮมป์ตัน

         อย่างไรก็ตามหลังปีแรกอันรุ่งเรืองที่ลงเล่นถึง 48 เกม หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ถูกวางเป็นแบ็กซ้ายตัวสำรองเท่านั้น แถมยังเจอกับอาการบาดเจ็บ ทำให้ตลอดเวลา 6 ปีกับสโมสรได้ลงเล่นแค่ 142 เกมทุกรายการเท่านั้นโดยมีช่วงโดนปล่อยให้ ฟูแล่ม ยืมตัวในปี 2005/06 ด้วย

         หลังจากนั้นเจ้าตัวไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และถูกยืมกับอีกหลายทีมทั้ง เวสต์แฮม, ซันเดอร์แลนด์ และ ไบรท์ตัน ก่อนไปปิดท้ายอาชีพกับ เร้ดดิ้ง และแขวนสตั๊ดในปี 2014 โดยมีเห็นหน้าในเรียลลิตี้ทีวีที่แข่งขันกันทั้งใน I'm A Celebrity Get Me Out Of Here and SAS: Who Dares Wins.

ปีกขวา : เฌเรมี


         ถือเป็นแข้งคนสำคัญในปีแรกของยุค โรมัน อบราโมวิช แต่หลังจากการมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมการเสริมทัพอย่างหนักก็ทำให้บทบาทของ เฌเรมี ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

         หลัง 4 ปีในชุด เชลซี เจ้าตัวย้ายไปเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล โดยอยู่ในชุดที่ทีมตกชั้นไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพเมื่อปี 2009/10 ด้วย ก่อนจะไปเล่นกับ อันคารากูคู ในตุรกี และ เออีแอล สโมสรในกรีซก่อนแขวนสตั๊ดไปในปี 2011

         ปัจจุบัน เฌเรมี ทำงานอยู่ในบอร์ดของฟิฟโปร ซึ่งกำลังพยายามช่วยฟุตบอลหนุ่มชาวแอฟริกันในการเติมเต็มศักยภาพของพวกเขานั่นเอง

มิดฟิลด์ตัวกลาง : ฮวน เซบาสเตียน เวรอน


         ถือเป็นข่าวดังทีเดียวหลังย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ หลังจากที่ไปได้ไม่สวยเท่าไรในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด 

         เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือในเวลานั้นหวังใช้ความสามารถของมิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนติน่ามาปั้นเกมแต่ว่าสุดท้ายไม่เป็นไปตามคาด เจ้าตัวได้ลงเล่นเพียง 14 เกมก่อนจะโดนปล่อยให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวใช้งาน

         ฮวน เซบาสเตียน เวรอน แขวนสตั๊ดในปี 2014 ก่อนจะกลับมาเล่นกับ เอสตูเดียนเตส ช่วงสั้นๆในปี 2017 และประกาศเลิกเล่นไปอีกครั้ง

มิดฟิลด์ตัวกลาง : แฟร้งค์ แลมพาร์ด 


         ตำนาน นักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยมีมา และยังเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรที่ 211 ประตู แม้ว่าจะเล่นเป็นกองกลาง ไม่ใช่กองหน้า

         ตลอด 13 ปีในชุดสีน้ำเงินของสโมสร แฟร้งค์ แลมพาร์ด คือกำลังสำคัญที่ลงเล่นอย่างต่อเนื่องมาตลอด แม้ในปี 2010/1 ที่มีอาการบาดเจ็บยังลงสนามไปถึง 32 เกมซึ่งน้อยที่สุดแล้วต่อหนึ่งซีซั่นในเสื้อ เชลซี

         หลังแยกทางกับทีม แลมพาร์ด ไปเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ นิวยอร์ค เอฟซี ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพกุนซือกับ ดาร์บี้ และได้กลับมาคุม เชลซี แม้จะจบด้วยการโดนไล่ออกแต่ก็ฝากมรดกเอาไว้หลายอย่าง ปัจจุบัน นั่งเก้าอี้กุนซือของ เอฟเวอร์ตัน 

ปีกซ้าย : เดเมี่ยน ดัฟฟ์


         ย้ายจาก แบล็คเบิร์น มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์เมื่อปี 2003 ซึ่งถือว่าราคาสูงทีเดียว แต่ว่าผลงานของ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมทีเดียวกับ เชลซี

         ตลอด 3 ฤดูกาลกับ เชลซี แช้งทีมชาติไอร์แลนด์ลงเล่นไป 125 เกม ทำไป 19 ประตูกับ 28 แอสซิสต์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัยบวกกับ คอมมิวนิตี้ ชิลด์อีก 1 สมัย

         หลังแยกทางกับทีมในปี 2006, ดัฟฟ์ เล่นกับหลายสโมสรทั้ง นิวคาสเซิ่ล, ฟูแล่ม รวมถึงไปเล่นในออสเตรเลียกับ เมลเบิร์น ซิตี้ ก่อนกลับไปปิดฉากกับ แชมร็อค โดยปัจจุบันเจ้าตัวทำหน้าที่กุนซือ เชลบอร์น สโมสรในไอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก

กองหน้า : ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น


         กองหน้าทีมชาติไอซ์แลนด์คือผู้ทำประตูแรกในยุคของ โรมัน อบราโมวิช ช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะ 2-0 โดยเส้นทางกับ เชลซี ตั้งแต่ปี 2000 เขาคือกองหน้าตัวหลักของทีมที่มีประตูมาฝากอยู่เรื่อยๆ

         ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ในปี 2006 ถือเป็นแข้งที่ประสบความสำเร็จในยุคต้นของ "เสี่ยหมี" โดยปิดฉากกับทีมด้วยการทำ 78 ประตูกับ 31 แอสซิสต์จาก 262 เกม

        อดีตแข้งวัย 43 ปีเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไอซ์แลนด์ปลายปี 2020 แต่ล่าสุดก็แยกทางกันไปเมื่อปีที่แล้ว

กองหน้า : มิคาเอล ฟอร์สเซลล์


         เรียกได้ว่าเป็นกองหน้าที่ถูกลืมไปเลยก็ว่าได้ ซึ่งแม้ว่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงเกมแรกในยุคของ โรมัน อบราโมวิช แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนปล่อยยืมตัวกระทั่งย้ายออกจากทีมไป

         ฟอร์สเซลล์ ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมเพียง 53 เกมตลอดระยะเวลา 6 ปีกับทีม หลังจากนั้นไปเล่นกับหลายสโมสรทั้ง เบอร์มิงแฮม, ฮันโนเวอร์, ลีดส์, เอชเจเค, โบคุ่ม และไปปิดฉากกับ เอชไอเอฟเค

         หลังจากแขวนสตั๊ดไปในปี 2018 ปัจจุบันทำหน้าที่กุนซือทีมเยาวชนให้กับ เอชเจเค

                


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด